ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 83

ตอนที่ 83 ร้านเครื่องเขียน

จะว่าไปแล้วสัมผัสจากมือของสตรีนางนี้ไม่เลวเลย ความอ่อนละมุนที่แทรกผ่านเส้นผมทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย

หนิวโหย่วเต้าหลับตาดื่มด่ำกับความเพลิดเพลิน รอไปก่อน หากอีกฝ่ายมีอะไรจะพูด เดี๋ยวก็จะคงพูดออกมาเอง

“เต้าเหยี่ย เว่ยตัวผู้นั้นยังคุกเข่าอยู่ด้านนอกนะ” ซางซูชิงเอ่ยเตือนประโยคหนึ่ง

หนิวโหย่วเต้ากล่าวอย่างเฉยชา “แต่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ต้องการสังหารกระหม่อม! ถ้าเขาอยากคุกเข่าก็ปล่อยเขาคุกเข่าไป!”

ซางซูชิงเงียบไปอีกครั้ง จนถึงยามที่รวบผมขึ้นไปเป็นมวยให้เขา จึงกล่าวขึ้นมาอีกว่า “หากเต้าเหยี่ยต้องการสถานที่สงบสักแห่งสำหรับเก็บตัว ทางเรามีสถานที่ที่ปลอดภัยเป็นอย่างยิ่งอยู่แห่งหนึ่ง อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยถูกคนนอกค้นพบมาก่อน”

หนิวโหย่วเต้าร้องโอ้ ถามต่อว่า “ที่นี่มีหรือ? ที่ไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ซางซูชิงตอบไปว่า “มิขอปิดบังเต้าเหยี่ย รากฐานในอำเภอชางหลูของพวกเราสองพี่น้องมิได้มีเพียงที่เห็นอยู่นี้ หากแต่ยังมีเขตลับอีกแห่งด้วย!”

“เขตลับ?” หนิวโหย่วเต้าค่อยๆ ลืมตาขึ้น เอ่ยถามอีกครั้ง “เขตลับแบบไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ซางซูชิงตอบเพียงว่า “นี่เป็นเรื่องสำคัญ รายละเอียดปลีกย่อยไม่สะดวกบอกกล่าวต่อเต้าเหยี่ยในตอนนี้ได้ หากเต้าเหยี่ยยินดีไปเก็บตัวบำเพ็ญเพียรที่นั่น เมื่อถึงเวลาย่อมได้เห็นเอง”

หนิวโหย่วเต้าใคร่ครวญเล็กน้อย เอ่ยขึ้นว่า “หากรับประกันความปลอดภัยได้ กระหม่อมไปก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”

ซางซูชิงเอ่ย “ตกลง! เดี๋ยวข้าจะรีบจัดการให้เต้าเหยี่ยทันที แต่คงต้องรอเตรียมการสำหรับปิดบังอำพรางอีกสักสองสามวัน มิเช่นนั้นหากจู่ๆ เต้าเหยี่ยหายตัวไป พวกพี่สะใภ้จะนึกสงสัยเอาได้”

“แค่ไม่กี่วันกระหม่อมรอได้พ่ะย่ะค่ะ” นับว่าหนิวโหย่วเต้าตอบตกลงแล้ว แต่หลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ถามอีกว่า “เรื่องที่ให้กระหม่อมไปบำเพ็ญเพียรที่เขตลับนั่น เป็นพระองค์ที่โน้มน้าวท่านอ๋องกับท่านหลานใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?”

ซางซูชิงผงะไปเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเขาเดาออกได้อย่างไร สถานที่แห่งนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เรื่องที่จะให้หนิวโหย่วเต้าไปที่นั่น ซางเฉาจงและหลานรั่วถิงลังเลเป็นอย่างมาก แล้วก็เป็นนางที่ลงแรงเกลี้ยกล่อมทั้งสองคน นางไม่ตอบรับประเด็นนี้ แต่ถามว่า “เต้าเหยี่ยมีปิ่นปักผมหรือไม่?”

นางเกล้าผมเป็นมวยให้หนิวโหย่วเต้าเรียบร้อยแล้ว ถึงได้พบว่าขาดปิ่นปักผมสำหรับยึดมวยผมเอาไว้

เมื่อเห็นนางหลบเลี่ยงคำถามนั้น หนิวโหย่วเต้าก็ไม่ถามอีก อันที่จริงเขารู้อยู่แก่ใจดี ที่อยากให้ตนไปเก็บตัวในเขตลับอะไรนั่น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนางกังวลว่าเขาจะจากไปแล้วไม่กลับมา แต่ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าเขาจะกลับหรือไม่กลับ เพราะเมื่อมีสำนักหยกสวรรค์คอยสนับสนุน เขาก็ไม่ได้มีความสำคัญเหมือนอย่างก่อนหน้านี้อีก สาเหตุที่แท้จริงที่ต้องการให้เขาไปเก็บตัวอยู่ที่นั่นเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้พวกเขาได้เปิดเผยแผนการสำคัญกับตนแล้ว ประกอบกับเขารู้ความจริงเรื่องกาทมิฬแสนตัว หากข่าวรั่วไหลออกไป มันจะทำให้แผนการของทางนี้พังพินาศจนไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีก

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่โหดเหี้ยมกว่านี้สักหน่อย เกรงว่าคงจะฆ่าเขาปิดปากไปแล้ว แต่การที่ซางเฉาจงจะสังหารเขาอย่างเงียบๆ นั้นกลับมิใช่เรื่องง่าย จะขอให้ทางผู้บำเพ็ญเพียรของเฟิ่งรั่วหนานลงมือให้ก็เป็นไปได้ยากเช่นเดียวกัน เพราะไม่สามารถอธิบายกับทางเฟิ่งรั่วหนานและสำนักหยกสวรรค์ได้ว่าเหตุใดจึงต้องการสังหารเขา ก่อนหน้านี้ยังบอกอยู่เลยมิใช่หรือว่าตัวเขาหนิวโหย่วเต้ามีประโยชน์ต่อการตามหากาทมิฬแสนตัวนั่น? เมื่อไม่มีเหตุผลที่ชอบธรรมพอให้ลงมือ สำนักหยกสวรรค์ย่อมต้องทำการตรวจสอบแน่นอนว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่

“กระหม่อมไม่เคยเกล้าผม ไหนเลยจะมีปิ่นได้?” หนิวโหย่วเต้ายิ้มเล็กน้อย

ซางซูชิงลังเลเล็กน้อย จากนั้นดึงปิ่นปักผมเล่มหนึ่งที่ดูเหมือนจะใช้ได้ทั้งหญิงและชายออกมาจากมวยผมของตน ก่อนจะปักยึดมวยผมของหนิวโหย่วเต้าเอาไว้ ยามที่ไม่ได้ออกไปด้านนอก นางจะไม่สวมหมวกม่านแพร เพียงใช้แพรโปร่งคลุมปิดใบหน้าส่วนบนไว้

หลังจากตรวจดูแล้วว่ามวยผมเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ยุ่งเหยิง ซางซูชิงก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เต้าเหยี่ยว่าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“คันฉ่อง” หนิวโหย่วเต้ากวักมือ

หยวนกังรีบหยิบคันฉ่องมาให้ หนิวโหย่วเต้าส่องคันฉ่องดูเล็กน้อย เอ่ยถามหยวนกัง “เป็นอย่างไร?”

หยวนกังตอบสั้นๆ “ไม่เลว ดูดีขึ้นไม่น้อย”

หนิวโหย่วเต้าคืนคันฉ่องให้เขา ลุกขึ้นแล้วหันหลังกลับ ลูบมวยผมพลางเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ท่านหญิงลงมือด้วยตัวเองเช่นนี้ กระหม่อมหักใจแกะไม่ลงเลยพ่ะย่ะค่ะ”

ซางซูชิงเม้มปากยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไรเลย หากเต้าเหยี่ยไม่รังเกียจ ต่อไปก็ยกเรื่องนี้ให้ข้าดูแลได้”

หนิวโหย่วเต้าโบกมือ เขาจะไปเรียกใช้ท่านหญิงเยี่ยงสาวใช้ได้อย่างไร

……..

ณ ตัวอำเภอชางหลู หลังจากพายุแห่งการกวาดล้างพัดผ่านไป ความสงบก็หวนคืนกลับมาอย่างรวดเร็ว หลายครอบครัวหน้าชื่นตาบาน หลายครอบครัวหน้าหมองอกตรม ชาวบ้านตัวเล็กๆ ต่อต้านอิทธิพลไม่ได้ ทำได้เพียงคล้อยตาม

บนถนนมีร้านเครื่องเขียนแห่งหนึ่งนามว่า ‘หมึกวิเวก’ นับเป็นร้านเครื่องเขียนร้านหนึ่งที่ดีที่สุดในตัวอำเภอชางหลู หมึกกระดาษพู่กันจานฝนในร้านล้วนเป็นของชั้นดีที่สุดในอำเภอนี้ ร้านหมึกวิเวกคล้ายจะเปิดทำการตามปกติ ทว่าเปลี่ยนคนดูแลหน้าร้านแล้ว เถ้าแก่คนเดิมได้รับผลกระทบจากการกวาดล้าง กล่าวกันว่าลี้ภัยไปแล้ว นี่มิใช่เรื่องผิดปกติอันใด มีเถ้าแก่ของร้านค้าหลายแห่งที่พอเห็นร้านรวงบางแห่งถูกยึดไป พวกเขาก็มีท่าทีคล้ายจะรอดูสถานการณ์ไปก่อน

เถ้าแก่ร้านคนใหม่สวมชุดสีขาว รูปร่างผอมบาง ถือไม้ขนไก่ปัดฝุ่นบนชั้นวางสินค้าอย่างตั้งใจ

ชายสามคนที่เดินเตร่ไปตามถนนหยุดอยู่นอกร้านหมึกวิเวก เงยหน้ามองป้ายร้าน สังเกตการณ์รอบข้างอย่างเงียบๆ เล็กน้อย ก่อนจะพากันเดินเข้าไปในร้าน

“ลูกค้าทั้งสามท่านต้องการ….” เถ้าแก่คนใหม่ได้ยินเสียงจึงหันไปเอ่ยทักทาย แต่เอ่ยยังไม่ทันจบ เขาก็ต้องตะลึงไปทันทีเมื่อเห็นคนที่เป็นผู้นำกลุ่มคนทั้งสาม

ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มรูปร่างล่ำสันกำยำ มองสำรวจชั้นวางสินค้าภายในร้าน ค่อยๆ เดินเข้าไปหาเถ้าแก่ร้านคนใหม่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า