บทที่ 213 วางแผน
“ถ้าอย่างนั้นผมจะรอก็แล้วกัน” ฉิงเทียนลูบจมูกของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบปัญหา แต่เขาก็ไม่ได้กลัวอะไร ต่อให้หลิวเอี้ยนไปฝึกวิชามาอีกซัก 100 ปี ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
แต่ทว่าพอเขาคิดว่าคนคนนี้อุตส่าห์มาช่วยเขาในวันนี้แล้ว ก็จะช่วยแนะนำเขาสักหน่อยละกัน แล้วฉิงเทียนก็พูดกับหลิวเอี้ยน “ถ้าคุณกลับไปลองค้นหาสิ่งที่เรียกว่าวิชาลับของตระกูลคุณแล้วฝึกตามดู ผมว่ามันดีกว่าที่จะฝึกวิชาการต่อสู้เพียงอย่างเดียวนะ!”
เมื่อได้ยินที่ฉิงเทียนพูด หลิวเอี้ยนก็ตกใจขึ้นมา แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าวิชานี้เป็นของดี เขาฝึกมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้ถูกเรียกว่าอัจฉริยะจากทั้งครอบครัวและองค์กร แต่ถ้ามันฝึกได้ง่ายก็คงใช้กันทั่วทุกหนแห่งแล้ว!
แต่เมื่อสักครู่ฉิงเทียนก็สามารถโต้กลับพลังวิญญาณที่เขารวบรวมมาจากทั่วทั้งร่างด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียว ฉิงเทียนนั้นน่าจะเข้าสู่ชั้นปรมาจารย์ไปแล้ว
“นายเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ไปแล้วอย่างนั้นเหรอ?” หลิวเอี้ยนมองไปที่ฉิงเทียนอย่างประหลาดใจ บางทีเขาอาจจะเป็นผู้ที่ไปถึงขั้นปรมาจารย์ที่อายุน้อยที่สุดในรอบ 100 ปีเลยก็ว่าได้
หรือว่าฉิงเทียนจะเป็นอัจฉริยะกันแน่นะ? ถ้าฉิงเทียนสามารถฝึกถึงขั้นปรมาจารย์ได้ด้วยอายุเพียงแค่ 20 ต้นๆเท่านั้น ฉิงเทียนก็สมควรที่จะถูกเรียกว่าอัจฉริยะมากกว่าเขาเสียอีก
มองดูสีหน้าที่กำลังคาดหวังของหลิวเอี้ยนแล้ว ฉิงเทียนก็ผงกหัวเบาๆ อาจจะเป็นการดีกว่าที่ให้หลิวเอี้ยนมองเขาเป็นปรมาจารย์ หรือว่าเขาควรที่จะบอกไปดีว่าจริงๆแล้วเขาเป็นผู้บำเพ็ญตนแล้ว? เขาไม่ใช่ระดับปรมาจารย์แล้วแต่เป็นนักพรตในระดับชั้นหยวนยิง จากมุมมองของเขาแล้ว ระดับปรมาจารย์ที่หลิวเอี้ยนพูดถึงนั้นน่าจะอยู่ในระดับเดียวกับหลิวเอี้ยนตอนนี้นี่แหละ แบบนั้นจะไม่น่าตกใจกว่าอีกรึ?
เมื่อเห็นฉิงเทียนผงกหัวและยอมรับออกมา หลิวเอี้ยนก็ไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองที่ฝึกวิชามาหลายปีและตะโกนขึ้นมา “บ้าเอ๊ย อยู่ในขั้นปรมาจารย์ตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้ หลายปีที่ผ่านมานี่เรามัวไปอยู่แต่กับหมารึยังไง?” หลังจากที่ตะโกนออกมา เขาก็เริ่มสงสัยตัวตนของฉิงเทียนขึ้นมา เขาไม่เชื่อคนที่ไร้เบื้องหลังแบบนั้นเขาจะสามารถฝึกถึงขั้นปรมาจารย์ได้ด้วยอายุเพียงแค่ 20 ต้นๆเท่านั้น
แต่ยังไม่ทันที่หลิวเอี้ยนจะได้ถาม ทันทีที่ได้ยินที่ฉิงเทียนพูด หลิวเอี้ยนก็แทบจะกระอักเลือดออกมา!
“บางทีหมายังเก่งกว่าคุณอีกนะ” ฉิงเทียนพูดอย่างไม่ใส่ใจอะไร เพราะเจ้าเห่าฟ้าที่อยู่บนสวรรค์นั้นอยู่ในระดับเซียน!
หลิวตันก็ได้จ้องไปที่ฉิงเทียน เขาพูดอะไรออกมาน่ะ จากนั้นเธอก็ได้รีบไปปลอบเขาแล้วพูด “พี่คะ อย่าไปเทียบกับเขาเลยล่ะ เขามันคนประหลาด ไม่เพียงแต่จะเก่งวิชาแพทย์แล้ว แต่ยังเก่งวิทยายุทธ์อีกด้วย”
“ช่างน่าตกใจริงๆ คุณปู่บอกว่ากว่าพี่จะไปถึงขั้นปรมาจารย์ได้ ก็ยังต้องใช้เวลาอีก 50 ปี” หลิวเอี้ยนถอนหายใจออกมา และมองไปที่ฉิงเทียนด้วยความอิจฉา เขานั้นรู้สึกเคืองมากจริงๆ
“ใช้เวลาตั้ง 50 ปีเลยเหรอ ผมสามารถฝึกให้คุณไปถึงขั้นปรมาจารย์ได้ด้วยเวลาแค่ปีเดียวด้วยซ้ำ” ฉิงเทียนพูดด้วยเสียงเบาๆ แต่ก็พอที่หลิวเอี้ยนจะได้ยิน อย่างไรก็ตามฉิงเทียนก็พอเข้าใจความรู้สึกของหลิวเอี้ยนจึงได้ทำเป็นบ่นพึมพำกับตัวเอง จริงๆแล้วที่หลิวเอี้ยนบอกว่าระดับปรมาจารย์นั้นบางทีอาจจะเป็นขั้นเหลียนฉีก็ได้ อย่างไรเสียที่พวกเขาฝึกกันนั้นก็ไม่ใช่เพื่อให้เป็นอมตะ แต่เป็นการฝึกเพื่อเป็นวิทยายุทธเท่านั้น
แม้ระยะทางจะเท่านั้น แต่ก็ต่างกันเหมือนนั่งเครื่องบินกับเดินเท้า ถึงแม้ระยะทางจะเท่ากันแต่ก็ใช้ระยะเวลาฝึกต่างกัน
การบำเพ็ญเพียรเพื่อให้เป็นอมตะนั้นก็เหมือนกับการนั่งเครื่องบิน บางทีเขาอาจจะไปถึงขั้นเหลียนฉีภายในวันเดียวเลยก็ได้ ถ้าเขาฝึกตามวิธีการบำเพ็ญตนให้เป็นอมตะ ซึ่งด้วยการฝึกวิชาที่เน้นเทคนิคเพียงอย่างเดียวอย่างหลิวเอี้ยนนั้นบางทีเขาใช้เวลาทั้งชีวิตก็อาจจะยังไปไม่ถึง ทั้งๆที่ระยะทางเท่ากัน!
“ที่ว่าเมื่อกี้เป็นความจริงรึ?” หลิวเอี้ยนมองไปที่ฉิงเทียนอย่างตื่นเต้น เขาสามารถไปถึงขั้นปรมาจารย์ได้เพียงแค่ปีเดียว
“ความจริงอะไรรึ?” ฉิงเทียนทำเป็นลูบจมูกและไม่ยอมรับ แต่จริงๆแล้วฉิงเทียนนั้นก็ทำเป็นพูดให้หลิวเอี้ยนได้ยินจริงๆนั่นแหละ ในเมื่อหลิวเอี้ยนเป็นทหารถ้าเขามีวิทยายุทธที่สูงขั้น เขาก็จะได้มีตำแหน่งที่สูงมากขึ้นในกองทัพ
ในเมื่อการตายของพ่อแม่ของเขานั้นเกี่ยวข้องกับผู้ฝึกวิชาแล้ว ฉิงเทียนก็เชื่อว่าจะต้องมีหน่วยงานพิเศษของทางรัฐบาลที่รู้เรื่องนี้แน่ๆ ถึงแม้ว่าจูไห่จะเป็นผู้กำกับ แต่เขาก็อาจจะไม่สามารถหาข้อมูลบางอย่างให้ได้ ดังนั้นฉิงเทียนจึงจำเป็นต้องเปิดช่องทางอื่นไว้ด้วย จึงได้คิดที่เปิดเผยวิชาให้ได้เห็นเพื่อให้เขาเข้ามาหา
“หืม, ผมพูดอะไรออกไปงั้นเหรอ?” ฉิงเทียนแกล้งทำเป็นไม่รู้ แต่ยิ่งเขาปิดบังมากขึ้นเท่าไร หลิวเอี้ยนก็รู้สึกว่าฉิงเทียนกำลังซ่อนอะไรมากขึ้นเท่านั้น
หลิวเอี้ยนจึงได้แอบคิดในใจ: ฉันจะต้องทำให้พูดออกมาให้ได้, ในฐานะที่เป็นผู้ชื่นชอบการต่อสู้แล้ว หลิวเอี้ยนนั้นสนใจอย่างมากกับการเพิ่มพูนวิทยายุทธของเขา
ยิ่งไปกว่านั้นจากที่ฉิงเทียนพูดมา เขาสามารถฝึกให้เขาอยู่ในขั้นปรมาจารย์ได้เพียงแค่ปีเดียว ระดับปรมาจารย์นั้นเป็นเหมือนหนังสือที่เขาตามหามาทั้งชีวิต
หลิวเอี้ยนเองก็รู้ดีว่าเขานั้นยังไม่สามารถทำให้ฉิงเทียนยอมเปิดปากได้ตอนนี้แน่ เขาคงทำได้เพียงต้องกลับไปปรึกษากับหัวหน้าของเขาเสียก่อนเพื่อตรวจสอบตัวตนของฉิงเทียนเสียก่อนถึงจะวางแผนต่อไปได้
ในเวลานี้ฉิงเทียนเห็นจากสีหน้าของหลิวเอี้ยนแล้วก็รู้ได้ว่าปลางับเบ็ดของเขาเรียบร้อยแล้ว และแผนการขั้นแรกของเขาก็ถือได้ว่าสำเร็จแล้ว
“น้องตัน กลับกันเถอะ!” หลิวเอี้ยนพูดกับหลิวตันขณะที่ขึ้นไปนั่งในรถ
“เฮ้อ จะกลับแล้วเหรอ?” หลิวตันมองไปที่หลิวเอี้ยนอย่างลังเล แต่หลิวเอี้ยนก็ได้พูดต่อ “คุณปู่บอกให้เธอกลับไปหา”
หลิวตันก็ได้พูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นทันที “คุณปู่บอกให้พวกเรากลับอย่างนั้นเหรอ?”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย