บทที่ 117 การตลาด
“แล้วลูกพี่หมูกำลังจะไปที่ไหนเหรอครับ?” เขาเห็นตือโป๊ยก่ายนั้นกำลังเร่งรีบ ฉิงเทียนจึงได้ถามอย่างสงสัย
เมื่อได้ยินที่ฉิงเทียนถาม ตือโป๊ยก่ายก็บ่นออกมาทันที “ก็เป็นเรื่องของงานเลี้ยงลูกท้อที่กำลังจะมาถึงนี่น่ะสิ! ในเวลานี้เง็กเซียนฮ่องเต้นั้นมีบัญชาให้*ไท่ไป๋จินซิงเป็นผู้จัดงานเลี้ยงลูกท้อ” (*ไทแป๊ะกิมแช ผู้ที่เคยอาสาไปหลอกหงอคงให้มารับใช้บนสวรรค์)
“งานเลี้ยงลูกท้อนั้นจัดเหมือนเดิมทุกปี ทำให้มีเซียนบางคนเริ่มที่จะเบื่อหน่ายกับงานนี้และไม่อยากที่จะมา ข้าก็ไม่รู้ว่าเซียนตนไหนที่เอาเรื่องนี้ไปบอกกับเง็กเซียนฮ่องเต้ ผลก็คือเง็กเซียนฮ่องเต้มีบัญชาให้ไท่ไป๋จินซิงจัดงานเลี้ยงลูกท้อเสียใหม่ให้แตกต่างไปจากเดิม”
เมื่อเห็นสีหน้าที่ครุ่นคิดหนักของตือโป๊ยก่ายแล้ว หัวใจของฉิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะคล้อยตาม
เขาไม่รู้หรอกว่างานเลี้ยงดอกท้อบนสวรรค์นั้นเป็นแบบไหน ถ้าไม่ใช่กิจกรรมแบบที่พวกคนรวยๆเขาทำอะไรล่ะก็ เขาก็น่าจะพอแนะนำบางกิจกรรมให้ได้และถ้าต้องการอยากที่จะได้สิ่งของเขาก็ยินดีที่จะส่งให้ด้วย!
เมื่อฉิงเทียนคิดได้เช่นนี้ เขาจึงได้ถามเชิงเป็นนัยๆ “ลูกพี่หมูไท่ไป๋จินซิงเป็นคนรับผิดชอบงานเลี้ยงดอกท้อแล้ว คุณก็ไม่น่าจะต้องกังวลอะไรไม่ใช่รึไงครับ? แล้วลูกพี่กำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่เหรอครับ?”
“น้องฉิงเจ้าไม่รู้อะไร, ไท่ไป๋จินซิงเนี่ยเป็นคนที่น่ารังเกียจมาก”
“เขานั้นควรที่จะเป็นคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ แต่เขากลับบอกว่าตัวเขานั้นงานยุ่งมาก เง็กเซียนฮ่องเต้จึงได้สั่งการให้ข้ามาช่วยเขาพร้อมกับเงินจำนวนหนึ่ง” ตือโป๊ยก่ายพูดอย่างฉุนเฉียว
“อ้อ” เมื่อได้ยินเช่นนี้ฉิงเทียนก็ยิ้มออกมา ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่มนุษย์ที่มี**เพื่อนร่วมทีมหมู แต่เซียนเองก็มีเพื่อนร่วมทีมหมูเช่นกัน (**เพื่อนร่วมทีมหมู เป็นศัพท์มาจากเกมหมายถึงเพื่อนร่วมทีมที่เล่นโง่ๆเหมือนหมู)
ดูเหมือนว่านี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะได้ขายของ, ฉิงเทียนจึงได้ตัดสินใจที่จะแกล้งทำเป็นช่วยตือโป๊ยก่ายต่อสู้กับความไม่ยุติธรรมแล้วพูดขึ้น “จริงด้วยครับ ไท่ไป๋จินซิงนี่ไม่ใช่เซียนที่ดีเลยจริงๆ เขามาหลอกใช้คนอื่นแบบนี้ได้อย่างไร?”
“ใช่ไหมล่ะ?” เมื่อตือโป๊ยก่ายได้ยินที่ฉิงเทียนพูดสนับสนุนเขา เขาจึงได้ระบายความคับข้องใจในใจเขาออกมาทันทีแล้วพูดขึ้นต่อ “เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงตรัสว่าหากข้าทำให้งานเลี้ยงลูกท้อนั้นออกมาไม่ดีเขาจะลงโทษข้าด้วยการตัดเงินเดือน 300 ปี และสั่งให้ข้าถูกกักบริเวณอยู่ในวัด 300 ปีด้วย”
เมื่อได้ยินที่ตือโป๊ยก่ายพูดเรื่องนี้แล้ว เขาก็บ่นออกมาในใจ: คนนี้ชื่อไท่ไป๋จินซิงนี่ทำให้เราโมโหขึ้นมาจริงๆ มาหลอกลูกพี่หมูแบบนี้ได้ เราล่ะตกใจจริงๆ
ในเวลานี้ฉิงเทียนจึงได้ฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้ถามเขา “ลูกพี่หมูครับ, แล้วเมื่อก่อนคุณจัดงานเลี้ยงลูกท้อยังไงเหรอครับ?”
เมื่อได้ยินที่ฉิงเทียนถาม ตือโป๊ยก่ายนั้นก็ลูบหัวของเขาแล้วตอบแบบไม่ได้คิดอะไร “งานเลี้ยงลูกท้อนั้นก็ไม่ใช่ว่าเป็นงานที่เหล่าเซียนมากินผลไม้สวรรค์และชมเหล่านางฟ้าเต้นรำและพูดคุยกันไม่ใช่รึ?”
เมื่อได้ยินคำตอบของตือโป๊ยก่าย ฉิงเทียนก็หน้ามืดขึ้นมาทันที งานเลี้ยงลูกท้อบนสวรรค์นี่มันธรรมดาเกินไปแล้ว ทุกๆปีมีแต่เต้นรำ กินและโอ้อวดกันเท่านั้น จะมีใครที่อยากจะไปงานที่น่าเบื่อแบบนี้! ไม่แปลกใจเลยที่เหล่าเซียนจะไม่อยากไป เราเองยังไม่อยากไปเลย
ถ้าจะมีเซียนคนไหนที่อยากมางานน่าเบื่อแบบนี้ ก็คงมีแต่คนที่อยากมาประจบเง็กเซียนฮ่องเต้และเจ้าแม่เท่านั้น
ส่วนตือโป๊ยก่ายในสวรรค์นั้นเมื่อเห็นสีหน้าที่เหมือนกำลังดูถูกของฉิงเทียนนั้นก็พูดขึ้นมา “ฉิงเทียน เจ้าคงไม่ได้ดูถูกงานเลี้ยงลูกท้อบนสวรรค์หรอกใช่ไหม?”
“งานเลี้ยงลูกท้อบนสวรรค์นั้นเป็นงานที่จะมีเพียงเทพเซียนที่เป็นบุคคลสำคัญในสวรรค์จะถูกเชิญมา…….”
แล้วตือโป๊ยก่ายจึงได้เริ่มเล่าให้ฉิงเทียนฟังถึงคุณสมบัติของเซียนที่จะได้รับเชิญมาในงานเลี้ยงลูกท้อทุกปี!
ซึ่งทำให้ฉิงเทียนต้องรีบพูดออกไปว่า “มิกล้าครับมิกล้า ผมแค่คิดว่างานเลี้ยงลูกท้อนั้นมันจำเจซ้ำซากเกินไปหน่อย จึงไม่แปลกใจเลยที่เทพเซียนนั้นจะไม่อยากไปกันน่ะครับ”
เมื่อได้ยินที่ฉิงเทียนพูด ตาของตือโป๊ยก่ายก็ฉายแสงออกมาแล้วคิด: จริงด้วยสิ น้องฉิงเป็นคนบนโลกนี่นา เราเองก็ไม่รู้เลยว่าคนบนโลกนั้นเขาจัดงานเลี้ยงกันอย่างไร?”
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ตือโป๊ยก่ายก็ได้ยิ้มแล้วถามกลับไป “น้องฉิง แล้วเจ้าจัดงานเลี้ยงบนโลกกันอย่างไรรึ?”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย