บทที่ 166 การฝึกของฉางเอ๋อ
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้แล้วฉิงเทียนก็รู้สึกประหลาดใจ ทำไมเซียนถึงได้ร้องไห้น้ำตาไหลเช่นนั้นได้ ทำไมถึงได้ช่างเหมือนกับผู้หญิงบนโลกเช่นนี้? ช่างเหมือนกับนักแสดงที่น้ำตาหลั่งไหลออกมาเมื่อคุณพูดว่า “อย่าร้องนะ” ฉิงเทียนจึงได้รีบไปพูดปลอบเธอทันที “แค่ผิดพลาดครั้งเดียวเอง” ฉิงเทียนคือผู้ที่พ่ายแพ้ต่อน้ำตาของหญิงสาวมากที่สุด การที่ผู้หญิงร้องไห้เป็นอะไรที่เขาทำอะไรไม่ถูกจริงๆ
แต่ฉางเอ๋อกลับไม่สนใจฉิงเทียน ปิดหน้าของเธอและร้องไห้ต่อไป ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตามฉิงเทียนไม่สามารถทำอะไรกับฉิงเทียนได้เลยจนเวลาผ่านไปพักหนึ่ง
ในเวลานี้เองที่ฉิงเทียนฉุกคิดได้ขึ้นมา ฉิงเทียนเข้าใจแล้วว่าฉางเอ๋อนั้นขึ้นเป็นเซียนที่ขึ้นชื่อได้ว่างดงามเป็นอันดับต้นๆในสรวงสวรรค์ และมีผู้ที่คอยชื่นชมเธออยู่ทุกวัน กลับถูกบอกว่าแย่มากขึ้นมา มันก็เหมือนกับคนที่ถูกชื่นชมอยู่ทุกวันในความสมบูรณ์แบบของเขา และเชิดหัวขึ้นสูงอยู่ตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ได้ทำพลาดต่อหน้าฝูงชนเข้า ความหยิ่งผยองในใจของเขาทำให้เกิดความยอมรับไม่ได้ขึ้นมา
ฉางเอ๋อในเวลานี้คงจะเป็นเสียใจมาก เมื่อตือโป๊ยก่ายเห็นฉางเอ๋อจู่ๆก็ร้องไห้ ตือโป๊ยก่ายจึงได้เอามือออกจากหูของเขาแล้วรีบเข้าไปปลอบฉางเอ๋อ “ไม่นะ น้องฉางเอ๋อคือว่าข้าแค่รู้สึกคันหูของข้าเท่านั้น ไม่มีใครพูดเลยว่าการร้องเพลงของเจ้าแย่น่ะ”
จากนั้นเขาก็ได้ทำสายตาเตือนไปยังฉิงเทียนและไท่ไป๋จินซิง ซึ่งหมายความว่าให้รีบทำอะไรสักอย่างเพื่อรักษาหน้าของเธอ ภายใต้การจ้องของตือโป๊ยก่ายที่สามารถฆ่าคนได้ ฉิงเทียนและไท่ไป๋จินซิงจึงได้มองหน้ากันเองอย่างช่วยไม่ได้ ฉิงเทียนจึงได้เก็บความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเขาเอาไว้ก่อนแล้วคิดในใจ: มโนธรรมเอ๋ย ผมไม่ต้องการคุณในตอนนี้ แล้วเขาก็ได้พูดออกไปโดยที่ขัดกับความเป็นจริง “นางฟ้าครับ การร้องของคุณดีแล้วครับ มันไม่ได้แย่เลยทีเดียว”
จริงๆแล้ว ฉิงเทียนไม่ได้หมายถึงมันไม่ได้แย่ แต่หมายถึงไม่ได้แย่มากเกินไปต่างหาก
ส่วนฉางเอ๋อที่เหมือนจะไม่ถูกหลอกง่ายๆ ทุกอย่างที่พวกเขาทำนั้นเธอเห็นด้วยตาตัวเองหมดแล้ว “อย่างมาโกหกข้าเลยข้ารู้ว่าข้าร้องแย่มาก แต่พวกเจ้าโทษข้าไม่ได้ ก็ข้าไม่เคยฟังเพลงมาก่อน ข้าร้องไปตามที่ข้าคิดขึ้นมาเอง…..” ฉางเอ๋ออดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ “ใครจะไปคิดว่ามันจะออกมาแย่ขนาดนั้น ทั้งๆที่ข้าคิดว่ามันน่าจะออกมาดีแล้วแท้ๆ”
“จริงด้วยสิ” ฉิงเทียนตบตักตัวเอง ว่าเขาไม่ได้เอาเพลงให้ตือโป๊ยก่ายเอาไปให้เธอด้วยนี่นา ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความผิดพลาดของเขาเอง! แต่เขาไม่สามารถพูดออกไปได้ว่าเป็นความผิดพลาดในการทำงานของเขา ไม่อย่างนั้นเขาได้ถูกตือโป๊ยก่ายฆ่าตายแน่จึงได้แกล้งทำเป็นถามออกไป “ท่านนางฟ้ายังไม่เคยฟังเพลงโลกมากก่อนสินะครับ จึงไม่น่าแปลกใจเลย…..”
“เจ้ามีบทเพลงของเพลงนี้ด้วยอย่างนั้นเหรอ?” ฉางเอ๋อที่ยังไม่ได้เช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธอ ก็ได้จ้องมาที่เขาด้วยน้ำตาเต็มดวงตา สำหรับเพลงนี้แล้วเธอชอบมันจริงๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่คิดแต่งทำนองขึ้นมาเองหรอก ถึงแม้ว่ามันจะทำให้เพลงค่อนข้างมีเอกลักษณ์ไปสักหน่อย! แต่ก็แสดงให้เห็นว่าเธอชอบเพลงนี้จริงๆ”
ด้วยสายตาที่ถวิลหาของฉางเอ๋อ เป็นสายตาที่ทำให้เหล่าผู้ชายที่ได้เห็นเกิดความอยากที่จะปกป้องเธอโดยทันที ฉิงเทียนจึงได้รีบเดินไปที่คอมพิวเตอร์เพื่อเปิดเพลงโลกของเฟย์หว่อง
ใช่ว่าจะต้องมีท้องฟ้าสวยหลังจากพายุฝนเสมอไป
ใช่ว่าจะมีสายรุ้งยามที่แดดออก
ถึงจะดูเหมือนไร้เดียงสาแต่ก็ไม่ได้ไม่สนใจอะไร
ไม่ใช่อารมณ์ทั้งหมดจะต้องมีจุดเริ่มและจุดจบ
จุดสุดท้ายของความโดดเดี่ยวมันจำเป็นต้องเป็นความหวาดกลัว
แต่ชีวิตนั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดแรกได้
ฉันหวังที่คุณจะได้เห็นรอยยิ้มจากในดวงตาของคุณ
ฉันหวังให้ทุกๆหยาดน้ำตาของคุณผลักดันผู้คน
ฉันหวังให้ทุกๆฝันที่คุณมีในอนาคตไม่ใช่ความว่างเปล่า
ถ้าฟ้าดินคู่ควรแก่การยกย่องจริงๆ
แต่ก็เป็นเพราะคุณที่ทำให้น่ารำคาญ
ท้องฟ้ากว้าง แผ่นดินใหญ่ โลกนั้นกว้างใหญ่กว่าที่คุณคิดเอาไว้
ฉันไม่สามารถที่จะทนถูกหลอกได้อีกครั้ง ฉันหวังให้คุณเข้าใจ
……………..
เฟย์หว่องนั้นเป็นนักร้องที่ฉิงเทียนโปรดปรานมากคนหนึ่ง ฉิงเทียนเปิดเพลงนี้ฟังซ้ำไปซ้ำมาทุกครั้งในยามที่เขาเศร้าใจ ดังนั้นตอนที่เขาได้ยินเพลงนี้อีกครั้ง ฉิงเทียนก็มีอารมณ์ร่วมไปกับเพลงโดยไม่รู้ตัว เมื่อได้ฟังเนื้อเพลงของเพลงนี้แล้ว สิ่งที่เขาได้พบเจอมาตลอดชีวิตของเขา ได้ผุดขึ้นมาปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเขา อย่างไรก็ตามในหัวของตือโป๊ยก่ายนั้นเขากลับนึกภาพถึงตอนที่เขายังเป็นขุนพลเทียนเผิงจนกระทั่งได้เป็นพุทธพิธีทูตในปัจจุบัน ส่วนไท่ไป๋จินซิงกลับนึกถึงความพยายามอย่างหนักในตอนที่เขาบำเพ็ญเพียรตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นเซียนตัวน้อยจนกระทั่งถึงในปัจจุบัน ทั้ง 4 คนต่างก็จมอยู่ในความทรงจำของตัวเอง จนกระทั่งจบเพลงนี้
ทั้ง 4 คนต่างก็ยังมีอารมณ์เคลิบเคลิ้ม ราวกับพวกเขาเพิ่งได้ทานอาหารที่มีรสชาติอร่อยมากมาและรสชาตินั้นยังคงติดอยู่ที่ปาก
ฉางเอ๋อจึงได้จับมือของฉิงเทียนแล้วพูดอย่างตื่นเต้น “ฉิงเทียน ข้าอยากที่จะร้องเพลงนี้ มันรู้สึกดีมากเลยตอนที่ได้ฟังเพลงนี้ ทำไมข้าถึงไม่สามารถแต่งเพลงแบบเมื่อสักครู่ได้นะ”
แล้วมือขาวๆของเธอก็ได้ดึงแขนของฉิงเทียนไป และฉิงเทียนก็พลันรู้สึกได้ถึงแรงที่มหาศาลจากที่แขนของเขา ในขณะนั้นเองที่เขารู้สึกได้ว่ากระดูกของเขานั้นกำลังจะหัก
ฉางเอ๋อนั้นเป็นถึงเซียนขั้นไท่อี่ ในขณะที่เขาเป็นแค่นักพรตขั้นหยวนยิง แล้วยังไม่มีอะไรป้องกันอีกต่างหาก ลำพังแค่กำลังกายพื้นฐานก็ต่างกันมากแล้ว “นางฟ้าครับ คุณนางฟ้า คุณช่วยปล่อยผมก่อนได้รึเปล่าครับ? กระดูกของผมมันกำลังจะหักแล้ว” ฉิงเทียนพูดกัดฟันด้วยความเจ็บปวด
มองไปที่ฉิงเทียนที่มีสีหน้าเจ็บปวด ฉางเอ๋อก็นึกขึ้นได้ว่าฉิงเทียนนั้นเป็นเพียงแค่คนธรรมดา กำลังของเธอที่ใช้นั้นจึงออกจะมากไปนิดหน่อย เธอจึงได้รีบชักแขนของเธอกลับมาและมีสีหน้าแดงด้วยความอาย “ข้าขอโทษเจ้าด้วยนะ ข้าลืมไปว่าเจ้าเป็นแค่มนุษย์ ข้าจึงเผลอออกแรงมากไปหน่อย เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย