บทที่ 206 จูไห่
แต่ทว่าเมื่อเห็นว่าลูกน้องของเขาถูกทำร้ายจนเป็นแบบนี้ จูไห่ก็อารมณ์เสียอย่างมาก อย่างไรเสียคนเหล่านี้ก็เป็นลูกน้องของเขา ถึงแม้ว่าจะไม่ถูกต้องแต่ถ้าเขาปล่อยฉิงเทียนไปโดยไม่ทำอะไรล่ะก็ บารมีของเขาคงได้หายหมดแน่
“คุณครับ นี่คุณคิดที่จะท้าทายอำนาจตำรวจของพวกเรางั้นเหรอครับ” จูไห่พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดี แล้วก็กะพริบตาให้ตำรวจที่เหลือ 4 นายวิ่งกันเข้าไปพาตำรวจหนวดและผอมสูงออกไป
“ผมท้าทายอำนาจตำรวจของคุณงั้นเหรอ งั้นคุณดูซิว่าตำรวจของพวกคุณยัดขอหาอะไรให้ผม” ฉิงเทียนโยนเอกสารที่อยู่บนโต๊ะให้กับจูไห่
มองไปที่หน้าของฉิงเทียน เขานั้นมีสีหน้าที่สงบราวกับไม่สนใจอะไร จูไห่ก็ได้จ้องไปที่เอกสารแล้วก็คิ้วขมวดขึ้นมา ถึงแม้ว่าเฝิงเกาจะอยู่ในการดูแลของเขา แต่การทุจริตในสถานีตำรวจแห่งนี้ก็ได้ฝังรากลึกจนไปถึงกระดูกดำแล้ว แม้แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะมาถึงจุดนี้แล้ว ซึ่งโดยปกติจูไห่นั้นจะทำหลับตาข้างหนึ่งมาโดยตลอด เพราะอย่างไรเสียเฝิงเกาก็มีพี่เขยเป็นถึงเลขาธิการพรรคประจำอำเภอ
ยิ่งไปกว่านั้น พี่เขยคนนี้ก็ไม่ค่อยถูกกับเขาเสียด้วย เขานั้นวิจารณ์การทำงานของเฝิงเกาในที่ประชุมอำเภอทุกครั้ง แต่สุดท้ายก็กลายเป็นเป็นเขาที่ถูกหาว่าไม่มีความสามารถการจัดการดูแลมากพอ และเนื่องจากเขานั้นไม่สามารถที่จะทำอะไรเฝิงเกาได้ ทำได้แค่เขียนรายงานสอบสวนส่งไป ด้วยเหตุนี้จูไห่จึงได้ทำราวกับสถานีตำรวจสาขานี้ไม่มีตัวตนอยู่ และไม่คิดที่จะมาตรวจสอบด้วย
แต่ขอบเขตการดูแลส่วนใหญ่ของสาขานี้ก็เป็นทั้งโรงแรมและภัตตาคาร ดังนั้นเฝิงเกาเองก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรแบบขอไปทีด้วย เพราะเจ้าของธุรกิจเหล่านี้ล้วนเป็นคนรวย และเฝิงเกาเองก็ได้รับเงินจากคนพวกนี้มา
จูไห่จึงได้มองไปที่เฝิงเกาผู้ที่ตามเขามาด้วย แต่เฝิงเกาก็มีทีท่าไม่สนใจ จูไห่จึงได้พูดอย่างจริงจัง “ผู้กองเฝิง ผมคงจะต้องรายงานเรื่องนี้ออกไปในการประเมินตอนสิ้นเดือนนี้ ผมขอให้คุณโชคดี”
แต่หลังจากที่จูไห่พูดจบ สีหน้าเฝิงเกาก็ไม่ได้เปลี่ยนไป “จูไห่ ถ้าคุณอยากจะรายงานก็รายงานไปเลย ผมไม่กลัวอยู่แล้ว!” จากนั้นเขาปรบมือและไม่สนจูไห่
ไม่ใช่ว่าจูไห่คือพ่อของจูเฟยหรอกรึ? ชายคนนี้คือพ่อของจูเฟยนั่นเอง! ฉิงเทียนรู้สึกประหลาดใจ และไม่คิดว่าหลิวตันจะสามารถพาผู้กำกับสถานีตำรวจประจำอำเภอมาได้ด้วย
แต่เมื่อเห็นที่เฝิงเกาดูไม่นับถือจูไห่แล้ว เขาเข้าใจได้ทันทีจากการที่จูไห่พ่อของจูเฟยพูดแล้วเขามีทีท่าไม่สนใจฟังเลยแม้แต่น้อย มีอยู่เพียงสองเหตุผลสำหรับเรื่องนี้ หนึ่งคือจูไห่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรในสถานีตำรวจของอำเภอนี้แล้ว กับอีกหนึ่งคือเฝิงเกามีผู้มีอิทธิพลใหญ่หนุนหลังเขาอยู่ ไม่อย่างนั้นตำแหน่งผู้กองต๊อกต๋อยอย่างเขาคงไม่กล้าที่จะเมินเฉยผู้บังคับบัญชาเช่นนี้แน่
หลิวตันที่อยู่ข้างหลังเขาเองก็ได้คิ้วขมวดเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าเฝิงเกานั้นจะไม่เกรงกลัวผู้บังคับบัญชาของตัวเองเช่นนี้ ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีขึ้นมาในใจ
จูไห่ก็ได้มองไปที่เฝิงเกา ก็ได้มีสีหน้าเศร้าหมองขึ้นมาและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความโกรธในใจของเขา
มองไปที่จูไห่ที่สามารถระงับอารมณ์ไว้ได้ ฉิงเทียนก็รู้สึกชื่นชมขึ้นมา จูไห่ก็ได้ยิ้มและขอโทษฉิงเทียน “ไม่ทราบว่าท่านนี้มีชื่อแซ่ว่าอะไร?”
“แซ่ฉิงชื่อเทียนครับ”
เมื่อได้ยินที่ฉิงเทียนบอกชื่อของตัวเองแล้ว จูไห่ก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ในใจเขา: จะว่าไปลูกชายเราก็ได้ขอให้เราช่วยอดีตเพื่อนร่วมชั้นที่ชื่อฉิงเทียนเหมือนกัน หรือว่าชายคนนี้จะเป็นเพื่อนร่วมชั้นคนนั้น ลูกชายของเรามีเพื่อนร่วมชั้นที่โดดเด่นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรนะ?
จูไห่สงสัยอย่างมาก แต่เขาก็ยังยื่นมือออกไปและแนะนำตัวเอง “ผมชื่อว่าจูไห่ ได้โปรดยกโทษในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นคุณด้วย ในฐานะของผู้กำกับสถานีตำรวจประจำอำเภอครับ”
หลังจากที่ได้ยินที่จูไห่แนะนำตัวเอง ซึ่งฉิงเทียนเองก็ได้ยืนยันความคิดของจูไห่แล้ว รวมถึงใบหน้าของเขากับจูเฟยก็มีส่วนที่เหมือนกัน 5-6 จุด จากเดิมที่เขามีสีหน้าที่เฉยชา แต่เมื่อจับมือเขาก็ได้พูดด้วยสีหน้าที่เสียใจ “มิได้ครับ มิได้ เป็นแค่การเข้าใจผิดกันเล็กน้อยเท่านั้น”
หลิวตันที่อยู่ข้างๆเขา ก็ได้ประหลาดใจขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉิงเทียน หรือว่าเขาจะรู้จักจูไห่กันนะ? ในตอนแรกเธอนั้นคิดที่จะต่อว่าจูไห่เพิ่มก็ได้ละทิ้งความคิดนั้นไป
จูไห่เองก็ตกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของฉิงเทียน และมั่นใจมากขั้นว่าฉิงเทียนนั้นจะต้องมีความสัมพันธ์กับลูกชายของเขาเป็นแน่
“คุณฉิงครับ ออกไปกันก่อนดีกว่า มันไม่ค่อยดีเท่าไรที่จะคุยอยู่ที่นี่” จูไห่พูดพร้อมกับยิ้ม
“ได้ครับ, พวกเราออกจากห้องนี้แล้วไปหาที่คุยกัน”
ณ ห้องห้องหนึ่งที่มีขนาด 50 ตารางเมตร เมื่อเข้ามาในห้องก็พบตัวหนังสือขนาดใหญ่ 4 ตัว “ซื่อตรงไม่ทุจริต(廉洁奉公)” เขียนเอาไว้เป็นเส้นพู่กันแล้วแขวนอยู่บนกำแพง มีโต๊ะไม้มะฮอกกานีและเก้าอี้หนังอยู่ข้างใต้ตัวหนังสือสี่ตัวนั้น และมีหนังสือวางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งหนังสือพวกนั้นดูใหม่มาก แค่มองผ่านๆก็รู้ได้ว่ามีแค่ไว้ประดับเท่านั้น
ทั้งสามคนก็ได้เดินเข้ามาในห้อง และจูไห่ก็ได้ปิดประตูทันทีที่เข้ามา แล้วจูไห่ก็ได้หันไปมองหลิวตันและพูดอย่างสุภาพ “ประธานหลิวครับ ไม่ทราบว่าคุณมาที่อำเภอของพวกเราเพื่อมาเที่ยวหรือว่ามาสำรวจการลงทุนครับ”
อย่างไรเสีย หลิวตันนั้นก็เป็นถึงบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเมืองโม๋ตู ถ้าหากเธอลงทุนที่นี่ล่ะก็ เศรษฐกิจของอำเภอนี้คงได้พัฒนาอย่างรวดเร็วไม่รู้กี่เท่าแน่



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย