บทที่ 316 ลงมือ
“สมช.ของคุณไม่สามารถตรวจสอบคนของรัฐได้อย่างนั้นเหรอ?” ฉิงเทียนถามอย่างประหลาดใจ
เฟิงอี้ก็ได้มองไปที่ฉิงเทียนอย่างเงอะงะ “นายก็น่าจะรู้นี่ มันมีกฎบางอย่างในวงการข้าราชการจีนอยู่นะ ถึงแม้ว่าเราจะทำงานภายใต้การนำของรัฐบาลกลางก็จริงอยู่ แต่พวกเราก็ต้องระวังเรื่องของอิทธิพลด้วยใช่ไหมล่ะ?”
เมื่อได้ยินที่เฟิงอี้อธิบายแล้ว ฉิงเทียนก็คิ้วขมวดและโบกมือของเขา “ก็ได้ ถึงผมจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้เท่าไร แต่ถ้าผมจะไปสืบตระกูลเฉินคงไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ไม่ คุณเป็นแค่ที่ปรึกษาพิเศษของสมช.เรา ซึ่งจริงๆแล้วทางสมช.ของเราก็ไม่สามารถควบคุมคุณได้อยู่แล้ว” เฟิงอี้อธิบายพร้อมกับยิ้ม
“เข้าใจแล้ว, ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน!” โดยที่ไม่รอให้คนอื่นได้ไหวตัวทัน ฉิงเทียนก็ได้กระโดดออกไปจากหน้าต่างทันที
“ถ้านายต้องการความช่วยเหลือ นายมาที่สมช.ของพวกเราได้นะฉิงเทียน!” เฟิงอี้ตะโกนไล่หลังฉิงเทียนไป
“เจ้าหนูนี่มันเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ โชคยังดีที่เขายอมรับเข้าร่วมกับทางสมช.” เฟิงอี้มองไปที่ฉิงเทียนที่ห่างออกไปด้วยรอยยิ้ม
หลิวเอี้ยนที่อยู่ไม่ไกลก็ได้พูดออกมาอย่างไม่พอใจ “หึ เจ้าหมอนี่คิดทำอะไรคนเดียวตลอด เขาคิดว่าตัวเองแน่ที่สุดในโลกนี้แล้วรึยังไง?”
“พี่กำลังอิจฉาเขาอยู่เหรอคะ? ฉิงเทียนน่ะตอนนี้น่ะมีพลังวัตรอยู่ในระดับหยวนยิงเลยนะคะ ในขณะที่พี่ยังอยู่แค่ในระดับจู้จี ขี่กระบี่ก็ยังไม่ได้เลย!” หลิวตันมองไปที่พี่ชายของเธอที่พูดไม่ดีใส่หวานใจของเธอ จึงได้พูดสวนกลับไป
“ทำไมเราถึงได้มีน้องสาวอย่างเธอกันนะ เลือดมันควรจะเข้มกว่าน้ำแท้ๆ” หลิวเอี้ยนพูดและส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
แล้วหลิวเอี้ยนก็ได้หันหน้าหนีแล้วถามเฟิงอี้อย่างสงสัย “ผู้อาวุโสเฟิงครับ ไม่ใช่ว่าตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของทางสมช.ไม่ใช่เหรอครับ?”
เมื่อได้ยินที่หลิวเอี้ยนพูด เฟิงอี้ก็ได้ตอบอย่างหงุดหงิด “หึ พวกตระกูลเฉินมันเล่นไม่ซื่อมากขึ้นเรื่อยๆ โดยอาศัยการสนับสนุนจากสำนักอัคคีในช่วงหลายปีที่ผ่าน ถึงเวลาที่เราจะสอนบทเรียนให้พวกเขาบ้างแล้ว”
หลิวเอี้ยนและหลิวตันก็ได้หันมามองหน้ากันเอง ประโยคนี้ของเขาได้เปิดเผยอะไรหลายๆอย่างออกมา ซึ่งเห็นได้ว่าทางเบื้องบนนั้นเริ่มไม่พอใจตระกูลเฉินแล้ว
“เอาเถอะ นี่ไม่ใช่เรื่องของพวกนาย สิ่งที่พวกนายจะต้องทำตอนนี้คือเก็บเกี่ยวประสบการณ์ อีกเดี๋ยวจะมีคนมารับพวกนายไป!” แล้วเฟิงอี้ก็ไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก
ทางด้านของฉิงเทียน ในเวลานี้เขายังไม่ได้มุ่งหน้าไปที่ตระกูลเฉินทันที เขานั้นได้แวะไปที่ตลาดมืดก่อน ด้วยอิทธิพลของตลาดมืดในเมืองโม๋ตู พวกเขาน่าจะสามารถตามสืบเรื่องของตระกูลเฉินในโม๋ตูได้
บ้านตระกูลจ้าวในเมืองโม๋ตู
จ้าวเลี่ยงนั่งอยู่ที่เก้าอี้และพูดด้วยรอยยิ้มที่ยินดี “ก่างเอ๋อ เป็นความจริงที่ตระกูลได้ตกลงกับพวกเราเอาไว้? ที่ว่าพ่อจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ไปอีกหลายร้อยปีน่ะ?” สายตาทั้งสองข้างของเขาแสดงถึงสีหน้าที่คาดหวัง ไม่มีมนุษย์คนไหนที่ไม่อยากที่จะมีชีวิตยืนยาวเป็นร้อยปีหรือเป็นอมตะบ้าง
จ้าวก่างที่อยู่ไม่ไกลก็ได้มองพ่อของเขาที่มีสายตาที่คาดหวังแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
ตระกูลเฉินนั้นได้สัญญาว่าจะมอบขวดยาอมฤตให้ขวดหนึ่งและเปลี่ยนกับการให้ตระกูลเฉินเข้ามาซื้อหุ้น ซึ่งยานี้จะช่วยเพิ่มอายุขัยได้! ยิ่งไปกว่านั้นอิทธิพลของตระกูลเฉินที่อยู่ทางตอนใต้นั้นก็ยังมีอำนาจมากอีกด้วย ซึ่งเทียบไม่ได้กับตระกูลของเขาเลย แต่ตลาดมืดนั้นไม่ใช่ตระกูลของเขาเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว แต่ยังเป็นของฉิงเทียนน้องชายของเขาอีกด้วย
“ท่านพ่อครับ พวกเรากำลังหารือเรื่องของฉิงเทียนกันอยู่นะครับ” จ้าวก่างได้พูดเตือนเขา
แล้วรอยยิ้มของจ้าวเลี่ยงก็ได้เปลี่ยนไปเป็นหดหู่แล้วบ่นออกมา “น้องชายของลูกมันไม่ทำอะไรเลย แต่กลับได้ส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งของตลาดมืดไป”
เมื่อได้ยินที่พ่อของเขาบ่น จ้างก่างก็รู้ว่าเขาคงจะต้องเตือนพ่อของเขาอีกครั้ง “ท่านพ่อครับ การกระทำของน้องชายผมนั้นคาดเดาไม่ได้ง่ายๆนะครับ ท่านพ่อคงไม่อยากเป็นอย่างตระกูลหวงหรอกใช่ไหมครับ?”
เมื่อจ้าวเลี่ยงถูกเตือนโดยลูกชายของเขาแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องของตระกูลหวงขึ้นมา ซึ่งได้มาขอซื้อส่วนแบ่งเมื่อไม่กี่วันก่อน แล้วบอกว่าเขากำลังหาวิธีติดต่อกับฉิงเทียนอยู่
นอกจากนี้ฉิงเทียนคือผู้ที่ทำลายตลาดมืดดั้งเดิมที่เป็นของสามผู้มีอิทธิพลใหญ่ และด้วยความสามารถนั้นไม่ใช่อะไรที่ตระกูลของเขานั้นจะต่อต้านได้เลย เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วจ้าวเลี่ยงก็รู้สึกกลัวขึ้นมา และข้อเสนอของตระกูลเฉินเองก็ดีมากด้วย

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย