ตอนที่ 90 เส้นทางยาวไกล
หยวนกังที่ออกจากโถงด้านหลังมายังสวนด้านหลังกวาดตามองรอบข้างอย่างระแวดระวัง หลังจากเข้าใกล้บ่อน้ำ จู่ๆ เขาพลันกระโดดลงไป ทั้งร่างดิ่งลงไปในบ่อ ความเคลื่อนไหวรวดเร็ว หายลับไปทันที
ทันทีที่ลงไปในบ่อ หยวนกังกางสองขาออกไปด้านข้าง สองมือยันผนังบ่อน้ำทั้งสองฝั่งไว้ ควบคุมแรงบนฝ่ามือ ค่อยๆ ไถลตัวลงไปอย่างไม่เร่งร้อน กางแขนออกเพื่อรักษาสมดุล ขณะเดียวกันก็สังเกตก้อนอิฐที่อยู่บนผนังบ่อน้ำรอบด้าน เมื่อลงไปถึงจุดที่มีระดับความลึกสามจั้ง สองขาออกแรงยันผนังบ่อไว้ ตรึงตัวคนไว้กลางบ่อ สายตามองไปยังก้อนอิฐที่มีรอยบิ่นตรงมุมก้อนหนึ่งที่อยู่ตรงเบื้องหน้า
ก้อนอิฐที่มีรอยบิ่นตรงมุมมีอยู่มากมายนัก อิฐก้อนนี้เองก็ไม่มีจุดไหนที่แปลกประหลาดเลยเช่นกัน เพียงแต่หยวนกังที่ได้รับคำชี้แนะมาแล้วสามารถสังเกตเห็นจุดผิดปกติของมันได้ รอยบิ่นที่อยู่ตรงมุมบนและมุมล่างของอิฐก้อนนี้มีความสมมาตรกัน
หยวนกังโน้มตัวไปด้านหน้า ยื่นมือออกแรงกดไปบนอิฐก้อนนั้น ดันจนสุดแรง หากไม่เป็นเพราะได้รับคำชี้แนะมาก่อน พอกดลงไปแล้วก็ดูไม่คล้ายว่าจะใช่กลไกเลย ต้องออกแรงอย่างมากถึงจะดันอิฐก้อนนั้นให้ผลุบเข้าไปจนเกิดเสียงครืดหนักๆ ได้ หลังอิฐก้อนนั้นจมเข้าไป หยวนกังก็ออกแรงดันผนังบ่อน้ำที่โค้งมนทั้งแถบนั้นอีกครั้ง ผนังบ่อน้ำหมุนเปิดออกเป็นช่องเหมือนประตูบานหมุนบานหนึ่ง เพียงแต่เปิดอ้าได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
หยวนกังยื่นมือออกไปเกาะผนังบ่อที่เปิดเอียงออกมา เคลื่อนตัวมุดเข้าไป ล้วงตะบันไฟออกมาส่องดู พบว่าด้านข้างมีคบเพลิงวางอยู่ จึงหยิบขึ้นมาจุด เขากวาดตามองไปรอบด้าน พบสาเหตุที่ทำให้บานประตูเปิดออกแค่ครึ่งเดียวแล้ว หลังบานประตูมีร่องหินอยู่ ในร่องหินมีแท่งศิลาใหญ่ยาวแท่งหนึ่งวางอยู่ เห็นได้ชัดว่าอิฐก้อนที่เขาผลักเมื่อครู่ก็คือศิลาแท่งนี้ มิน่าถึงได้หนักขนาดนี้
เขาสำรวจดูเล็กน้อยก็เข้าใจแล้วว่ากลไกนี้ทำงานอย่างไร เมื่อมีแท่งศิลาแท่งนี้สอดอุดอยู่ในช่องบนผนังบ่อทางเข้า มันก็เท่ากับเป็นการขัดประตูบานหมุนบานนี้เอาไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อนไปไหน หากไม่หาให้พบแล้วดันเข้าไปก่อน ก็อย่าหวังว่าจะเปิดประตูที่หนึกอึ้งบานนั้นได้ กลไกนี้ดูเหมือนจะเงอะงะเรียบง่าย ทว่าใช้งานได้จริง หากไม่ใช่คนที่ทราบถึงความลับนี้ ต่อให้คลำไปทั่วทั้งบ่อก็ยากจะหาทางเข้าพบได้
เขาหันหลังกลับ ชะโงกศีรษะออกไปด้านนอกประตูแล้วมองขึ้นไปด้านบน พลางเอื้อมมือดึงตะไคร่น้ำชิ้นหนึ่งออกมาจากผนังบ่อ ออกแรงโยนไปนอกบ่อ
เมื่อเห็นตะไคร่น้ำที่ถูกโยนออกมา หนิวโหย่วเต้าก็เอียงศีรษะเล็กน้อยส่งสัญญาณให้หยวนฟาง หยวนฟางรีบเดินออกไป กวาดตามองดูรอบข้าง กระโดดลงไปในบ่ออย่างรวดเร็ว
“ท่านหญิง พระองค์ปีนลงไปเองคงไม่สะดวก ให้กระหม่อมพาพระองค์ลงไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ” หนิวโหย่วเต้าหันไปบอกซางซูชิง
ซางซูชิงพยักหน้ารับ ตอบ “อืม” คำหนึ่ง
ซางเฉาจงพลันประสานมือกล่าวกับหนิวโหย่วเต้าว่า “เต้าเหยี่ย โปรดช่วยคุ้มครองชิงเอ๋อร์ด้วย”
“วางใจได้พ่ะย่ะค่ะ ขอเพียงกระหม่อมยังอยู่ ก็ไม่มีทางปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นกับท่านหญิงแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” หนิวโหย่วเต้าให้คำมั่นสัญญา ความหมายในวาจาคือจะเกิดเรื่องขึ้นก็ต่อเมื่อข้าสิ้นท่าไปก่อนแล้ว
หลานรั่วถิงเองก็ประสานมือกล่าวว่า “ท่านหญิง เต้าเหยี่ย รักษาตัวด้วย!”
หนิวโหย่วเต้าและซางซูชิงพยักหน้ารับเล็กน้อย เดินออกไปที่สวนด้านหลังด้วยกัน
พวกเขาเหลียวมองรอบข้างจากนั้นเดินไปหยุดอยู่ที่ริมบ่อ ทันใดนั้นหนิวโหย่วเต้าพลันวาดมือคราหนึ่ง ตะไคร่น้ำบนพื้นที่ถูกหยวนกังโยนออกมาพลันลอยขึ้นสู่อากาศ ก่อนจะถูกเขาปัดให้ตกลงไปในบ่อ จากนั้นยื่นแขนออกไป โอบเอวอันบอบบางของซางซูชิงไว้แล้วกระโดดขึ้นพร้อมกัน ร่วงตกลงไปในบ่อ
เมื่อซางเฉาจงที่ยืนอยู่หน้าประตูโถงด้านหลังมองเห็นฉากนี้ก็อดขบกรามขึ้นมาไม่ได้ แม้นการมานั่งยึดติดเรื่องชายหญิงมิพึงชิดใกล้อะไรนั่นในช่วงเวลาจำเป็นมันออกจะดูคร่ำครึเกินไปหน่อย แต่พอเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาตน เมื่อได้แต่มองดูน้องสาวตนถูกชายอื่นโอบกอดเช่นนี้ มันก็เกินจะทนไหวจริงๆ ชิงเอ๋อร์ยังเป็นสตรีแรกแย้มอยู่เลย!
ซางเฉาจงทนไม่ไหวหันไปเอ่ยถามหลานรั่วถิงว่า “ชิงเอ๋อร์วิ่งไปหาเขาถึงที่ทุกเช้า คงมิใช่ว่าชอบเขาเข้าแล้วกระมัง?”
หลานรั่วถิงตกตะลึง จากนั้นกล่าวว่า “ท่านหญิงเป็นคนรู้ว่าอะไรควรมิควร ไยท่านอ๋องจึงกล่าวเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ? หรือพระองค์มองพิรุธอันใดออก?”
ซางเฉาจงพบว่าตนพลั้งปากไปเสียแล้ว เรื่องเช่นนี้ไหนเลยจะพูดส่งเดชได้ พูดไปก็มีแต่จะทำให้น้องหญิงของตนแปดเปื้อน เขาโบกมือกล่าวด้วยความประดักประเดิด “ไม่มีอะไร ข้าคิดมากไปเอง!”
ส่วนทางซางซูชิง การที่จู่ๆ ก็ถูกหนิวโหย่วเต้าโอบเอวไว้เช่นนี้ นางเองก็ตกใจเช่นกัน ร่างกายหดเกร็งขึ้นมา
พอลงมาในบ่อ หนิวโหย่วเต้าก็ใช้พลังทันที ปล่อยพลังภายในออกไปแล้วอาศัยแรงลอยตัวของอากาศ ค่อยๆ พาซางซูชิงลอยลงมา
ได้แนบชิดกับบุรุษคนหนึ่งในระยะใกล้ขนาดนี้ ซ้ำยังถูกบุรุษโอบประคองไว้ สัมผัสได้ถึงท่อนแขนอันกำยำของบุรุษ ซ้ำยังมีกลิ่นอายของบุรุษเพศเจืออยู่ ความคิดซางซูชิงว้าวุ่น ใจเต้นแรงขึ้นมา
หนิวโหย่วเต้าคล้ายจะสัมผัสได้ว่าหัวใจของนางเต้นแรงขึ้นมาเล็กน้อย จึงเอ่ยปลอบเบาๆ ว่า “ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรอันตรายพ่ะย่ะค่ะ” บ่อเก็บน้ำแห่งนี้ค่อนข้างลึก เขาจึงนึกว่าอีกฝ่ายใจเต้นแรงเพราะตกใจที่กระโดดลงมา
เมื่อลอยลงมาถึงตำแหน่งปากทางเข้า เขายื่นมือผลักเปิดผนังบ่อที่เป็นประตู ส่งซางซูชิงเข้าไปก่อน จากนั้นตนค่อยมุดตามเข้าไป
เมื่อทั้งสองเข้ามา หยวนกังก็ดันประตูบานหมุนให้กลับเข้าที่
ซางซูชิงที่ค่อยๆ สูดหายใจเข้าไปลึกๆ เพื่อปรับสภาพอารมณ์เล็กน้อยชี้ไปยังแท่งศิลาที่อยู่ในร่องหิน เอ่ยว่า “ต้องวางมันกลับคืนที่ด้วย มิเช่นนั้นทางเข้าจะถูกพบได้ง่ายๆ” ตัวนางอยากลงมือด้วยตัวเอง แต่นางทราบดีว่าน้ำหนักของแท่งศิลาก้อนนั้นมิใช่สิ่งที่นางจะผลักดันให้ขยับเขยื้อนได้
หยวนกังจึงเดินกลับมาจัดการ เขาจับปลายแท่งศิลาแล้วออกแรงดึง แท่งศิลาที่มีน้ำหนักสองร้อยกว่าจินถูกลากกลับไปขัดไว้ที่เดิม ตรงปลายมีร่องอยู่ ไม่ต้องกังวลว่าแท่งศิลาจะทะลุเกินออกไป
หยวนกังที่จัดการก้อนศิลาเสร็จเรียบร้อยมองเห็นหนิวโหย่วเต้ากำลังมองหาอะไรอยู่ จึงเอ่ยเตือนว่า “สำรวจดูแล้ว ที่นี่มีคบเพลิงแค่อันเดียว”
หนิวโหย่วเต้าเอียงตัวหลีกทางให้ โบกมือทีหนึ่ง สื่อว่าให้เขานำทางไปก่อน จากนั้นก็หันกลับไปเอ่ยกับซางซูชิง “เหตุใดถึงมีคบเพลิงอันเดียวล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”
“ด้านล่างมีคบเพลิงมากมายถูกจัดวางไว้ตามรายทาง เพียงพอให้คนนับพันใช้ไปตลอดทาง” ซางซูชิงให้คำตอบ จากนั้นก็ถามด้วยความสงสัย “เต้าเหยี่ย ท่านไม่มี ‘เสี่ยวเยวี่ย’ หรือ?”
หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ พลางเอ่ยตอบ “ผีเสื้อเรืองแสงประเภทนั้นจดจำเจ้าของแค่คนเดียว กระหม่อมยังไม่เคยมีโอกาสเพาะเลี้ยง วันหน้าจะหามาเลี้ยงสักตัวแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า