ตอนที่ 85 มีคนต้องการสังหารข้า
หอองอาจเป็นมรดกตกทอดจากหนิงอ๋อง เป็นสถานที่สำคัญสำหรับหารือวางแผนทางการทหาร ซางเฉาจงและหลานรั่วถิงกำลังทำการอนุมานถึงสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจจะต้องเผชิญในอนาคตอยู่ตรงหน้าแผนที่
ยามนี้ทหารใต้บังคับบัญชาของซางเฉาจงมีลูกน้องเก่าของหนิงอ๋องเพิ่มขึ้นมานับพันนาย ซ้ำยังรับสมัครทหารใหม่นับพันนายเพื่อเข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อยภายในพื้นที่ ไม่ขาดแคลนกำลังคนสำหรับอบรบฝึกฝนทหารใหม่ งานราชการในอำเภอชางหลูก็มีคนคอยดูแลเช่นกัน เวลานี้เขาเข้ายึดครองจุดสำคัญที่ป้องการง่ายโจมตียาก ทั้งเบื้องหลังยังมีมีสำนักหยกสวรรค์และเฟิ่งหลิงปอคอยสนับสนุนอยู่ ทำให้รูปการณ์และสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก มีเวลาพอให้ตั้งหลักและวกกลับมายังเป้าหมายเดิมก่อนหน้านี้ เริ่มวางแผนการระยะยาว
เขตพื้นที่ทางการทหาร คนทั่วไปไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าออกโดยพลการ แต่เห็นได้ชัดว่าซางซูชิงคือข้อยกเว้น นางสามารถเข้าออกได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ
ซางซูชิงบอกเล่าถึงเรื่องราวของทางหนิวโหย่วเต้า ซางเฉาจงพลันเอ่ยถาม “มีเรื่องใดถึงต้องเลื่อนการเก็บตัวออกไป?”
หลานรั่วถิงที่กำลังจ้องมองแผนที่พลางใช้ความคิดค่อยๆ หันกลับมามอง ถามขึ้นว่า “ท่านหญิง เขาบอกหรือไม่ว่าเลื่อนออกไปเพราะเหตุใด?”
ซางซูชิงตอบตามตรง “เขาไม่ได้บอก ข้าเองก็ไม่ได้ถาม เสด็จพี่กับท่านอาจารย์ก็รู้ดีว่าเขาคนนั้นเป็นอย่างไร เรื่องที่ไม่อยากพูด ท่านถามไปก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรอยู่ดี”
จริงอย่างที่ซางซูชิงว่ามา ซางเฉาจงกับหลานรั่วถิงสบตากันแวบหนึ่ง ต่างกำลังใคร่ครวญว่าหนิวโหย่วเต้าจะมีเรื่องใดให้ทำได้
ไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องปลูกผักกระมัง ระยะนี้หยวนกังนำเหล่าสมณะวัดหนานซานลงมือปลูกผักอย่างเอาจริงเอาจัง พื้นที่โล่งผืนนั้นเดิมทีซางซูชิงวางแผนจะปลูกพฤกษาผกางามบางชนิด แต่หยวนกังกลับเข้ามาแย่ง ซางซูชิงพูดอะไรไม่ได้ ได้แต่ต้องยอมยกให้เขาไป
เลื่อนการเก็บตัวบำเพ็ญเพียรเพราะเรื่องปลูกผักอย่างนั้นหรือ? ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ดูไม่น่าจะเป็นไปได้เลย
และในเวลานี้เอง ด้านนอกพลันมีคนมาขอเข้าพบ องครักษ์นายหนึ่งเข้ามารายงาน “ท่านอ๋อง หยวนกังมาหาพวกกระหม่อม ให้คนของทางเราไปสืบเบื้องลึกเบื้องหลังของร้านขายเครื่องเขียนแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า ‘หมึกวิเวก’ พ่ะย่ะค่ะ ซ้ำยังกำชับอีกว่าห้ามแหวกหญ้าให้งูตื่นเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ!”
ซางซูชิงผงะไปทันที ภายในดวงตาสุกใสเต็มไปด้วยแววตาแห่งความสงสัย
“หมึกวิเวกหรือ?” ซางเฉาจงเอ่ยทวน “ไยข้าจึงรู้สึกว่าค่อนข้างคุ้นหู?”
หลานรั่วถิงลูบเครากล่าวย้ำเตือน “ท่านอ๋อง ‘ลองได้เยือนสมุทรไซร้ นทีใดมิเทียบทาน’ บทนั้นไงพ่ะย่ะค่ะ”
“โอ้!” ซางเฉาจงกระจ่างขึ้นมาทันที นึกขึ้นมาได้แล้ว เป็นกลอนบทนั้นที่ทุกคนล้วนเอ่ยชมว่าดี แต่นี่ก็ยิ่งทำให้เขาฉงนมากกว่าเดิม “ทำไมจู่ๆ ถึงจะไปสืบเบื้องหลังของร้านเครื่องเขียนแห่งนั้นล่ะ?”
หลานรั่วถิงส่ายหน้าเล็กน้อย “การกระทำที่แปลกประหลาดเช่นนี้เกรงว่าจะมิใช่ความคิดของหยวนกัง หากแต่เป็นเต้าเหยี่ยผู้นั้น เต้าเหยี่ยมักจะชอบทำเรื่องที่ผู้อื่นมองแล้วไม่เข้าใจ”
ซางเฉาจงรู้ซึ้งถึงเรื่องนี้ดี เขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องนี้มาอย่างลึกล้ำ เต้าเหยี่ยผู้นั้นบอกว่าจะไปขอยืมกำลังทหารจากจังหวัดกว่างอี้ ผลสุดท้ายกลายเป็นวิวาห์เกี่ยวดอง กำชับเขาเรื่องเข้าหอ ผลสุดท้ายคือวางยาไปด้วย
ซางซูชิงหันไปเอ่ยกับองครักษ์คนนั้น “พวกเจ้าไปจัดการตามที่เขาบอกเถอะ”
องครักษ์คนนั้นเห็นซางเฉาจงไม่ได้คัดค้าน จึงประสานมือเอ่ยรับคำ “พ่ะย่ะค่ะ!” จากนั้นรีบหันหลังจากไป
ซางเฉาจงและหลานรั่วถิงต่างจ้องมองซางซูชิง นางใคร่ครวญแล้วเอ่ยว่า “ที่เลื่อนการเก็บตัวออกไป เกรงว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับร้านหมึกวิเวกแห่งนี้”
หลานรั่วถิงแปลกใจ “รู้ได้อย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ซางซูชิงอธิบาย “ก่อนหน้านี้ข้านำกลอนบทนี้ไปขอคำวิจารณ์จากเขาเล็กน้อย เขายังสอบถามถึงที่มาของกลอนบทนี้ด้วย เอ่ยชมว่าเป็นกลอนดี”
หลานรั่วถิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ “แล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับเบื้องหลังของร้านหมึกวิเวกด้วยล่ะพ่ะย่ะค่ะ? เป็นแค่ร้านเครื่องเขียนแห่งหนึ่ง ต่อให้แต่งกลอนได้ดีจนอยากจะผูกสัมพันธ์กับอีกฝ่าย แต่จำเป็นต้องกำชับว่าห้ามแหวกหญ้าให้งูตื่นด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ซางซูชิงชี้แจงต่อว่า “มีบางเรื่องที่ท่านอาจารย์ยังไม่ทราบ เมื่อครู่นี้ตอนข้าเสนอเรื่องไปเขตลับ เขาตอบตกลงอย่างดิบดี อีกทั้งก่อนที่ข้าจะเอ่ยถึงกลอนบทนี้ เขาก็ตอบตกลงว่าจะไปที่เขตลับแล้ว แต่หลังจากที่ข้าท่องกลอนบทนี้ออกไป จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนใจ ห้ามแหวกหญ้าให้งูตื่นที่ว่า…ดูเหมือนเขาน่าจะสังเกตเห็นว่าร้านเครื่องเขียนแห่งนั้นมีปัญหาอะไรบางอย่าง”
ภายในหอองอาจตกอยู่ในความเงียบสงัดไปชั่วขณะ ต่างคนต่างใคร่ครวญถึงเรื่องนี้ ล้วนอยากถามหนิวโหย่วเต้ายิ่งนักว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็อย่างที่ซางซูชิงว่าไว้ เรื่องที่หนิวโหย่วเต้าไม่อยากพูด เจ้าถามไปก็ไม่ได้ความจริงอันใดอยู่ดี
สุดท้ายยังคงเป็นซางเฉาจงที่เอ่ยเนิบๆ ว่า “รอดูต่อไปแล้วกัน!”
…….
บ่ายวันเดียวกันนั้นก็มีข่าวแจ้งกลับมา หยวนกังกลับมาที่เรือนเล็ก
บนเก้าอี้เอนหลังตัวหนึ่ง หนิวโหย่วเต้านอนเอนหลังอยู่ใต้ร่มไม้อย่างผ่อนคลาย หลับตาพักผ่อน
กระบี่วางไว้ตรงที่พักแขน นิ้วมือที่เกี่ยวอยู่บนด้ามกระบี่เคาะช้าๆ เป็นจังหวะ แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้หลับ
ข้างเก้าอี้เอนหลังจัดเตรียมเก้าอี้ไว้ตัวหนึ่ง หยวนกังเดินมาถึงด้านข้างก็นั่งลงบนเก้าอี้ ตำแหน่งอยู่ข้างหูหนิวโหย่วเต้าพอดี เขาเองก็ไม่พูดจาไร้สาระอันใด เอ่ยเข้าประเด็นทันทีว่า “ร้านหมึกวิเวกเป็นร้านอุปกรณ์เครื่องเขียนที่ดีที่สุดในตัวอำเภอ เจ้าของเดิมไม่อยู่แล้ว ได้ยินว่าเนื่องจากค่อนข้างหวาดผวากับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นในอำเภอชางหลู จึงลี้ภัยกลับบ้านเกิดไปชั่วคราว ช่วงนี้ในตัวอำเภอเกิดเรื่องราวทำนองนี้ขึ้นเยอะ ได้ยินว่าเจ้าของร้านคนปัจจุบันเป็นญาติผู้น้องของเจ้าของเดิม มาช่วยดูแลร้านแทนเจ้าของเดิมชั่วคราว เพื่อนบ้านรอบข้างบอกว่าตอนนี้เขาดูแลร้านอยู่คนเดียว ยังไม่เห็นมีลูกจ้างมาช่วยงาน ข้อมูลที่ทำการยืนยันมาได้ในตอนนี้มีเพียงเท่านี้ เพื่อไม่ให้เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น เลยยังไม่สืบลึกลงไป”
หนิวโหย่วเต้านิ่งเงียบไม่พูดจา คล้ายว่านอนหลับอยู่ แต่นิ้วทั้งห้าที่วางบนด้ามกระบี่ยังขยับต่อเนื่อง หลังจากนิ้วทั้งห้าหยุดนิ่งลง เขาก็เอ่ยขึ้นว่า “ไม่ต้องสืบแล้ว ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายวางแผนอะไรเอาไว้ ถ้าสืบลึกลงไปจะแหวกหญ้าให้งูตื่นได้ง่ายๆ แค่จัดกำลังคอยจับตามองอย่างเงียบๆ ก็พอ”
หยวนกังเอ่ยถาม “เต้าเหยี่ย คุณคิดจะทำยังไง?”
“อีกฝ่ายน่าจะไม่รู้ว่ากลอนบทนี้เกี่ยวข้องกับฉัน ไม่อย่างนั้นคงไม่เอาออกมาใช้จนแหวกหญ้าให้งูตื่น ถ้าอย่างนั้นการที่อีกฝ่ายเอากลอนบทนี้มาใช้ มันหมายความว่าอย่างไรกันล่ะ?” หนิวโหย่วเต้าค่อยๆ ลืมตาขึ้นพลางเอ่ยถาม จากนั้นก็ตอบเองว่า “อีกฝ่ายคงคิดจะอาศัยกลอนบทนี้เข้าตีสนิททางฝั่งนี้ เพราะไม่อย่างนั้นก็ไม่มีวิธีอื่นที่จะเข้าใกล้ได้แล้ว พอเป็นแบบนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงเรื่องเรื่องหนึ่ง นั่นคืออีกฝ่ายกริ่งเกรงอิทธิพลของสำนักหยกสวรรค์ ไม่กล้าผลีผลามลงมือ พูดอีกอย่างก็คือฝ่ายตรงข้ามมีความสามารถจำกัด ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสำนักหยกสวรรค์ พวกเราอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ถือว่าปลอดภัย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า