บทที่ 194 จูเฟย
“ช่วงหลายปีมานี้เป็นยังไงบ้างล่ะ?” จูเฟยถามเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
ฉิงเทียนรู้ดีว่าจูเฟยนั้นเป็นห่วงเขาอย่างจริงใจ จึงได้ยักไหล่แล้วตอบไป “ก็โอเคดี”
จูเฟยมองไปที่รอยยิ้มอย่างฝืนๆของฉิงเทียนอย่างจัง แล้วคิดว่าฉิงเทียนคงพูดหลอกเขา ถึงแม้ว่าเหล่าเพื่อนร่วมชั้นจะไปเคยติดต่อไปหาฉิงเทียนเลยก็จริง แต่พวกเขาก็รู้เรื่องข่าวความเคลื่อนไหวของฉิงเทียนมาบ้าง
ฝานหลินนั้นมักจะเล่าถึงสถานการณ์ของฉิงเทียนให้ฟังในงานเลี้ยงรุ่นของทุกปี และฝานหลินก็ดูมีความสุขมากและหัวเราะเยาะเย้ยเรื่องของฉิงเทียน
โดยเฉพาะตอนที่เขาได้รู้ว่าฉิงเทียนนั้นถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยจิงตูนั้น เขาได้เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เหล่าคณาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นในโรงเรียนมัธยมประจำมณฑลนี้ทราบทั้งหมด เพราะฉิงเทียนนั้นเคยเป็นถึงผู้ที่มีชื่อเสียงและความภาคภูมิใจของโรงเรียนนี้
และเมื่อฝานหลินทราบอีกว่าฉิงเทียนนั้นทำงานในบริษัทเล็กๆแห่งหนึ่งในโม๋ตู ในขณะที่เขาเป็นถึงผู้บริหารของบริษัท ฐานะทางสังคมของทั้งสองคนนี้ต่างกันมาก เขาในงานเลี้ยงรุ่นปีนั้นก็ได้พูดเยาะเย้ยฉิงเทียนอย่างหนัก ถึงแม้ว่าฉิงเทียนนั้นจะไม่ได้มาร่วมงานด้วยก็ตาม
ดังนั้นในความคิดของจูเฟย ฉิงเทียนคงจะอายมากแน่ที่บอกความจริงต่อหน้าเขา เขาจึงได้พูดอย่างจริงจัง “ถ้านายอยู่ในเมืองโม๋ตูไม่ไหวจริง กลับมาที่มณฑลของเราก็ได้นะ ฉันยังพอที่จะช่วยเหลืออะไรนายได้บ้าง”
ฉิงเทียนนั้นไม่เพียงแต่จะรู้สึกอบอุ่นหัวใจ แต่เขาก็รู้ด้วยว่าจูเฟยนั้นไม่เชื่อในคำพูดของเขา ซึ่งถ้าเป็นเมื่อครึ่งปีก่อนตอนที่เขายังไม่ได้ถาวเป่าสวรรค์ บางทีเขาอาจจะยอมแพ้ให้กับชีวิตแล้วก็ได้
ฉิงเทียนจึงยิ้มแล้วพูดขึ้น “ไอ้เกลอ ฉันน่ะตอนนี้มีชีวิตที่ดีแล้วจริงๆ”
“จริงเรอะ?” จูเฟยมองมาที่หน้าของฉิงเทียนด้วยสายตาที่ไม่เชื่อ และไขมันบนไปหน้าของเขาก็เริ่มสั่นกระเพื่อม
“จริงสิไอ้เกลอ” ฉิงเทียนพูดย้ำอีกครั้งด้วยรอยยิ้มแบบฝืนๆ ถึงตอนนี้จะไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ก็ดีขึ้นมากจริงๆ
หลังจากที่จูเฟยมองไปที่สีหน้าที่จริงจังของฉิงเทียนแล้ว จึงคิดว่าเขาไม่น่าจะโกหกแน่ ยิ่งไปกว่านั้นฉิงเทียนก็ไม่เคยหลอกเขาอยู่แล้ว เขาจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมาในใจ: หรือเป็นไปได้ว่าหลายปีมานี้เรื่องของฉิงเทียนที่ฝานหลินเล่ามานั้นจะเป็นเรื่องโกหก เขาโกหกเพื่อนร่วมชั้นมาตลอดเลยอย่างนั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้แน่ไม่อย่างนั้นฝานหลินจะชวนฉิงเทียนมาในเวลานี้ทำไม ไม่อย่างนั้นเรื่องที่โกหกก็จะถูกเปิดเผยน่ะสิ
ช่างมันเถอะ เขายังไม่อยากที่จะคิดเรื่องนี้ ฉิงเทียนเองก็คงไม่หลอกเขาแน่! จูเฟยส่ายหัวอ้วนๆของเขา ในเมื่อฉิงเทียนบอกว่าเขาไม่เป็นไร ก็คงไม่เป็นไรจริงๆ
“จูเฟย เมื่อไรอาจารย์ประจำชั้นจะมารึ?” ฉิงเทียนมองไปรอบๆอีกรอบและพบว่าอาจารย์ประจำชั้นของเขายังไม่มา
จูเฟยเอามือมาจับใบหน้าอ้วนๆของเขาแล้วพูดขึ้น “ตอนนี้อาจารย์ประจำชั้นเราคงกำลังสอนอยู่ น่าจะมาถึงตอนเที่ยงๆบ่ายนั่นแหละ”
ฉิงเทียนผงกหัว “ป่านนี้แล้วอาจารย์ของพวกเรายังไม่เกษียณอีกเหรอ?”
จูเฟยก็หัวเราะแล้วชี้ไปที่ฉิงเทียนแล้วพูดขึ้น “ก็เป็นเพราะนายนั่นแหละ”
“เป็นเพราะฉัน?” ฉิงเทียนพูดอย่างสงสัยแล้วชี้มาที่ตัวเขาเอง การที่อาจารย์ประจำชั้นยังไม่ได้เกษียณนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับเขา?
จูเฟยหยิบแก้วเหล้าบนโต๊ะขึ้นมาดื่มแล้วก็อธิบาย “ก็ไม่ใช่เพราะว่านายสามารถเข้าที่มหาวิทยาลัยจิงตูไม่ใช่เหรอไง ซึ่งถือว่าเป็นคนแรกของมณฑลเราในรอบทศวรรษเลยก็ว่าได้ นายจึงเหมือนเป็นคนที่มีชื่อเสียงในมณฑลของเรา ในตอนที่อาจารย์ประจำชั้นของพวกเราถึงวัยเกษียณ ทางโรงเรียนก็ได้จ้างให้มาสอนต่อ นายยังจะบอกว่าไม่เกี่ยวอะไรกับนายอีกเหรอ?”
เมื่อเขาได้ทราบเหตุผลแล้วว่าเกี่ยวข้องกับเขาจริงๆ ฉิงเทียนก็ได้เอามือลูบจมูกและพูดพร้อมกับยิ้ม “ดูเหมือนจะข้องเกี่ยวกับฉันจริงๆด้วย!”
“งั้นฉันจะเล่าอดีตของนายให้ละกัน” เจิ้งหยงที่อยู่ใกล้ๆก็พูดอย่างเยาะเย้ยเขา “ไม่นานนักนายก็ถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยจิงตู อย่างนายน่ะยังจะมีสิทธิ์อะไรมาเสนอหน้าที่นี่อีก แถมนี้นายน่ะเป็นแค่พนักงานต๊อกต๋อยเท่านั้นด้วย!”
ฉิงเทียนหัวเราะให้กับเรื่องไร้สาระของเจิ้งหยง ผู้หญิงคนนี้จะมาสนใจอะไรกับเขานักหนา และตอนนี้เขาเองก็ไม่อยากที่จะทำให้บรรยากาศในงานเลี้ยงรุ่นกร่อยด้วย เขาจึงไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย