ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 82

ตอนที่ 82 เจ้านี่โง่จริงๆ เลย!

เขาไม่ได้อธิบายว่าทำไมต้องตื่นเช้า จนกระทั่งรุ่งเช้าวันต่อมา หยวนกังถึงทราบว่าเขาจะทำอะไร

หยวนกังทนรับนิสัยชั่วร้ายของคนผู้นี้ไม่ได้อยู่บ้าง คิดไม่ถึงเลยว่าจะพาเขามาดักรอตรงเรือนของซางเฉาจง

ราวกับเดาออกว่าเฟิ่งรั่วหนานต้องลุกออกมาแต่เช้าตรู่แน่ แว่วเสียงเปิดประตูดังเอี๊ยดอ๊าด เฟิ่งรั่วหนานรีบเดินออกมา เมื่อเดินมาถึงปากประตูเรือนเล็ก ก็ถูกหนิวโหย่วเต้าที่เดินลอยชายออกมาขวางอยู่ตรงประตูเรือน

“เอ๊ะ!” หนิวโหย่วเต้าแสร้งทำเป็นตกใจ มองพินิจเฟิ่งรั่วหนานตั้งแต่หัวจรดเท้าแวบหนึ่ง จากนั้นก็ชำเลืองมองเข้าไปในเรือน ประสานมือพลางเอ่ยหยอกเย้า “เมื่อคืนพระชายาพักผ่อนสำราญดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?”

เฟิ่งรั่วหนานมีท่าทางเหนียมอายอย่างที่เห็นได้ยากในเวลาปกติ ใบหน้าพลันแดงก่ำราวก้นลิง ทว่าฝืนทำเป็นมั่นใจ ถลึงตาใส่พร้อมกล่าวว่า “เกี่ยวอันใดกับเจ้า?”

ซางเฉาจงที่อยู่ในเรือนได้ยินเสียงจึงโผล่ออกมา เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงปากประตู พลันมีสีหน้าอับอาย รีบหันหลังกลับเข้าไปทันที

ความจริงหนิวโหย่วเต้ามองเห็นแล้ว แต่แสร้งทำเป็นไม่เห็น ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “เฮ้อ กระหม่อมกลัวว่าพระองค์จะทุบตีท่านอ๋องของพวกเราอีก ถึงได้มาเฝ้าอยู่ที่นี่” ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดคือต้องการบอกอีกฝ่ายว่าข้ารู้เรื่องที่เมื่อวานเจ้ามาค้างคืนอยู่ที่นี่แล้ว

เฟิ่งรั่วหนานแค้นใจจนกัดฟันกรอด ตวาดขึ้นว่า “ต่ำช้าไร้ยางอาย!”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “พระชายา กระหม่อมรับประกันได้ว่าครั้งนี้ไม่มีผู้ใดวางยาแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”

เขาเอ่ยเรื่องที่ไม่สมควรเอ่ยออกมา เฟิ่งรั่วหนานกุมด้ามกระบี่ทันที อยากจะชักกระบี่ฟันเขาให้ตายใจแทบขาด

“ดูเหมือนพระชายาจะมีอคติกับกระหม่อมนะพ่ะย่ะค่ะ” หนิวโหย่วเต้าหมุนตัวกลับพลางกวักมือเรียกหยวนกัง “ไปเถอะ ดูเหมือนข้าคงไม่จำเป็นต้องมาคุยเรื่องการเย็บแผลรักษาแล้ว”

เฟิ่งรั่วหนานเบิกตากว้าง นึกอยากสับเขาเป็นหมื่นๆ ชิ้นยิ่งนัก สุดท้ายก็ได้แต่กัดฟันแล้วกล่าวไปว่า “หยุดก่อน!”

สุดท้ายนางก็ยอมอ่อนข้อให้ เป็นฝ่ายเอ่ยขอโทษ!

หนิวโหย่วเต้าจากไปด้วยความพอใจ

หยวนกังที่ติดตามอยู่ด้านข้างเอ่ยเตือนประโยคหนึ่ง “คุณทำแบบนี้ เธอจะยิ่งเกลียดคุณเอานะ”

“เกลียดก็เกลียดไปสิ ทำไมพวกเราต้องเปลืองแรงให้ท่านอ๋องคนนั้นได้สบายล่ะ? ด่าฉันไว้ตั้งหลายครั้ง ฉันเอาคืนบ้างไม่ได้เหรอไง?” หนิวโหย่วเต้าหัวเราะเอ่ยล้อเล่น จากนั้นก็เอ่ยอย่างไม่อนาทรว่า “ขัดขวางไม่สู้คล้อยตาม เปิดเผยกันไปให้ชัดเจนเลยดีกว่า ทะเลาะบ้างก็ดี ให้เธอรู้ว่าฉันเป็นคนแบบไหน เดี๋ยวพอชินก็กลายเป็นเรื่องปกติไปเอง แต่ถ้าปล่อยให้อีกฝ่ายเก็บความเกลียดชังเอาไว้ในใจจริงๆ แบบนั้นสิถึงจะยุ่ง สิงโตร้ายกัดโดยไม่ส่งเสียง! อีกอย่าง ถ้ากระทั่งเธอฉันยังจัดการไม่ได้ อย่างนั้นฉันก็ไม่มีน้ำยาแล้ว!”

เมื่อถึงเวลาอาหารเช้า หนิวโหย่วเต้าพบว่ามีคนร่วมโต๊ะเพิ่มเข้ามาสองคน เฟิ่งรั่วหนานเริ่มมากินข้าวร่วมกับทางนี้แล้ว แล้วก็มีไป๋เหยาด้วยอีกคนหนึ่ง

ศัตรูคู่แค้นพบหน้าย่อมต้องมีท่าทางคล้ายจะกินเลือดกินเนื้อ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีความกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง

เมื่อเช้าหยอกล้อเฟิ่งรั่วหนานไปแล้ว หนิวโหย่วเต้าจึงเปลี่ยนเป้าหมาย พุ่งเป้าไปที่ซางเฉาจง เปิดปากถามว่า “ท่านอ๋อง เมื่อคืนคงมิได้ถูกทุบตีใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?”

เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน หลานรั่วถิงยกมือปิดปากกลั้นขำ ซางซูชิงอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ มุมปากไป๋เหยายกโค้งขึ้นเล็กน้อย

เฟิ่งรั่วหนานทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น คว้าขนมเปี๊ยะชิ้นหนึ่งขึ้นมากัดกินอย่างดุดัน อดไม่ได้ที่จะเตะขาซางเฉาจงใต้โต๊ะไปทีหนึ่ง

ขณะที่ซางเฉาจงกำลังอึดอัดอยู่ ด้านนอกพลันมีคนเข้ามารายงาน “ท่านอ๋อง ด้านนอกมีคนชื่อเว่ยตัวมาหาพ่ะย่ะค่ะ บอกว่ามาจากสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ ต้องการขอพบฝ่าซือ”

ทุกคนมองไปทางหนิวโหย่วเต้า

หนิวโหย่วเต้าขมวดคิ้วเอ่ยทวน “เว่ยตัว?” จากนั้นนึกขึ้นมาได้ คนที่รู้จักเขาในโลกนี้ แถมยังชื่อเว่ยตัว เกรงว่าคงมีเพียงศิษย์เอกของถังมู่คนนั้น

เขาเคยได้ยินถูฮั่นเอ่ยถึงศิษย์ของถังมู่คนนี้ ได้ยินว่าติดอ่าง นิสัยสัตย์ซื่อ เคารพเชื่อฟังอาจารย์เป็นอย่างยิ่ง

สำหรับเว่ยตัวคนนี้ เขาไม่มีความทรงจำอันใดเลย ถึงจะบอกว่าเคยพบหน้ากัน แต่ก็แค่ได้พบกันตอนที่ไปถึงสำนักสวรรค์พิสุทธิ์แล้วเกือบสิ้นชีพใต้ฝ่ามือของถังซู่ซู่ หลังจากนั้นก็ไม่เคยพบหน้ากันอีก ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายวิ่งแจ้นมาหาตนถึงที่นี่ด้วยเจตนาใด

“ไม่พบ! บอกเขาไป ข้าตัดขาดกับสำนักสวรรค์พิสุทธิ์แล้ว ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก” หนิวโหย่วเต้าตอบกลับไป

เมื่อเขาว่ามาแบบนี้ ซางเฉาจงย่อมส่งสัญญาณให้ไปจัดการตามนั้น

หลังจากคนที่มาแจ้งข่าวออกไป จู่ๆ ไป๋เหยาก็เปิดปากเอ่ยว่า “เกิดเรื่องกับสำนักสวรรค์พิสุทธิ์เล็กน้อย”

สายตาของทุกคนหันมองไปทางเขาทันที หนิวโหย่วเต้าสอบถาม “ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องใดขึ้น?”

คำถามนี้เป็นการแสร้งถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว จากที่เขาคาดการณ์ไว้ สำนักสวรรค์พิสุทธิ์น่าจะถูกทำลายล้างแล้ว กำลังสงสัยว่าเว่ยตัวคนนี้ใช่ผู้โชคดีที่หนีรอดมาได้หรือไม่

ไป๋เหยาเล่าว่า “เพิ่งได้รับข่าวเมื่อไม่นานนี้ สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ป่าวประกาศต่อโลกบำเพ็ญเพียร ระบุนามศิษย์ทรยศล้มครูล้างสำนักจำนวนหนึ่ง ซ่งซูบุตรชายของเสนาบดียุติธรรมซ่งจิ่วหมิงก็อยู่ในรายชื่อนี้ด้วย สำนักสวรรค์พิสุทธิ์บอกว่าบุตรชายของซ่งซูลอบทำร้ายศิษย์ร่วมสำนัก ซ้ำยังกล่าวว่าซ่งซูสมคบกับสำนักเซียนสถิตเข้าลอบโจมตีสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ เรื่องนี้สร้างความปั่นป่วนขึ้นในโลกบำเพ็ญเพียรไม่น้อย ซ่งซูผู้นั้นนับว่าชื่อเสียงฉาวโฉ่แล้ว ซ้ำยังมีข่าวลืออีกว่าขณะที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์เกือบจะถูกทำลายล้าง จ้าวสยงเกอแห่งยอดเขาภูตมารซึ่งเป็นศิษย์สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ที่ถูกขับออกจากสำนักไปแล้วผู้นั้นได้ปรากฏตัวขึ้นในช่วงเวลาคับขัน ข่มขวัญสำนักเซียนสถิตจนล่าถอยไป ถึงทำให้สำนักสวรรค์พิสุทธิ์พ้นเคราะห์ไปได้ ตอนนี้ไม่ทราบแน่ชัดเช่นกันว่าสถานการณ์ของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์เป็นอย่างไร”

พ้นเคราะห์ไปได้? สำนักสวรรค์พิสุทธิ์มิได้ถูกทำลายล้างหรือ? หนิวโหย่วเต้าตะลึงไปเล็กน้อย เขาเองก็เคยได้ยินถูฮั่นเอ่ยถึงจ้าวสยงเกอแห่งยอดเขาภูตมารเช่นกัน ทั้งยังบอกด้วยว่าหากพบปัญหาให้ไปหาจ้าวสยงเกอเพื่อลี้ภัย หากสำนักสวรรค์พิสุทธิ์มิได้ถูกทำลายล้าง แล้วเว่ยตัวผู้นี้มาหาตนทำไม?

เฟิ่งรั่วหนานอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “จ้าวสยงเกอผู้ครองลำดับที่เก้าแห่งทำเนียบโอสถคนนั้นน่ะหรือ?”

ไป๋เหยาเคี้ยวขนมเปี๊ยะช้าๆ “เขานั่นแหละ”

เฟิ่งรั่วหนานถามด้วยความอยากรู้ “จ้าวสยงเกอเป็นศิษย์สำนักสวรรค์พิสุทธิ์หรือ? ยอดฝีมือเช่นนี้ เหตุใดจึงถูกสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ขับออกจากสำนักเล่า?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า