บทที่ 202 เปลี่ยนสีหน้า
แน่นอนว่าความคิดของผู้คนเหล่านี้ถูกอ่านออกโดยฉิงเทียนหมดแล้ว และฉิงเทียนเองก็ไม่ได้สนใจด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นอดีตเพื่อนร่วมชั้นแล้ว
ฉิงเทียนและพวกเขาคงไม่มีทางได้มาเจอกันอย่างแน่นอน
จากนั้นฝานหลินก็ได้กลับเข้ามาและพบว่าในห้องนั้นมีบรรยากาศที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาคิดที่จะลองถามใครสักคนดู
เมื่อเห็นว่าฝานหลินมีสีหน้าที่สงสัย เจิ้งหยงจึงได้รีบปรี่เข้ามาหาแล้วพูดอย่างตื่นเต้น “รองหัวหน้าฝาน คุณรู้ความสัมพันธ์ของฉิงเทียนกับแฟนของเขารึยัง?”
“ความสัมพันธ์อะไรเหรอ?” ฝานหลินถามกลับอย่างสงสัย การที่ฉิงเทียนมีแฟนสาวสวยเช่นนั้นได้ เขาเองก็สงสัยมากว่าเขาหาแฟนเช่นนั้นได้อย่างไร
เจิ้งหยงก็ได้มองไปที่ฉิงเทียนด้วยสีหน้าดูถูกแล้วพูดขึ้น “เขาถูกเลี้ยงดูโดนแฟนของเขาน่ะสิ” ฉิงเทียนผู้ที่เคยมีชื่อเสียงและเป็นถึงบุรุษของมณฑลในตอนนั้น ไม่นึกเลยว่าจะตกต่ำลงมาได้ถึงเพียงนี้
ฝานหลินเมื่อได้ยินที่เจิ้งหยงพูดนินทาเรื่องของฉิงเทียนอย่างต่อเนื่องนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกยินดีมากในใจก็ตาม แต่เขาเองก็ดูถูกเธอมากด้วยเช่นกัน ทำไมเธอไม่นึกถึงในสิ่งที่เธอทำบ้างตอนที่เธอพูดถึงคนอื่นเช่นนี้ ทั้งในเรื่องลักษณะและนิสัยของเธอแล้ว เธอยังจะมีหน้าไปว่าคนอื่นเขาอีกเหรอ แล้วเขาก็ได้แต่ทำหน้ายิ้มแบบเจื่อนๆตอบ
เจิ้งหยงนั้นรู้สึกตกใจเมื่อพบว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นเหมือนไม่ได้เข้าหูของฝานหลินเลย เธอจึงคิดว่าฝานหลินนั้นคงจะไม่เชื่อเธอแน่ๆ เธอจึงได้รีบอธิบาย “รองหัวหน้าฝานคุณไม่เชื่องั้นเหรอ ฉิงเทียนเขายอมรับออกมาเองเลยนะ และพวกเราก็ได้ยินกันหมดด้วย”
“แต่ละคนต่างก็มีความคิดเป็นของตัวเองไม่ใช่รึไง? อย่าไปทำเป็นแบ่งแยกจากเขาเลยน่า อย่างไรเสียพวกเราต่างก็เป็นอดีตเพื่อนร่วมชั้นกันทั้งนั้น” ฝานหลินพูดโกหก เพราะจริงๆแล้วเขายินดีอย่างมาในใจของเขา และไม่คิดว่าฉิงเทียนนั้นจะยอมรับออกมาเองเช่นนี้ แต่อีกใจหนึ่งเขาก็แอบอิจฉาในความโชคดีของฉิงเทียนเหมือนกัน”
“แม่งโว้ย, ทำไมเราถึงไม่มีสาวสวยแบบนี้มาคอยดูแลเราบ้างนะ ฉิงเทียนนี่มันจะโชคดีไปแล้ว” เขาคิดในใจ
หลังจากที่พูดกับเจิ้งหยงเสร็จ ฝานหลินก็ได้เดินผ่านเธอไปมายังที่โต๊ะ และมองมาที่ฉิงเทียนโดยสีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไป
แล้วเขาก็คิดในใจ: ทั้งๆที่คุณเป็นแค่แมงดาแท้ แต่กลับยังทำหยิ่งผยองอยู่ได้, แล้วในตอนนั้นเองเขาก็พยายามกลั้นขำแล้วพูดขึ้นมา “ฉิงเทียนผมได้ยินมาว่าเงินของคุณเป็นเงินที่ได้มาจากคนสวยคนนี้รึ สำหรับผู้ชายแล้วมันจะไม่ไร้ยางอายไปหน่อยเหรอ?” ท้ายที่สุดฝานหลินก็ได้หัวเราะออกมาจนได้
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาจัดงานเลี้ยงรุ่น เขาก็ได้พูดให้ร้ายเรื่องของฉิงเทียนทุกครั้งแต่เขาก็ยังรู้สึกไม่พอใจ เทียบไม่ได้กับการที่เขาได้ดูถูกฉิงเทียนต่อหน้าอดีตเพื่อนร่วมชั้นเลย มันทำให้เขารู้สึกดีอย่างมาก
ในหลายปีมานี้ เขาคิดว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเขา การได้หัวเราะเยาะและพูดดูถูกฉิงเทียนต่อหน้าของเขาเช่นนี้ การได้มองไปที่หน้าของฉิงเทียนตรงๆคือบรรยากาศที่ดีที่สุดของเขาในวันนี้
แต่ว่าสิ่งที่เขาอยากเห็นอย่างท่าที่กระวนกระวาย และอารมณ์โกรธของฉิงเทียนนั้นกลับไม่แสดงบนสีหน้าของฉิงเทียนเลย สีหน้าของฉิงเทียนยังคงมองมาทีเขาและยิ้มแบบขอไปที
ยิ่งไปกว่านั้นสายตาของฉิงเทียนนั้นดูเหมือนเขากำลังมองดูลิงอยู่ยังไงอย่างนั้น ยิ่งเขามาไปที่ฉิงเทียนมากเท่าไร ฝานหลินก็ยิ่งหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น
“หุบปาก” สีหน้าของหลิวตันตอนนี้เหมือนกับน้ำแข็ง และตวาดไปยังฝานหลิน และผู้คนที่อยู่รอบๆหลิวตัน เมื่อรวมเข้ากับออร่าของผู้ที่อยู่เหนือคนอื่นมาเป็นเวลายาวนาน จึงเป็นอะไรที่ผู้คนธรรมดาๆอย่างพวกเขาไม่สามารถต้านทานได้
หลังจากนั้นสักพักฝานหลินก็รู้สึกตัวขึ้นมาได้และหน้าแดงขึ้นมา เขานั้นถูกผู้หญิงคนนี้ทำให้นิ่งไปสองรอบแล้ว ทำให้เขารู้สึกอับอายขึ้นมาต่อหน้าผู้คนรอบๆ
แล้วเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งก็จ้องมาที่หลิวตันแล้วพูดด่าขึ้นมา “แม่งเอ๊ย, คิดว่าตัวเองเป็นใครกันกล้ามาตวาดใส่ข้า” แล้วเขาก็ยกมือใหญ่ๆของเขาขึ้นมาแล้วเตรียมที่จะตบหน้าหลิวตัน แต่มือนั้นก็ไม่ได้ตบลงมา
เพราะก่อนที่มือจะตบลงที่หน้าของหลิวตันนั้น มือของเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังที่มหาศาลที่รั้งแขนของเขาเอาไว้ ไม่ว่าเขาจะพยายามออกแรงมากเท่าไร ก็ไม่สามารถขัดขืนได้เลย
ฉิงเทียนคิ้วขมวดและรู้สึกปวดหัวขึ้นมา แล้วหลังจากนั้นเขาก็ดึงหลิวตัน แล้วเขาก็พูดกับหลิวตันอย่างไม่แยแส “ฝานหลินน่ะช่างเถอะ แต่ผมจะให้หลิวตันขอโทษทุกคนเอง”
ฝานหลินก็ได้มีทีท่าเหมือนได้ภาพที่ตลกที่สุดในโลก แต่ในใจของเขายังคงโกรธกับคำพูดของฉิงเทียนแล้วก็ได้ยิ้มและพูดออกมา “ฉิงเทียน….คุณคิดว่าคุณเป็นใครกัน วันนี้คุณต้องให้เธอขอโทษไม่อย่างนั้นพวกเราไม่ยอมแน่….เธอนั้นตวาดใส่ผมและยังเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆอีก วันนี้ถ้าเธอไม่ขอโทษพวกเราได้เห็นดีกันแน่” เมื่อพูดจบเขาก็ได้ทำสีหน้าดุดันออกมา
เมื่อผู้คนรอบๆได้ยินที่ฝานหลินพูด พวกเขาต่างก็พากันตะโกนใส่ “พวกคุณต้องขอโทษ พวกคุณต้องขอโทษ” เพราะพวกเขานั้นต่างก็กลัวหลิวตันเมื่อสักครู่ แล้วพอพวกเขาเห็นมีคนที่กล้าออกหน้าขึ้นมา คนอื่นๆก็ได้พากันพูดเพื่อรักษาหน้าตัวเอง
“พอแล้ว พอแล้ว เมื่อสักครู่พวกคุณก็พูดให้ร้ายฉิงเทียนกัน ก็เลยโดนเธอตวาดใส่แล้วคราวนี้ยังจะต้องการอะไรอีก?” จูเฟยลุกขึ้นยืนและพูดเกลี้ยกล่อมพวกเขา แล้วก็หันไปพูดกับจ้าวเวยที่ยังนั่งอยู่ข้างๆ “จ้าวเวยคุณช่วยพูดกับเพื่อนๆหน่อยสิ”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย