บทที่ 279 จับตัวเฉินหยาง (2)
ที่อีกห้องหนึ่ง ฉิงหยูกำลังมองดูเซียะเกาเทียนที่ยังหลงอยู่ในห้วงความคิดและภาพลวงตาว่าจะจับพวกเขาสองพี่น้องได้ ฉิงหยูก็ได้พูดอย่างโมโห “อย่าฝันหวานไปหน่อยเลย พี่ครับเราไปจับตัวพวกมันกันเถอะครับ”
“รอเดี๋ยวก่อนขอดูก่อนว่าเฉินหยางจะพูดถึงคนที่หนุนหลังเขาออกมาบ้างไหม!” ฉิงเทียนต้องไปที่สองคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ในจอ เขานั้นอยากได้จะรู้ว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังตระกูลเฉิน? ทำไมถึงได้ดูลึกลับนัก
ในห้องของเซียะเกาเทียน เซียะเกาเทียนก็ได้นั่งลงข้างๆเฉินหยางแล้วถามเขาด้วยเสียงค่อยๆ “พี่เขยครับ ใครกันที่หนุนหลังตระกูลพี่เขยอยู่กันแน่ครับ?”
แล้วเฉินหยางก็ได้พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง “อย่าถามในเรื่องที่เจ้าไม่ควรถาม มีบางสิ่งบางอย่างที่เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้!” โลกนั้นไม่ใช่โลกที่คนธรรมดาอย่างเขาจะเข้าใจได้
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คนธรรมดาจะรู้เห็นโลกของผู้บำเพ็ญตน เพราะด้านหนึ่งพวกเขาเองก็ไม่แสดงความสามารถต่อหน้าคนธรรมดา และอีกทางด้านหนึ่งทางรัฐบาลเองก็คอยปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ด้วย ยกตัวอย่างสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติที่ทางรัฐก่อตั้งขึ้นมาเพื่อตามล้างตามเช็ดของเหล่าผู้บำเพ็ญตนด้วย
แน่นอนว่ามีเพียงตัวตนระดับสูงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้แต่ก็เป็นเพราะเรื่องที่พวกเขาทำเมื่อ 10 ปีก่อนซึ่งทำให้เขาได้ผลกำไรอย่างมโหฬาร
เซียะเกาเทียนนั้นจึงรู้สึกตะขิดตะขวงนิดหน่อยและถามอีก “พี่เขยครับ บอกอะไรสักหน่อยก็ได้ครับ ผมสัญญาว่าจะไม่บอกใครแน่นอนครับ พี่เขยก็เห็นแล้วนี่ครับผมถูกทำร้ายจนเป็นเช่นนี้ สองพี่น้องคู่นั้นก็จะต้องจะต้องเก่งวิทยายุทธมากแน่ๆ พี่เขยช่วยเปิดเผยความลับนี้ให้ผมหน่อยนะครับ”
หลังจากที่ได้ยินเซียะเกาเทียนถามเซ้าซี้ 2-3 หน ในที่สุดเฉินหยางก็ทนไม่ไหวและพูดเตือน “เรื่องที่ข้าพูดในวันนี้ คงจะดีถ้าเจ้าจะฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา”
“ได้ครับ ได้ผมทราบแล้วครับพี่เขย ช่วยบอกผมไวๆเถอะครับ” เซียะเกาเทียนพูดด้วยความตื่นเต้น เขานั้นอดใจรอไม่ไหวที่จะได้รู้ตัวตนที่อยู่เบื้องหลังของตระกูลเฉิน
เฉินหยางนั้นก็ได้หันไปมองดูรอบๆห้องของโรงแรม เพื่อดูว่าไม่มีติดตั้งกล้องเอาไว้แล้วจากนั้นก็พูดขึ้น “เกาเทียน ขุมอำนาจที่หนุนหลังตระกูลเฉินอยู่นั้นหาใช่ขุมกำลังธรรมดาไม่ เจ้าคิดหรือไม่ว่ามีพลังเหนือธรรมชาติอยู่ในโลกใบนี้ด้วย?”
“พลังเหนือธรรมชาติงั้นเหรอครับ? พี่เขยหมายถึงวายร้ายที่ต้องการทำลายล้องโลกและฮีโร่ที่ปกป้องโลกอย่างนั้นเหรอครับ ผมไม่เชื่อหรอกครับว่าจะมีพลังเหนือธรรมชาติแบบนั้นอยู่ด้วย และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าคนที่เป็นวายร้ายกำลังคิดอะไรอยู่ พวกเขาถึงได้อยากที่จะทำลายโลกทุกวี่ทุกวัน บอกว่าอยากได้โลกใบนี้ แต่กลับบอกจะทำลาย ทั้งๆที่ปล่อยให้ทุกคนทำเงินให้อย่างสงบสุขดีกว่าแท้ๆ
“ข้าขอถอนคำพูด ข้าแค่ถามว่าเจ้าเชื่อหรือไม่ แต่ในเมื่อเจ้าบอกว่าไม่เชื่อ ก็เลิกพูดไร้สาระดีกว่า” เฉินหยางพูดอย่างช่วยไม่ได้
“ผมไม่ได้บอกว่าจะไม่เชื่อสักหน่อย” เซียะเกาเทียนรีบพูดขึ้นมาแต่ก็ยังมีสีหน้าไม่เชื่ออยู่ ตั้งแต่ตอนที่เขาเล็กยันโตเขารู้เรื่องพวกนี้น้อยมาก!
เมื่อเห็นว่าเซียะเกาเทียนยังมีสีหน้าไม่เชื่อ เฉินหยางจึงได้ไม่อธิบายอะไร แต่กลับยิ้มแล้วยื่นมือออกมาที่แก้วน้ำที่อยู่บนโต๊ะ แล้วจับแก้วน้ำใบนั้นเบาๆ แล้วน้ำในแก้วทั้งหมดจู่ๆก็ได้ลอยขึ้นมากลายเป็นลูกบอกก้อนเล็กๆราวกับลูกบอลเหล็กกล้า
“สุดยอดเลยพี่เขย พี่สามารถเล่นกลได้เหมือนนักมายากลตั้งแต่เมื่อไร?” เซียะเกาเทียนก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้วถามด้วยความสงสัย และเอามือแตะก้อนน้ำมายากลนี้อย่างต่อเนื่อง
“นี่ไม่ใช่มายากลหรอกนะ แต่เป็นพลังเหนือธรรมชาติที่ข้าบอกเจ้าต่างหาก” แล้วเฉินหยางก็ได้ชักมือกลับมา ราวกับว่าเขาหมดเรี่ยวแรง แล้วในตอนนั้นเองลูกบอลน้ำนี้ก็ค่อยๆหยดลงใส่แก้วเรื่อยๆ
“โลกใบนี้มีพลังเหนือธรรมชาติอยู่จริงๆ แล้วพี่เขยมีพลังพิเศษอะไรบ้างเหรอครับ บินได้ไหมครับ? แต่เมื่อสักครู่พี่เขยสามารถควบคุมน้ำได้ หรือว่าพี่เขยมีพลังควบคุมน้ำครับ?” เซียะเกาเทียนพูดอย่างตื่นเต้นที่พี่เขยของเขานั้นมีพลังวิเศษกับเขาด้วย
“พี่เขยครับแบบนี้พี่ก็สามารถจัดการกับซูเปอร์แมน สไปเดอร์แมนอะไรพวกนั้นได้สินะครับ พี่เขยครับแล้วพี่เขยต้องใส่หน้ากากทุกครั้งตอนที่พี่เขยออกทำภารกิจด้วยรึเปล่าครับ?” เซียะเทียนเริ่มพูดอย่างตื่นเต้น
ในตอนแรกเขาก็รู้สึกยินดีกับคำชมของเซียะเกาเทียนอยู่หรอก แต่พอยิ่งฟังไปๆยิ่งฟังดูแย่มากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ใช่แล้ว ถ้าเกิดว่าเป็นอย่างในหนังภาพยนตร์แล้ว เขาจะไม่ใช่ตัวร้าย แต่เป็นคนที่เอาเปรียบคนในตระกูลแล้วทำร้ายผู้อื่น แล้วพอเจอกับพระเอก ก็จะถูกพระเอกขัดขวาง แล้วก็จะถูกพระเอกทำร้ายจนตายแล้วผลประโยชน์ทั้งหมดสุดท้ายก็ไม่ได้ตกอยู่กับเขา
ยิ่งเฉินหยางคิดมากขึ้นเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเขานั้นเป็นเหมือนตัวเอกที่ก่อกบฏยังไงก็ไม่รู้? พอๆได้แล้วเขาจะปล่อยให้ไอ้หมอนี่พูดต่อไม่ได้แล้ว
“เอ้าพอๆ เลิกพูดไร้สาระ พลังที่พวกเรามีนั้นยังแตกต่างกับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่เห็นในหนังมากนัก ซึ่งพวกนั้นน่ะเกิดจากเทคนิคการถ่ายทำพิเศษในหนังซึ่งเป็นการสร้างขึ้นมาเองทั้งนั้น แต่ของพวกเรานั้นเกิดขึ้นจากการฝึกฝนด้วยตัวเอง” เฉินหยางอธิบาย
“ของพวกนี้คือของจริงไม่ใช่ของปลอมอย่างในหนังสินะครับ” หลังจากที่ผ่านไปพักใหญ่ เซียะเกาเทียนก็ได้พูดอย่างประหลาดใจ
แล้วเซียะเกาเทียนก็ได้พูดขึ้นมา “ถ้าอย่างนั้นฉิงเทียนกับน้องชายก็มีพลังพิเศษเหมือนกันสินะครับ” ในเวลานี้เขารู้สึกกลัวขึ้นมา ถ้าพวกพี่น้องฉิงเทียนมีพลังพิเศษจริงๆ ชีวิตน้อยๆของเขาคงไม่ปลอดภัยเสียแล้ว! เขาไม่สามารถสู้กับพวกมีพลังพิเศษได้อย่างแน่นอน
“ข้ายังไม่พบพวกเขาก็เลยไม่รู้เหมือนกัน แต่ฟังจากที่เจ้าเล่ามาแล้วข้าคิดว่าพวกเขาจะต้องมีพลังพิเศษอยู่บ้างแน่” เฉินหยางกล่าว
เรื่องนี้ทำให้เซียะเกาเทียนสะดุ้งโหยง นี่เขาไปทำให้ผู้มีพลังพิเศษสองคนโกรธเขาเสียแล้ว เขาจะทำอย่างไรดี? พวกเขาจะมาตามล่าตัวเขารึเปล่านะ?
เมื่อเห็นว่าเซียะเกาเทียนนั้นสีหน้าซีดราวกับคนตาย เฉินหยางก็ได้อธิบาย “เกาเทียนเจ้าไม่ต้องกังวลไป คราวนี้พวกเขาจะต้องถูกจับตัวรอให้เจ้ามาเตะพวกเขาแน่! ฮ่าๆ….”
เฉินหยางที่กำลังนั่งอยู่ที่เตียงก็ได้พูดอย่างมั่นใจ “เมื่อใดที่ข้าได้เอาเรื่องนี้ไปบอกพวกสำนักอัคคี พวกมันสองคนก็จะถึงคราวซวย”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย