บทที่ 407 เจี้ยนอ้าว
ทุกคนต่างก็ประหลาดใจเมื่อได้ยินที่ฉิงหยูกล่าว ที่ยกโอกาสชนะบายนี้ให้กับคนอื่น ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าไปรอแข่งในรอบรองชนะเลิศได้ทันที
หยูชูซินก็ได้จ้องไปที่ฉิงหยู และรู้สึกได้ถึงความคุ้นเคยจากหัวใจของเธอ
เธอนั้นไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร และเธอไม่รู้จักเขาแน่ๆ แต่เธอกลับรู้สึกคุ้นเคยทุกครั้งที่เจอเขา หยูชูซินรู้สึกสงสัยอย่างมาก
เหล่าเจ้าสำนักใหญ่ๆต่างก็สงสัยและคาดเดาถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้
หยูชูซินนั้นคิดที่จะปฏิเสธไป แต่กรรมการที่เป็นผู้อาวุโสของสำนักซูซานนั้น ก็เห็นว่าเป็นโอกาสดี ที่ตำแหน่งที่คนที่ 4 ของรอบรองนี้จะตกเป็นของคนของสำนักซูซาน
โดยที่ไม่รอให้คนอื่นได้ตั้งตัว กรรมการก็ได้ประกาศให้สลับฉิงหยูกับหยูชูซิน และให้หยูชูซินชนะบายไป
แล้วการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นก็น่าสนใจมาก เจี้ยนอ้าวปะทะหลินเยว่และเหยนหลิง
เจี้ยนอ้าวนั้นไม่เคยแพ้ใครเลยนับตั้งแต่เขาได้กระบี่เล่มนี้มา วิชากระบี่ของเขาก็เป็นวิชากระบี่มือเดียวที่เป็นวิชาโบราณของสำนักซูซาน เมื่อนึกถึงความสามารถของเขาจากการต่อสู้ที่ผ่านๆมา กระบี่ของเจี้ยนอ้าวสามารถผ่าเวทีให้ขาดครึ่งได้ แสดงให้เห็นซึ่งความรุนแรงและไร้สิ่งต่อต้าน
ส่วนหลินเยว่เองก็เหมือนกัน วิชาแส้ของเขานั้นแฝงเอาไว้ซึ่งความแหลมคมที่น่ากลัว และแส้ของเขาก็ยังมีพลังวิญญาณแฝงอยู่ด้วย ซึ่งทำให้มีพลังทำลายที่ทรงพลังอย่างมากและยากที่ใครจะต้านทานได้
หลินเยว่และเจี้ยนอ้าวนั้นเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถอย่างมากเมื่อเทียบศิษย์เอกจากสำนักอื่นๆ อย่างไรเสียเจี้ยนอ้าวก็เป็นถึงศิษย์อัจฉริยะของสำนักซูซานและยังเป็นศิษย์เอกของผู้อาวุโสเจี้ยนเจ้าสำนักซูซานอีกต่างหาก ส่วนหลินเยว่นั้น มาจากสำนักคุนหลุนจึงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก
ในเวลานี้หลินเยว่นั้นได้เข้าปะทะกับเจี้ยนอ้าวแล้ว แส้ในมือของหลินเยว่นั้นราวกับงูขนาดใหญ่ที่บ้าคลั่งราวกับว่ามันขยับเองได้ แส้นั้นได้สะบัดไปมาอย่างบ้าคลั่งราวกับกำลังท้าสู้เจี้ยนอ้าวจากระยะไกล อย่างไรเสียวิชาแส้นั้นก็เหมาะกับการต่อสู้ระยะไกลอยู่แล้ว
แต่ทว่าเจี้ยนอ้าวนั้นก็ทระนงตนสมกับชื่อของเขา และมองไปที่แส้ของหลินเยว่อย่างสงบนิ่ง บีบระยะเข้าใกล้หลินเยว่มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วระเบิดพลังปราณกระบี่ที่โอหังออกมาอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งไม่เพียงแต่มีพลังของปราณกระบี่ แต่ยังแฝงไปด้วยพลังที่หวังจะเอาชนะ ด้วยพลังที่ทรงพลังเช่นนี้ ซึ่งคิดได้แค่ว่าหากโดนเข้าไปคงได้ตายทันทีแน่
“ช่างเป็นการต่อสู้ทรงพลังอะไรเช่นนี้ สมแล้วที่เป็นศิษย์เอกของสำนักซูซานและสำนักคุนหลุน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทั้งสองคนนั้นถูกยกย่องให้เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด และต่างก็มีโอกาสสูงที่สุดที่จะชนะเลิศ ด้วยพลังโจมตีที่น่ากลัวเช่นนี่ ไม่ใช่อะไรที่คนอื่นจะเข้าไปยุ่งได้เลย การต่อสู้ของทั้งสองคนนี้ช่างน่าตื่นเต้นมากจริงๆ” เหล่าผู้ชมต่างก็คิดเช่นนี้ในใจของพวกเขา ทั้งสองคนนั้นต่อสู้กันอย่างดุดันมากขึ้นเรื่อยๆ จนในท้ายที่สุดการโจมตีสุดอลังการต่างๆก็ได้นำมาใช้ มีพายุที่รุนแรงพัดไปทั่วทั้งสนามประลอง ซึ่งมีทั้งฟ้าร้องฟ้าผ่า ในเวลานี้เหล่าผู้ชมราวกับกำลังเห็นภาพวันโลกาวินาศยังไงอย่างนั้น
ที่บนเวที มีคนมากมายที่ใช้พลังป้องกันตัวเอง เพื่อต้านลูกหลงของการต่อสู้ของทั้งสองคนนั้นที่อยู่บนเวทีอื่น
“ยอดมาก ช่างเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงจริงๆ” ผู้ชมอุทานออกมา สมแล้วที่เป็นการต่อสู้ของมือวางอันดับ 1 และ 2 ของการแข่งนี้ แข็งแกร่งเกินไปแล้วทำให้คนอื่นต่างก็คิดว่าอยู่กันคนละระดับกับพวกเขาเลย
“วิชากระบี่ของเจี้ยนอ้าวนั้นเหมือนจะทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ เกรงว่าคราวนี้เขาอาจจะชนะแน่ๆ” มีผู้คนมากมายที่เริ่มคาดเดาในใจ จนในที่สุดก็มีการระเบิดเกิดขึ้น แรงระเบิดที่น่ากลัวนี้ได้ทำลายมิติจนขาดออกเป็นเสี่ยงๆ ทั้งสองคนได้แยกออกจากกัน และเสื้อผ้าของทั้งสองคนต่างก็ขาดวิ่น ทำให้เริ่มรู้สึกอายขึ้นมา
“เจี้ยนอ้าวช่างทรงพลังจริงๆ ข้าพอจะยอมรับได้อยู่หากว่าข้าแพ้ด้วยมือของเจ้าเช่นนี้” หลินเยว่กล่าวพร้อมกับยิ้ม เธอนั้นไม่ได้หวังอะไรมากกับรางวัลชนะเลิศงานประลองยุทธครั้งนี้ เธอแค่มาเข้าร่วมก็เพื่อฝึกฝนตัวเธอเองเท่านั้น และสำนักคุนหลุนเองก็ได้ไม่สนใจเรื่องชื่อเสียงด้วย
“เจ้าเองก็แข็งแกร่งมากเช่นกันหลินเยว่ เจ้าเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่ข้าเคยเจอแล้ว” เจี้ยนอ้าวที่ปกติจะทระนงตนตลอดเวลา ก็ได้ผงกหัวของเขาซึ่งแสดงให้เห็นว่าเจี้ยนอ้าวนั้นได้ยอมรับในความแข็งแกร่งของหลินเยว่แล้ว
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เจี้ยนอ้าวนั้นได้พูดกับคู่ต่อสู้ของเขาตั้งแต่เริ่มงานประลองมา
”เอาเถอะข้าไม่อยากชนะเลิศหรอก ข้าก็แค่อยากที่จะเข้าไปดูสุสานกระบี่เท่านั้น เจ้าเอารางวัลชนะเลิศไปเลยละกัน” หลินเยว่ตอบกลับไป จากการสนทนาของทั้งสองคนนี้มีผู้ชมหลายๆคนที่คิดว่าเจี้ยนอ้าวคงได้รางวัลชนะเลิศแน่ๆ
จึงได้มีบางคนที่รีบกลับไปที่เมี่ยวเก้อโหลวเพื่อไปเพิ่มเงินพนันของพวกเขา เมื่อสักครู่มีบางคนที่คาดหวังจากการต่อสู้ของฉิงเทียนและฉิงหยู และหวังว่าพวกเขาจะไปถึงชนะเลิศได้
แต่เมื่อพวกเขาเห็นการต่อสู้ของเจี้ยนอ้าวและหลินเยว่แล้ว ไม่มีใครที่คิดว่าฉิงเทียนและฉิงหยูนั้นจะสามารถสู้กับพวกเขาได้แน่ มันเป็นไปไม่ได้เลย
ฉิงเทียนที่มองไปที่บนเวทีนั้น และทำสีหน้าแปลกๆเมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคนนั้น เจี้ยนอ้าวชนะเลิศงั้นเหรอ? เขายังไม่ได้สู้กับเจี้ยนอ้าวเลยใช่ไหม? แต่ทั้งสองคนนั้นกลับจัดอันดับกันเองแล้ว ราวกับว่าคนอื่นๆไม่มีใครที่สู้กับเจี้ยนอ้าวได้ แม้แต่เหยนหลิงที่อยู่ไม่ไกลก็ได้พูดอย่างหงุดหงิด “พวกเจ้าสองคนทำกับข้าเหมือนเป็นแค่อากาศเหรอ?”
แล้วทันใดนั้นเองที่สายตามากมายก็ได้จับจ้องไปที่เขา มีหลายคนที่นึกขึ้นได้ว่านอกจากฉิงเทียนและฉิงหยูแล้ว ยังมีม้ามืดอยู่อีกคน นั่นก็คือเหยนหลิงนั่นเอง
แต่จากบทสนทนาของหลินเยว่และเจี้ยนอ้าวเมื่อสักครู่แล้ว ทำให้พวกเขาลืมเหยนหลิงและเห็นเขาเป็นอากาศธาตุไปเสียสนิท หลินเยว่กับเจี้ยนอ้าวที่คุยกันอยู่ก็ได้คิ้วขมวดพร้อมกันแล้วมองไปที่เหยนหลิงอย่างโมโห
ถึงแม้ว่าเหยนหลิงนั้นจะเป็นม้ามืด แต่เจี้ยนอ้าวก็ไม่ได้เห็นเหยนหลิงอยู่ในสายตาของเขาเลย เพราะเขาคือเจี้ยนอ้าว ผู้ที่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในโลกผู้บำเพ็ญเพียร
“เจ้าคิดที่จะสู้กับข้าจริงๆเหรอ? ถ้ากระบี่ของข้ามันชักออกจากฝักเมื่อไร มันจะต้องได้เห็นเลือดนะ?” เจี้ยนอ้าวมองไปที่เหยนหลิงอย่างเย็นชา แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนฝีมือดีและเป็นม้ามืดก็ตามที แต่เป้าหมายของเขาคืออันดับหนึ่ง ไม่มีใครนอกจากหลินเยว่แล้วที่อยู่ในสายตาของเขา คนอื่นๆเป็นเพียงแค่ฉากหลังสำหรับเขาเท่านั้น ในสายตาของเขามีเพียงชนะเลิศเท่านั้น ไม่ว่าจะ 3 คนสุดท้ายหรือ 10 คนสุดท้ายก็ไม่ต่างกันในสายตาของเขา เขาเจี้ยนอ้าวจะไม่ยอมให้คนอื่นเอาอันดับหนึ่งในเทียนเฉิงไปจากเขา
“เจ้าจะรู้ได้อย่างไร ถ้าพวกเจ้ายังไม่ลอง” เหยนหลิงพูดออกมาอย่างหงุดหงิดในขณะที่มองไปที่เจี้ยนอ้าว
เจี้ยนอ้าวนิ่งเฉยแล้วจากนั้นก็ยิ้ม “ช่างเป็นคนที่อวดดีเสียจริง”
“หากเทียบกันเรื่องของความอวดดีแล้ว ข้าให้เจ้าชนะเลิศไปเลย ข้าสู้เจ้าไม่ได้หรอก” เหยนหลิงกล่าวด้วยทีท่าสงบ
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย