บทที่ 348 เกิดใหม่
“ยานี้คือยาแปลงโฉมครับ พวกคุณจะสามารถเปลี่ยนรูปร่างของคุณให้เป็นไปตามที่พวกคุณคิดได้ แต่มันจะส่งผลแค่ 10 ชั่วโมงเท่านั้น” ฉิงเทียนยื่นส่งยาให้ทั้งสองคน
ในฐานะแพทย์แผนจีนโบราณแล้ว ผู้เฒ่าซูก็ได้มองดูยากลมๆที่อยู่ในมือของเขาแล้วกล่าว “ช่างเป็นยาที่วิเศษนัก”
“แต่มันก็ไม่ใช่แผนในระยะยาว พวกเราไม่สามารถทานยานี้ได้ตลอดทุกวันอยู่แล้ว” จ้าวเลี่ยงเอายาใส่ในกระเป๋าเสื้อของเขาแล้วพูดกับคนอื่นๆ
“คุณมีความคิดอะไรดีๆอย่างนั้นเหรอ?” ซูกังคิ้วขมวดแล้วถาม ในตอนนี้เขาได้กลายเป็นหนุ่มแล้วและยังสามารถบำเพ็ญเพียรได้อีก เขาจึงเริ่มกลัวว่าถ้าเกิดมีของวิเศษหรือเรื่องแปลกประหลาดอยู่รอบตัวเขามากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ตัวตนของเขานั้นจะไปอยู่ที่ไหน? เขานั้นเป็นหมอที่มีชื่อเสียงในโม๋ตูและถ้าหากจู่ๆตัวเขากลายเป็นหนุ่มขึ้นมา ทั่วทั้งโม๋ตูได้โกลาหลแน่ อย่างไรเสียทุกคนนั้นอยากที่จะเป็นหนุ่มสาวด้วยกันทั้งนั้น
“ฮ่าๆ ผมน่ะวางแผนที่จะเกิดใหม่น่ะสิ เมื่อผมกลับไปผมจะไปทำการโอนทรัพย์สินทั้งหมดไปให้บริษัทของฉิงเทียน แล้วจากนั้นก็จะแกล้งทำเป็นตายหลอกๆแล้วก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวตนใหม่ และออกไปไหนมาไหนในสภาพนี้” จ้างเลี่ยงกล่าว จริงๆแล้วเขาเคยคิดเช่นนี้เอาไว้ก่อนแล้ว แต่เขาก็ไม่คิดว่าตัวตนของเขานั้นจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ซึ่งมันเหนือกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้เยอะ
แล้ววิธีการเข้าร่วมกับบริษัทของฉิงเทียนแบบสุดตัวเช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะสามารถกำจัดศัตรูของเขาได้แล้ว ทำให้เขาไปไหนมาไหนด้วยใบหน้านี้ได้ด้วย และยังเอาใจฉิงเทียนได้ด้วย
ซึ่งในอนาคตจะต้องมีคนมาเข้าร่วมบริษัทของฉิงเทียนมากขึ้นเรื่อยๆ และมันจะทำให้เขาได้เปรียบที่จะทำให้ได้อยู่ในตำแหน่งที่สูงๆ
แต่คำพูดของเขานี้ทำให้หัวใจของตระกูลซูเหมือนถูกฟ้าผ่า ที่เห็นว่าจ้าวเลี่ยงนั้นกล้าหาญมากที่ยอมยกทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลจ้าวให้กับฉิงเทียน ตระกูลจ้าวนั้นมีทรัพย์สินอยู่หลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งไม่ใช่หลายพันล้านหยวนด้วย จ้าวเลี่ยงนั้นได้ลงทุนทั้งตระกูลของเขาให้กับฉิงเทียน
หลังจากที่ผ่านไปพักใหญ่ ผู้เฒ่าซูที่หายตกใจก็ได้ถาม “ฉิงเทียน เจ้าคิดที่จะตั้งบริษัทรึ?”
ฉิงเทียนนั้นรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะต้องถาม และฉิงเทียนเองก็ไม่ได้คิดจะปิดบังอะไรด้วย จึงได้ตอบไป “ใช่ครับ ผมกำลังจะก่อตั้งบริษัทครับ และแน่นอนว่าบริษัทนี้ไม่ใช่บริษัทธรรมดาๆ”
“ไม่ใช่บริษัทธรรมดา แล้วเป็นบริษัทอะไรรึ?” ซูกังถามอย่างประหลาดใจ
ซูเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเห็นว่าครอบครัวของเธอนั้นมีสีหน้าประหลาดใจ เธอจึงได้ยิ้มพร้อมกับอธิบาย “คุณพ่อคะ หนูจะอธิบายให้ฟังเองค่ะ! คือบริษัทที่ฉิงเทียนจะก่อตั้งนั้นไม่ใช่สำหรับคนธรรมดาค่ะ แต่เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจกับผู้บำเพ็ญเพียรค่ะ
เมื่อได้ยินที่ซูเสวี่ยอธิบายแล้ว ซูกังก็รู้สึกประหลาดใจมากขึ้นกว่าเดิมแล้วถาม “จะทำธุรกิจกับโลกผู้บำเพ็ญเพียรอย่างนั้นเหรอ? โลกนี้มีโลกของผู้บำเพ็ญเพียรอยู่จริงๆงั้นเหรอ?” โลกผู้บำเพ็ญเพียรนั้นเป็นโลกปรัมปรา ถึงแม้ว่าจะมีพูดถึงอยู่ในนิยาย แต่ก็ไม่เคยมาปรากฏตัวให้เห็นต่อหน้าคนธรรมดา หรืออาจจะปรากฏตัวออกมาแต่ผู้คนก็หลงลืมกันไปแล้ว
“แน่นอนว่ามีครับ แต่โลกผู้บำเพ็ญเพียรนั้นอยู่ห่างไกลจากคนธรรมดานัก แต่ในเวลานี้พวกคุณเองก็เป็นผู้บำเพ็ญเพียรแล้วก็จะสามารถเข้าไปยังโลกผู้บำเพ็ญเพียรได้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง” ฉิงเทียนกล่าวกับทุกคน จริงๆแล้วฉิงเทียนอยากจะบอกว่า อย่าว่าแต่โลกผู้บำเพ็ญเพียรเลย แม้แต่โลกเซียนยังมี ซึ่งพวกคุณก็อาจจะได้ไปในอนาคต
แต่ในทันทีที่เขาเห็นว่าพวกเขาคุยกันแค่เรื่องของโลกบำเพ็ญเพียรแล้วยังตกใจกันขนาดนี้ ถ้าขืนบอกว่ามีโลกเซียนจริงๆ บางทีอาจจะไปทำลายสามัญสำนึกของพวกเขาก็ได้ ดังนั้นฉิงเทียนจึงได้คิดปิดบังเรื่องของโลกเซียนเอาไว้ก่อนเพื่อตัวพวกเขาเอง
หลังจากที่ผ่านไปพักใหญ่ ทั้งสี่คนก็ได้ค่อยๆหายจากอาการตกใจ ในคืนนี้ทั้งสี่คนได้สงบสติไปหมดแล้ว เขาคิดว่าแค่เรื่องของโลกผู้บำเพ็ญเพียรก็สามารถทำให้พวกเขาตกใจได้ขนาดนั้นแล้ว แต่พวกเขาคงได้ตกใจมากขึ้นกว่าเดิมแน่ถ้าบอกไปว่ามีโลกเซียนที่เหล่าเซียนอาศัยอยู่จริงๆ อาจทำให้พวกเขาหัวใจวายตายได้
“ฉิงเทียน พรุ่งนี้ข้าจะกลับไปจัดการเรื่องทรัพย์สินให้เรียบร้อย เจ้าจะต้องรับข้าเข้าบริษัทด้วยนะ! มันช่างน่าทึ่งมากที่จะทำธุรกิจกับโลกผู้บำเพ็ญเพียร มันจะต้องสุดยอดแน่ๆ” จ้าวเลี่ยงพูดอย่างตื่นเต้น ในเวลานี้เขาคิดว่าเขาตัดสินใจเอาไว้แต่แรกนั้นมันฉลาดมาก เงินหลายพันล้านดอลลาร์แลกเป็นเปลี่ยนเป็นวิถีทางแห่งอมตะ และเงินหลายพันล้านของเขานั้นก็จะมีมูลค่ามากขึ้นในอนาคต
และสิ่งที่น่าทึ่งมากขึ้นไปอีกคือเขาสามารถที่จะทำธุรกิจกับผู้บำเพ็ญเพียรได้ สำหรับจ้าวเลี่ยงแล้วการทำธุรกิจนั้นคือทั้งชีวิตของเขา เรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับเขาพอๆกับเรื่องของการเป็นอมตะ
“ฉิงเทียน, ตระกูลซูของข้าก็จะเข้าร่วมลงทุนในบริษัทของเจ้าด้วย” จู่ๆผู้เฒ่าซูก็พูดขึ้นมา
คำพูดของผู้เฒ่าซูนั้นได้ทำให้ฉิงเทียนตกใจ นี่มันเรื่องอะไรกัน แค่เขาจะตั้งบริษัท พวกคุณจะมาทุ่มทรัพย์สินของตัวเองทั้งหมดทำไมกัน?
“อะไรกันครับพ่อ? ทรัพย์สินเหล่านั้นมันคือธุรกิจที่ดำเนินมาอย่างยาวนานในตระกูลของเรานะครับ?” ซูกังถามอย่างตกใจ ที่พ่อของเขาจะยอมยกทรัพย์สินทั้งหมดเช่นนี้ ถึงแม้ว่าฉิงเทียนจะไม่ใช่คนนอก แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากที่ซูกังจะยอมรับอยู่ดี อย่างไรเสียมันก็เป็นเรื่องยากไม่ว่าใครก็ตามที่จะยอมยกทรัพย์สินทั้งหมดที่ตัวเองหามาอย่างยากลำบากนานนับทศวรรษให้กับผู้อื่นเช่นนี้
“ฉิงเทียน, ไม่ว่าเจ้าจะต้องการหรือไม่ก็ตาม ไม่ช้าหรือเร็วยังไงทรัพย์สินของตระกูลซูก็ต้องตกเป็นของเสวี่ยเอ๋ออยู่ดี ด้วยความสัมพันธ์ของเจ้ากับเสวี่ยเอ๋อแล้ว ก็เท่ากับทรัพย์สินของตระกูลซูนั้นก็ต้องเป็นของเจ้าอยู่ดี หรือว่าเจ้าจะทำไม่ดูแลเสวี่ยเอ๋อให้ดีล่ะ?” ผู้เฒ่าซูถาม
เมื่อได้ยินที่ผู้เฒ่าซูพูดเช่นนี้ ฉิงเทียนก็พูดอะไรไม่ออก “ไม่ครับ ผมจะดูแลเธออย่างดีไปตลอดครับ” ฉิงเทียนไม่กล้าที่จะพูดอะไรภายใต้สายตาที่แหลมคมของซูเสวี่ย
“ใช่ไหมล่ะ แล้วมันจะแตกต่างอะไรระหว่างมอบให้เจ้าเสียตอนนี้หรือภายหลังล่ะ?” ผู้เฒ่าซูยิ้มออกมา อย่างไรเสียทั้งตัวเขาและพ่อของซูเสวี่ยนั้นต่างก็ชราหมดแล้ว ทรัพย์สินทั้งหมดนี้ก็จะเป็นของเขาในไม่ช้า
“ท่านพ่อครับ หากพวกเรามอบธุรกิจของตระกูลซูหมดแล้ว พวกเราจะทำอย่างไรต่อล่ะครับ?” ซูกังถาม เพราะตัวเขานั้นอยู่ในวงการแพทย์แผนจีนโบราณมาตลอดทั้งชีวิตของเขา
“เจ้าก็ถามฉิงเทียนเอาสิ” ผู้เฒ่าซูตอบขณะที่ลูบหนวดของตัวเองที่กลายเป็นสีดำอย่างไม่คุ้นเคย “ข้าเองก็จะไปเกิดเป็นคนใหม่อย่างผู้นำตระกูลจ้าวบ้าง เงินทองมันเป็นของนอกกาย ส่วนวิถีของการบำเพ็ญเพียรนั้นคือหนทางที่พวกเราจะมุ่งไป มันมีโอกาสเช่นนี้ไม่มากนักในช่วงชีวิตของคนคนหนึ่ง”
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย