บทที่ 394
ไล่ล่า
“เป็นอย่างไรบ้างครับพี่?” ทันทีที่เขาเดินออกมา ฉิงหยูมองไปที่ฉิงเทียนด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“อะไรเป็นอย่างไรเรอะ?” ฉิงเทียนถามกลับ
ฉิงหยูก็พูดพร้อมกับยิ้ม “พี่ครับ พี่ก็เป็นผู้ชาย ผมรู้นะครับ ผมไม่บอกอาซ้อหรอก เมื่อสักครู่ฉิงอวี่เอ๋อได้บอกอะไรพี่……” ฉิงหยูก็พูดด้วยสีหน้าเหมือนรู้ดี
“ไปไหนก็ไปเลยนะ พี่จะไปยุ่งกับเธอได้ยังไงเล่า! เธอน่ะพยายามที่จะรู้ให้ได้ว่าพวกเรามาจากที่ไหน?” ฉิงเทียนจึงได้เปลี่ยนเรื่องแล้วพูด “ไปกันเถอะเราไปสมัครลงแข่งประลองยุทธ์กันดีกว่า”
“พวกเราจะเข้าร่วมการประลองยุทธ์ไปทำไมเหรอครับ?” ฉิงหยูถามด้วยสีหน้าที่สงสัย
ฉิงเทียนก็ได้ยักไหล่แล้วกล่าว “พี่คิดว่าสำนักซูซานนั้นจะต้องส่งหยูซูชินลงแข่งประลองยุทธ์น่ะสิ”
“เข้าใจแล้วครับ งั้นเราก็ไปสมัครกันเถอะครับ!” ฉิงหยูตอบทันที
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยเรื่องนี้กันอยู่นั้น ไป๋กงหยางก็ได้พูดขึ้นมา “ท่านอาจารย์อา มีคนตามหลังท่านมาตั้งแต่ตอนที่ท่านออกมาจากงานประมูลจนมาถึงที่นี่ เป็นระดับเหอถี่หนึ่งคนและระดับเฟิงเฉินสองคน”
เมื่อฉิงเทียนพบว่ามีคนแอบตามหลังพวกเขามา ก็ได้พยายามรักษาระยะห่างเอาไว้
“ดูท่าน่าจะเป็นคนจากสำนักโอสถเป็นแน่” ฉิงเทียนพูดเดา เพราะมีแค่สำนักโอสถเท่านั้นที่เขาไปล่วงเกินเข้าในงานประมูลเมื่อสักครู่
“พวกเราไปยังที่ๆห่างไกลผู้คนกันหน่อยดีกว่า” ฉิงเทียนพูดอย่างโมโห คิดจะเล่นไม่ซื่องั้นเหรอ? เดี๋ยวก็รู้ใครจะเล่นงานใคร จะเล่นด้วยสักหน่อยละกัน
“ท่านอาจารย์อาครับ พวกเราจะลงมือเมื่อไรดีครับ?” ชายคนหนึ่งที่เดินตามหลังฉิงเทียนก็ได้ถามชายวัยกลางคน
“ใจเย็นๆก่อน รออีกสักหน่อย อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นถิ่นของสำนักซูซาน ในช่วงนี้ที่นี่สายตาอยู่มากเกินไป เอาไว้รอให้ที่เปลี่ยวๆกว่านี้อีกสักหน่อยก็ยังไม่สายเกินไป” ชายวัยกลางคนตอบ สิ่งที่สำนักโอสถของพวกเขาหมายตาเอาไว้นั้นจะปล่อยให้ไปอยู่กับคนอื่นได้อย่างไร ถ้าไม่ได้มาด้วยวิธีปกติก็ต้องไปชิงเอามาอย่างเดียวเท่านั้น
“ท่านอาจารย์อาครับ พวกเขาเข้าไปในตรอกแล้วครับ!” ศิษย์คนหนึ่งพูดอย่างตื่นเต้น
“ลงมือได้!” ชายวัยกลางคนพูดสั่งการ
แล้วทั้งสามคนก็ได้รีบวิ่งไปขวางทางตรอกที่พวกเขาเดินเข้าไปทันที ในขณะที่ชายวัยกลางคนก็ได้โยนแสงสีขาวขึ้นไปบนท้องฟ้า ซึ่งสถานที่ที่ฉิงเทียนอยู่ตอนนี้ถูกล้อมเอาไว้แล้ว
“พวกคุณเป็นใครกัน?” ฉิงหยูแกล้งทำเป็นกลัว และพูดด้วยเสียงสั่นๆ
“ฮ่าๆ เจ้าหนูขี้ขลาด พวกแกทำได้แค่หลบซ่อนเหมือนกับพวกหนูสกปรกเท่านั้นแหละ ข้าจะบอกให้แกเอาไปบอกปู่ของพวกแกในนรกก็ได้ว่าพวกข้านั้นมาจากสำนักโอสถ พวกแกบังอาจแย่งของของสำนักโอสถของพวกเราไป” ลูกศิษย์คนหนึ่งของสำนักโอสถหัวเราะเสียงดัง
ฉิงหยูนั้นยังแกล้งทำเป็นกลัวอยู่ โดยเฉพาะเมื่อตอนที่เขาได้ยินว่าเป็นคนของสำนักโอสถเขาก็ได้สั่นด้วยความตื่นเต้น ที่เขาได้พบกับศัตรูที่แข็งแกร่งแล้วและพูดตอบ “แล้วสำนักโอสถของพวกคุณเกี่ยวอะไรด้วย สิ่งนั้นเป็นของที่พวกเราประมูลได้ มันจะเป็นของสำนักโอสถของพวกคุณได้อย่างไร? ไร้เหตุผลสิ้นดี”
“เหตุผล? ฮ่าๆ สำนักโอสถของพวกเรานี่แหละคือเหตุผล ถ้าพวกเราบอกว่าเป็นของของพวกเรามันก็คือของของพวกเรา ถ้าเจ้ายอมส่งของมาให้ตอนนี้พวกเราอาจยอมให้พวกเจ้าตายแบบมีศพทั้งตัวก็ได้” ลูกศิษย์คนหนึ่งของสำนักโอสถพูดอย่างดุดัน
“พวกแก….คิดจะฆ่าพวกเรางั้นเหรอ ที่นี่…..เป็นถิ่นของ….สำนักซูซานนะ” ฉิงหยูตอบ โดยยังแกล้งทำเป็นกลัวอยู่ และทำเป็นเป็นพูดติดๆขัดๆ
“สำนักซูซานแล้วยังไง? ตอนนี้ที่นี่พวกเราได้วางอาคมเอาไว้แล้ว ไม่มีใครเห็นหรอก” สำนักโอสถพูดอย่างภูมิใจมาก ฉิงเทียนและฉิงหยูนั้นไม่ต่างอะไรไปจากเนื้อที่วางอยู่บนจานแล้ว
ในเวลานี้พวกเขาพูดมากใส่ฉิงเทียนกับฉิงหยู ราวกับว่าพวกเขาเป็นแมวที่กำลังเล่นกับหนูก่อนที่จะจับ นั่นคือสิ่งที่พวกเขาทำในเวลานี้
ในความคิดของพวกเขา ฉิงเทียนกับฉิงหยูจะต้องอาศัยโอกาสนี้ส่งของมาให้พวกเขา แล้วจากนั้นก็คร่ำครวญและร้องขอให้ไว้ชีวิตพวกเขา
แต่พวกเขานั้นคิดผิด ฉิงเทียนที่นิ่งสงบอยู่ก็ได้กล่าว “ก็ไม่เลว ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรู้ถ้าพวกเราฆ่าพวกแกสินะ”
พวกเขาต่างก็ตกใจ แล้วจากนั้นก็หัวเราะออกมาราวกับได้ยินมุกตลกที่น่าขันที่สุดในโลก
“ฮ่าๆ….พวกเจ้าบอกว่า….พวกเจ้าจะฆ่าพวกเรางั้นเหรอ?” ลูกศิษย์สำนักโอสถมองไปที่ฉิงเทียนและฉิงหยูด้วยสีหน้าที่ดูถูก
บอกว่าจะฆ่าพวกเขา สมองของพวกเขาเพี้ยนไปแล้วหรือยังไง? แต่ก็ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะเช่นนั้น นั่นก็เพราะพลังวัตรของทั่วทั้งโลกผู้บำเพ็ญเพียรนั้นส่วนใหญ่จะอยู่ที่ระดับเหอถี่เป็นระดับสูงสุด ยิ่งไปกว่านั้นนอกจากผู้บำเพ็ญเพียรในสำนักใหญ่ๆอย่าง 1หลุน 2เขา 3สำนักแล้ว สำนักอื่นๆจะมีผู้ที่อยู่ในระดับเหอถี่อยู่น้อยมาก
และในเวลานี้ทั้งสองคนที่อยู่ตรงข้ามกับพวกเขานั้นกลับบอกว่าจะฆ่าพวกเขา ที่มีหนึ่งคนอยู่ในระดับเหอถี่และอีกสองคนอยู่ในระดับเฟิงเฉิน พวกเขาจึงได้รู้สึกสงสัยว่าหัวของฉิงเทียนคงจะพังไปแล้วแน่ๆ
“หึ น่ารำคาญ!” ฉิงเทียนพูดแล้วพุ่งตัวไปหาคนระดับเหอถี่ทันที ส่วนฉิงหยูที่อยู่ภายใต้การควบคุมของไป๋กงหยางก็ได้พุ่งไปหาคนระดับเฟิงเฉินทั้งสองคนนั้นแทน
“หึ” ชายวัยกลางคนที่อยู่ในระดับเหอถี่นั้นไม่คิดว่า ฉิงเทียนจะมาหาเขาตรงๆเช่นนี้จึงได้ทำเสียงอย่างดูถูก และในขณะเดียวกันเขาก็ได้พุ่งตัวเข้าไปหาฉิงเทียน และในขณะที่ที่เขากำลังเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเท้าของเขาก็ได้เหยียบลงไปที่พื้นอย่างเต็มเหยียด แล้วตัวของเขาก็ได้พุ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง แล้วก็มีหอกยาวๆที่มาอยู่ที่มือของเขาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ก็ได้ชี้ไปที่คอของฉิงเทียน
รู้สึกได้ถึงของแหลมคมที่ฝ่าสายลมมาตรงหน้าเขาและมุ่งร้ายไปที่คอหอยของเขา ในใจของฉิงเทียนนั้นยังคงสงบนิ่งอยู่ ถึงชายวัยกลางคนๆนั้นก็อยู่ในระดับเหอถี่ในขณะที่เขาอยู่แค่ในระดับเฟิงเฉิน แม้จะมีพลังวัตรที่ต่างกัน แต่ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขานั้น เขาก็พูดได้ว่าตัวเขานั้นพอที่จะสู้ไหว
ด้วยความช่วยเหลือของความสามารถในการหลบหลีกที่สุดยอดของเขา ฉิงเทียนก็ได้หลบอย่างว่องไว และสามารถที่จะหลบการโจมตีของชายวัยกลางคนได้ทุกครั้ง ด้วยการหมุนที่เท้าของเขา เขาก็ได้มาโผล่ที่ทางด้านขวาของชายวัยกลางคน


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย