บทที่ 201 ความวิเศษของเนตรมองทะลุ (3)
สุดยอดอะไรอย่างนี้ มันสามารถใช้มองทะลุจิตใจคนอื่นได้ด้วย
ความแตกต่างอย่างมากระหว่างมนุษย์กับสัตว์คือ มนุษย์นั้นมีปัญญาแต่สัตว์นั้นหามีไม่ มนุษยชาติจึงได้กลายเป็นผู้ปกครองโลกนี้ได้เพราะพวกเขาสามารถเปลี่ยนตัวเองและธรรมชาติได้ตามที่พวกเขาคิด
พวกเขาใช้ปัญญาของตัวเองในการสร้างวิชาต่างๆขึ้นมาเพื่อต่อต้านสวรรค์ แล้วพวกเขาก็ได้มีชีวิตที่ยืนยาวมากขึ้นสามารถเคลื่อนย้ายภูเขาหรือเติมเต็มน้ำทะเลได้ พวกเขาสามารถเปลี่ยนตัวเองและธรรมชาติไปตามที่พวกเขาคิดได้
และเทคโนโลยีก็ได้ถูกคิดค้นขึ้นมาในโลกมนุษย์ และสามารถเปลี่ยนแปลงธรรมชาติไปตามที่พวกเขาคิดได้เช่นกัน
ในตอนนี้ฉิงเทียนสามารถมองทะลุไปยังความคิดของคนอื่นได้ ซึ่งสามารถเรียกได้ว่าเนตรมองทะลุนั้นไม่เพียงแค่สามารถมองทะลุกายภาพได้เท่านั้น แต่ยังทะลุไปถึงจิตใจได้ด้วย! ช่างน่ากลัวอะไรอย่างนี้ถ้ามีคนรู้เรื่องนี้เข้าฉิงเทียนคง ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแน่ เขาจะต้องถูกตามไล่ล่าฆ่าแน่ๆ เพื่อทำลายสิ่งที่อาจเป็นภัยในภายหลัง
เพราะถ้าหากปล่อยให้ฉิงเทียนเติบโตเต็มที่ ฉิงเทียนก็อาจจะสามารถมองทะลุได้แม้แต่กับเซียน ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วฉิงเทียนก็จะรู้ถึงความเคลื่อนไหวของศัตรูได้ แม้แต่สิ่งที่พวกเขาต้องการจะทำต่อไปซึ่งฉิงเทียนจะสามารถรู้ทุกเรื่องของคนอื่นแม้แต่การก้าวเท้ามาข้างหน้า
ไม่ว่าจะเก่งกาจขนาดไหนก็ตาม แต่ถ้าหากถูกศัตรูควบคุมทุกการเคลื่อนไหวได้ล่ะก็ ยังคิดว่าจะมีหนทางรอดไปได้อีกเหรอ?
เมื่อคิดเช่นนี้หัวใจของฉิงเทียนก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา นี่มันของขวัญประทานมาจากสวรรค์ชัดๆ ในตอนแรกตอนที่เขาได้ความสามารถนี้มา เขาก็รู้สึกว่าเขาฝืนลิขิตฟ้าแล้ว แต่เมื่อเทียบกับการที่เขามองทะลุไปยังความคิดคนอื่นได้นั้น การมองทะลุร่างกายคนได้นั้นกลายเป็นเรื่องเด็กๆไปเลย
ถ้าในเวลานี้สถานการณ์สามารถให้ฉิงเทียนทำได้ล่ะก็ ฉิงเทียนก็คงจะหัวเราะให้กับฟ้าแล้วขอบคุณถาวเป่าสวรรค์ไปแล้ว ที่ช่างใจดีอย่างมากประทานความสามารถเช่นนี้มาให้
แน่นอนว่าหลังจากที่ตกใจเสร็จแล้ว ฉิงเทียนก็ได้คิดที่จะไม่ปล่อยฝานหลินไปง่ายๆแน่ ฝานหลินนั้นเป็นศัตรูเพียงคนเดียวที่อยู่ตรงหน้าเขา ฝานหลินชอบยั่วโมโหและคอยเอาชนะเขาอยู่เรื่อย ถึงจะมีบางเรื่องที่ให้อภัยได้แต่เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้ ฝานหลินรอการแก้แค้นจากเขาไว้ให้ดีเถอะ
มองไปที่โต๊ะแล้วพบว่าฝานหลินไม่มีเงินเหลือวางอยู่บนโต๊ะเลย ฉิงเทียนจึงได้พูดถากถางเขา “นายเหมือนจะไม่มีเงินเหลือแล้วนะ”
“อย่างฉันจะหมดเงินได้ยังไง? ฉันไม่สนใจเงินแค่จิ๊บจ๊อยนั่นหรอก เงินพวกนั้นฉันยกให้นายไปเลย” ฝานหลินพูดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า แล้วจากนั้นก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าของเขา
“ทำไมถึงไม่มีเหลือ เราเอาเงินมาตั้ง 100,000 หยวนนี่นา” ฝานหลินพูดในใจอย่างตกใจ แล้วมองไปที่หน้าตักของฉิงเทียนที่มีเงินกองอยู่ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะตกใจขึ้นมา ว่าเขานั้นได้เสียเงิน 100,000 หยวนไปแล้ว
มองดูท่าทีกระวนกระวายของฝานหลินแล้ว ฉิงเทียนก็รู้ได้ทันทีว่าเขานั้นไม่มีเงินเหลือแล้ว จึงได้ใช้เนตรมองทะลุมองเขาไปในจิตใจของเขา ซึ่งทำให้ฉิงเทียนรู้ถึงความคิดของเขาในเวลานี้ได้อย่างแจ่มชัดในหัวของฉิงเทียน
“จริงด้วย, เราก็แกล้งทำเป็นขอไปห้องน้ำก่อน จากนั้นก็ไปหาผู้จัดการหูเพื่อถามเรื่องของรีโมทที่เขาให้มานั้นมันไม่ทำงาน และทำให้เราเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก แล้วก็ไปถอนเงินออกมาเพิ่ม ยังไงวันนี้เราก็ปล่อยฉิงเทียนให้กลับไปไม่ได้ถ้าเขายังไม่หมดตัว”
อย่างที่คิด ฝานหลินได้เก็บอาการทั้งหมดไว้ในใจของเขา แล้วก็ยิ้มจากนั้นยืนขึ้นพูดกับทุกคน “ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน” หลังจากที่พูดเช่นนั้น เขาก็เดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็วโดยไม่รอให้คนอื่นๆได้ตอบสนองทัน
ฉิงเทียนก็มองดูฝานหลินที่เดินออกไปข้างนอกอย่างเหยียดหยาม
………………..
“ผู้จัดการหู แกกล้าหลอกฉันงั้นเหรอ เจ้าสิ่งนี้มันใช้การไม่ได้เลย ฉันเสียเงินไปเป็นจำนวนมากแล้วนะ” ในห้องห้องหนึ่ง ฝานหลินกำลังพูดด่าชายคนหนึ่งในชุดพนักงานที่อยู่ใกล้ๆเขา
“เป็นไปไม่ได้ครับ อุปกรณ์ของเราก็ยังใช้การได้ดีอยู่นะครับ” ผู้จัดการหูหยิบเอารีโมทควบคุมขนาดเล็กขึ้นมาดูแล้วพูดอย่างสงสัย
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าอุปกรณ์ของแกใช้การได้ดีหรือไม่ แต่ฉันเสียเงินไปหลายหมื่นหยวนแล้ว ถ้าแกไม่รีบแก้ปัญหานี้ แกก็อย่าหวังจะได้เงินเลย” ฝานหลินพูดด้วยความโกรธ
ผู้จัดการหูก็ยิ้มให้ฝานหลินแล้วพูดขึ้น “เอาอย่างนี้ไหมครับพี่ฝาน คุณลองเปลี่ยนโต๊ะเล่นดูไหมครับ?”
“ไม่ใช่ว่าแกมีโต๊ะที่ติดตั้งกลไกแค่โต๊ะเดียวหรอกเหรอ?” ฝานหลินถามอย่างสงสัย จากนั้นสักพักเขาก็เข้าใจแล้วแสยะยิ้มขึ้นมาพูดกับเขา “ฮ่าๆ แกนี่ไม่เลวเลยนี่ แกติดตั้งกลไกแบบนี้เอาไว้ทุกโต๊ะสินะ”
“ฮะๆ มีแขกหลายท่านที่ต้องการใช้มันน่ะครับ!” ผู้จัดการหูพูดพร้อมกับหัวเราะ
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นแกต้องทำให้มั่นใจนะว่ามันใช้การได้ ถ้ามันใช้การไม่ได้อีกขึ้นมา แกชวดเงินแน่” ฝานหลินนั้นไม่ใช่คนโง่ ก่อนหน้านี้เขาก็บอกว่าใช้การได้ แต่สุดท้ายเขาก็ยังเสียเงินจนหมดตูด คราวนี้เขาจึงได้ทำการตกลงตั้งแต่เนิ่นๆ
“ไม่ต้องกังวลครับ คราวนี้มันต้องใช้การได้แน่นอน ถ้าเกิดมันใช้การไม่ได้ผมจะไม่คิดเงินคุณเลยครับ” ผู้จัดการหูพูดอย่างมั่นใจแล้วก็หยิบเอารีโมทควบคุมขนาดเล็กอีกอันออกมาจากกระเป๋าของเขา “โต๊ะหมายเลข 3 ครับ”
ฝานหลินรับรีโมทควบคุมอันนั้นมา จากนั้นก็มองซ้ายมองขวาแล้วพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นฉันจะเชื่อใจแกเป็นครั้งสุดท้าย แล้วก็ไปกดเงินมาให้ฉันซักแสนนึงด้วย” ว่าแล้วเขาก็โยนบัตรเครดิตให้กับผู้จัดการหู


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย