บทที่ 178 ชาวบ้านตกตะลึง
“นี่มัน นี่มันแผ่นป้ายที่ท่านซิงจวินพกติดตัวอยู่ทุกวัน” หั่วหวากล่าวอย่างตกใจ เพราะนี่คือสิ่งที่ท่านเจ้าบ้านพกติดตัวอยู่ทุกวัน และมันมีกลไกที่จะช่วยเพิ่มพลังบำเพ็ญเพียรของผู้ใช้ ไม่คาดคิดนายน้อยจะไปขอมาจากนายท่านจริงๆ นายท่านช่างโอ๋นายน้อยจริงๆ ช่างเป็นพ่อที่ดีอะไรเช่นนี้ หั่วหวารู้สึกอิจฉา
หั่วเอี๋ยนที่เห็นสีหน้าตื่นตกใจของหั่วหวา ก็รู้สึกพึงพอใจขึ้นมาและพูดอย่างโอ้อวด “แผ่นป้ายนี้ข้าพยายามอย่างมากกว่าจะได้มาจากท่านพ่อ และนี่แหละคืออาวุธที่จะใช้จัดการกับเจ้าฉิงเทียน”
ความมั่นใจของหั่วเอี๋ยนทำให้หั่วหวารู้สึกสับสนเล็กน้อย แม้ว่าแผ่นป้ายนี้จะมีพลังมาก แต่ฉิงเทียนตอนนี้อยู่บนโลกเบื้องล่างแล้ว ต่อให้แผ่นป้ายมีพลังมากแค่ไหนก็ไร้ผล เมื่อเห็นสีหน้ากังวลใจของหั่วหวา หั่วเอี๋ยนจึงได้พูดอย่างองอาจพร้อมด้วยแผ่นป้ายในมือของเขา “ในเมื่อสวรรค์กับโลกมนุษย์ถูกตัดขาด ยกเว้นกับโลกใต้ดิน จึงมีแต่เทพและเง็กเซียนฮ่องเต้เท่านั้นที่สามารถไปโลกเบื้องล่างได้ แต่พ่อของข้าก็ได้เตรียมการเอาไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว”
ได้ยินหั่วเอี๋ยนพูด หั่วหวาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา “หรือว่าแผ่นป้ายนี่สามารถเชื่อมต่อกับโลกเบื้องล่างได้เหรอครับ ถ้าเช่นนั้นเราเองก็สามารถนำของจากโลกเบื้องล่างมาขายได้ด้วยเช่นกัน ทีนี้เจ้านั่นก็ไม่ใช่คนเดียวที่ธุรกิจนี้แล้ว”
“นี่, ถึงข้าจะอยากตัดช่องทางทำมาหากินของเจ้าฉิงเทียนด้วยก็เถอะ” หั่วเอี๋ยนกล่าวอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่ ตั้งแต่เขาทราบว่าฉิงเทียนเปิดร้านถาวเป่าสวรรค์ เขาก็ได้ตามสืบไปทั่ว แล้วก็ได้เห็นของที่ไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน และอยากจะซื้อเอาไว้เหมือนกัน ดูของมากมายที่ขายอยู่นั่นแล้ว เขาก็รู้สึกอดใจไม่ไหวที่จะเข้าไปแทนที่เขาซะ
แต่แผ่นป้ายนี้สามารถส่งไปได้แค่จิตเท่านั้น และใช้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นมันก็จะใช้การไม่ได้อีก
“น่าเสียดาย” หั่วหวากล่าวด้วยความเศร้าใจ “ถ้าเราสามารถทำลายชื่อเสียงหลักของมันได้ มันก็ไร้ชื่อเสียงอีกต่อไปแท้ๆ”
“ใช่ แต่มันก็ไม่มีทางเลือก” หั่วเอี๋ยนก็พูดอย่างช่วยไม่ได้ หั๋วเอี๋ยนพูดด้วยสีหน้าที่ไม่ดี และตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง แล้วเขาก็พูดอย่างดุดัน “แต่ในเวลานี้เจ้านั่นอยู่ที่โลกเบื้องล่าง แล้วข้าก็จะสั่งการให้พวกสำนักอัคคีที่อยู่ที่โลกเบื้องล่างทำการสังหารเจ้าฉิงเทียนอย่างเต็มกำลัง ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม เจ้าฉิงเทียนมันต้องตาย”
พูดจบ หั่วเอี๋ยนเริ่มท่องคาถา มือของเขาก็ยังตั้งอยู่ท่าเดิมไม่เปลี่ยน แล้วแผ่นป้ายก็ค่อยๆลอยขึ้นอย่างช้าๆ แล้วทันใดนั้นก็ปรากฏแสงสีแดงสว่างจ้าขึ้น และบรรยากาศโดยรอบที่ร้อนระอุขึ้นทำให้หั่วหวารู้สึกเหมือนถูกเผาทั้งเป็น พลังเซียนในร่างของเขากำลังมอดไหม้
“นายน้อย, ได้โปรดรีบหยุดที ข้ากำลังจะไหม้เกรียมแล้ว” หั่วหวาร้องหาหั่วเอี๋ยนอย่างร้อนรน และร้องขอความเมตตา
แต่หั่วเอี๋ยนไม่ได้ใส่ใจหั่วหวาแม้แต่น้อย ในตอนนี้ ร่างของเขาเหงื่อโทรมกาย พลังเซียนของเขากำลังถูกแผ่
ป้ายดึงออกไปจากร่าง เขาไม่คิดว่าแผ่นป้ายนี้จะดูดซับพลังเซียนไปได้มากมายถึงเพียงนี้
แต่ ณ ตอนนี้เขาถอยไม่ได้อีกแล้ว หั่วเอี๋ยนกัดฟันแล้วดึงเอาหินเซียนออกมาจากแหวนเก็บของมาเพื่อเสริมพลังเซียนให้ตัวเอง
ทำไมยังรู้สึกไม่ได้ถึงโลกเบื้องล่างอีก หั่วเอี๋ยนเริ่มร้อนรน ถ้ายังทำแบบนี้ต่อไปล่ะก็ พลังเซียนของเขาจะต้องถูกดูดออกไปจนหมดแน่ ความเร็วในการฟื้นฟูด้วยหินเซียนนั้นไม่เพียงพอต่อการดูดกลืนของแผ่นป้าย พลังเซียนของเขาค่อยๆ เหลือน้อยลงเรื่อยๆ หั่วเอี๋ยนรู้สึกกระวนกระวายเป็นอย่างมาก
ณ สำนักอัคคีที่โลกเบื้องล่าง
นักพรตขั้นเหลียนฉีได้รีบวิ่งแจ้นอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และกล่าวอย่างตะกุกตะกัก “ท่านเจ้าสำนัก ท่านเจ้าสำนัก แผ่นป้าย… แผ่นป้ายมันกำลังส่องแสงขึ้นมาครับ”
ชายวัยกลางคนผมแดงพยุงนักบวชขึ้นก่อนจะถามกลับ “ที่เจ้าพูดนั้นจริงหรือ?”
“จริงขอรับ เรื่องจริง ศิษย์มิอาจโกหกท่านเจ้าสำนักได้หรอก” นักพรตเหลียนฉีตอบด้วยความกลัว
เจ้าสำนักทิ้งลูกศิษย์ลงกับพื้นแล้วรีบเดินออกไปยังห้องบวงสรวง
นี่คือสิ่งที่หั่วเต๋อซิงจวินผู้ก่อตั้งสำนักอัคคีได้เหลือทิ้งเอาไว้ นับตั้งแต่วันที่โลกมนุษย์และโลกเซียนได้ถูกตัดขาดออกจากกัน มันไม่มีปฏิกิริยาอะไรมานานนับปีแล้ว แต่คราวนี้มันกลับมีการเปลี่ยนแปลง เขาไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นในตอนที่เขาขึ้นเป็นเจ้าสำนัก หรือว่าหั่วเต๋อซิงจวินจะมีทายาทเหลืออยู่ ขณะที่กำลังคิดอยู่นี้ เจ้าสำนักก็เร่งฝีเท้าขึ้นราวกับกำลังเดินบนสายลม
ห้องบวงสรวง
ที่อยู่ที่นั่นคือแผ่นป้ายพิเศษที่เจ้าสำนักอัคคีและผู้คนในอดีต ได้อุทิศตนต่อสำนักอัคคีเอาไว้ได้รับมา
ณ ตอนนี้ แผ่นป้ายส่องแสงสีแดง และแผ่นรังสีความร้อนที่แม้จะอยู่ห่างไปถึงหลายสิบเมตรก็ยังสัมผัสได้
“ทำไมมันถึงร้อนแบบนี้” เจ้าสำนักสวีกล่าวอย่างประหลาดใจ ถ้าเป็นคนธรรมดามีหวังถูกเผาตายไปแล้ว
ลูกศิษย์คนที่เพิ่งรายงาน ก็ได้รายงานเพิ่มอย่างเร่งรีบ “กราบเรียนท่านเจ้าสำนัก หลังจากที่มีแสงสีแดงเจิดจ้าออกมาจากแผ่นป้ายนี้ อุณหภูมิโดยรอบก็สูงขึ้นอย่างฉับพลัน ข้าเองก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น”
เจ้าสำนักสวีได้โบกมือไปในห้องบวงสรวง และเกิดพลังโปร่งใสเข้าครอบคลุมห้องเอาไว้ ทันใดนั้นความร้อนที่อยู่รอบๆ ก็ได้หายไป
จากนั้น เจ้าสำนักสวีก็พูดกับเหล่าลูกศิษย์ “จะมีแค่ระดับผู้อาวุโสขั้นหยวนยิงและข้าเข้าไป คนที่เหลือรออยู่ด้านนอกซะ ตราบที่ข้ายังไม่สั่ง ห้ามใครเข้าไปเด็กขาด มิฉะนั้นผู้นั้นจะถูกไล่ออกจากสำนัก”
เหล่าศิษย์ต่างน้อมรับ “น้อมรับคำสั่งท่านอาจารย์”
“ไปกันเถอะ”
พูดจบเจ้าสำนักสวีและลูกศิษย์อีกกว่า 20 คนก็ได้เดินเข้าไปในห้องบวงสรวงทันที
แล้วเขาก็เห็นแผ่นป้ายนั้นได้ลอยขึ้นมาเหนือหัวเขาแล้วพูดขึ้น “สานุศิษย์สวี เจ้าสำนักรุ่นที่ 160 ของสำนักอัคคี กำลังเข้าไปคำนับท่านผู้ก่อตั้งแล้ว ไม่ทราบว่าท่านผู้ก่อตั้งต้องการจะสั่งอะไร” จากนั้นก็ก้มคำนับ เมื่อลูกศิษย์คนอื่นๆ เห็นหัวหน้าคำนับ พวกเขาไปรวมกันด้านหลังแล้วรีบโค้งคำนับตาม



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย