บทที่ 140 เตรียมการลงมือ
“แค่พวกเรา 2 ตระกูลอย่างนั้นเหรอ?” จ้าวก่างพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ “น้องสี่ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อนาย แต่ถึงแม้ตระกูลจ้าวของเราจะมีอำนาจอยู่บ้างในโลกใต้ดิน แล้วก็ไม่มีข้อมูลมากพอที่ขายและไม่มีพลังมากพอที่จะจัดการกับแก๊งทั้งหมดในโม๋ตูด้วย”
ฉิงเทียนจึงพูดแบบไร้ความกลัว “ก็ไม่ใช่ว่ามีผมทั้งคนแล้วไม่ใช่รึไง? พี่ใหญ่ยังจะกลัวอะไรอีก?”
ประโยคนี้ทำให้จ้าวก่างนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเขาเองก็เป็นผู้ฝึกวิชาเหมือนกัน ถึงแม้ว่าการฝึกวิชาในปัจจุบันของเขาจะอยู่แค่ชั้นเทียนเซียน แต่จ้าวก่างก็รู้ดีถึงสภาพร่างกายของตัวเขาเองดี เขาเก่งกว่าตัวเขาในอดีตซัก 10 เท่าได้
“ใช่แล้ว พวกเราจะกลัวไปทำไมในเมื่อพวกเรามีน้องสี่อยู่ทั้งคน?” จ้าวก่างพูดอย่างตื่นเต้น “ท่านพ่อครับ, พวกเราทำได้แน่!”
ส่วนจ้าวเลี่ยงที่อยู่ข้างๆ เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ต่อหน้าของเขา โดยเฉพาะลูกชายของเขาที่มีความมั่นใจขึ้นมาจากที่กังวลเมื่อสักครู่ เพราะคำพูดของฉิงเทียน
“ลุงจ้าวครับ, ผมคิดว่าพวกเราน่าจะคุยหาวิธีการที่จะล้มตลาดมืดยังไงดีได้แล้วล่ะครับ” ฉิงเทียนพูดพร้อมกับยิ้ม
มองดูที่ฉิงเทียนพูดว่าจะจัดการกับตลาดมืดราวกับแมวไล่จับหนูแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าฉิงเทียนนั้นไม่ใช่คนธรรมดา แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดี
“หลานฉิงเทียน นายพอจะบอกได้ไหมว่าพวกเราจะทำมันได้อย่างไร?” จ้าวเลี่ยงพูดขึ้นมา
ส่วนฉิงเทียนเองก็รู้ว่าเขานั้นไม่ได้บอกรายละเอียดของแผนการให้พวกเขาฟังเลย ดังนั้นจ้าวเลี่ยงนั้นไม่สามารถที่จะร่วมมือกับเขาโดยพลการได้
“ลุงจ้าวครับ คุณพอจะจำได้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดมืด ถ้าฐานทัพของตลาดมืดนั้นไม่อยู่แล้ว” ฉิงเทียนถาม
เมื่อได้ยินที่ฉิงเทียนถาม จ้าวเลี่ยงก็ประหลาดใจขึ้นมา เพราะเขาเองก็รู้ถึงความแปลกของอาคารหลังนั้นในตลาดมืดเช่นกัน เขาไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนมากแค่ไหนที่ต้องการที่จะลงมือกับอาคารหลังนั้น แต่ก็ไม่คาดคิดว่าอาคารหลังนั้นที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยตลาดมืดจนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังอยู่ดีราวกับถูกปกป้องโดยพระเจ้าอยู่ โดยไม่มีเกิดอะไรขึ้นเลยทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจก็ตาม
ยกตัวอย่างเช่น เคยมีแก๊งจำนวนหนึ่งที่ไม่ลงรอยกับตลาดมืด พวกเขาจึงคิดที่จะทำบางอย่างกับอาคารนั้น แต่ไม่ว่าพวกเขาจะลงมือซักกี่ครั้งก็พลาดหมด ผู้คนจึงรู้สึกทึ่งอย่างมาก จนกระทั่งถึงตอนนี้ผู้คนก็ยังพูดว่าอาคารหลังนั้นจะต้องได้รับพรจากพระเจ้าแน่ๆ
แน่นอนว่าฉิงเทียนเองก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นถ้าเขาจึงคิดว่าถ้าเขาระเบิดอาคารนั้นทิ้งเสีย จะไม่ทำลายแค่ชื่อเสียงของตลาดมืดเท่านั้นแต่ยังทำให้ชื่อเสียงของจ้าวเลี่ยงนั้นเป็นที่รู้จักกันไปทั่วด้วย
“ถ้าเช่นนั้นฉันจะคอยดูผลงานของหลานฉิงก็แล้วกัน” จ้าวเลี่ยงยกริมฝีปากของเขาขึ้นมาและพูดด้วยรอยยิ้ม
………………
ในตอนกลางคืน เมืองโม๋ตูเข้าสู่โหมดแสงไฟอีกครั้ง บางทีเมืองนี้อาจจะมีชีวิตชีวาในเวลากลางคืนมากกว่าเวลากลางวันเสียอีก
ณ ร้านข้างถนนแห่งหนึ่ง ฉิงเทียนกับจ้าวก่างนั้นต่างก็ถือเบียร์ขวดหนึ่งไว้ในมือของเขา!
“น้องสี่ นายคิดจะทำลายอาคารของตลาดมืดจริงๆเหรอ?” จ้าวก่างถาม
ฉิงเทียนหยิบเอาเบียร์ขึ้นมากระดกเข้าปากอย่างไม่สนใจใครแล้วพูดขึ้น “ผมบอกพ่อของพี่ใหญ่ไปแบบนั้นแล้ว แน่นอนว่าก็ต้องทำจริงน่ะสิ!”
“น้องสี่อาคารหลังนั้นมันเป็นปีศาจนะ ฉันไม่รู้ว่ามันอยู่มาไม่รู้กี่ปีแล้วในเมืองโม๋ตู ตั้งแต่ตอนที่เมืองโม๋ตูนั้นได้ทำการวางแผนปฏิรูปเมืองใหม่นั้น พวกเขาก็ต้องการที่จะทำลายอาคารหลังนี้ด้วยเช่นกัน แต่ทุกครั้งที่พวกเขาจะทำลายอาคารหลังนี้ก็จะเกิดอุบัติเหตุเสียก่อนอยู่ร่ำไป”
“ไม่ว่าจะเป็นคนงานล้มไปทีละคนอย่างไม่ทราบสาเหตุ หรือจะเครื่องจักรเกิดเสียหาย อย่างไรก็ตามสุดท้ายพวกเขาก็ไม่สามารถทำลายลงได้อยู่ดี ต่อมาทั้งสามตระกูลของตลาดมืดก็ได้เข้าซื้ออาคารหลังนั้นจากรัฐบาลเพราะพวกเขารู้สึกถูกใจลักษณะเฉพาะของอาคารหลังนั้น”
“ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าตั้งแต่ตลาดมืดได้ย้ายมาที่อาคารหลักนี้แล้ว ธุรกิจของตลาดมืดนั้นก็ดีมากขึ้นเรื่อยๆ และประสบปัญหาน้อยมาก ดังนั้นสำหรับตลาดมืดแล้วอาคารหลังนี้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แล้วนายจะทำอย่างไร?”
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย