บทที่ 414 มิติ
“รางวัลชนะเลิศก็คือยาจินตันอว้าย หุ่นตัวแทนและชิ้นส่วนปริศนา” ผู้อาวุโสเจี้ยนกล่าวอย่างใจดี
ผู้คนที่อยู่ที่อัฒจันทร์ต่างก็พากันอ้าปากค้าง และมองไปที่ถุงเก็บของที่เจ้าสำนักเจี้ยนโยนให้กับฉิงเทียน
ยาจินตันอว้ายเป็นยาที่สามารถเพิ่มพูนพลังวัตรอย่างทันที เช่นว่าถ้าอยู่ในระดับเฟิงเฉินขั้นปลาย แล้วทานยาจินตันอว้ายเข้าไปก็จะเพิ่มพูนพลังวัตรให้กลายเป็นระดับเหอถี่ทันทีโดยปราศจากผลข้างเคียง! มันเป็นของที่สุดยอดมาก!
ยาชนิดนี้เป็นที่ต้องการอย่างมากไม่เพียงแค่ในโลกผู้บำเพ็ญเพียร แต่ยังรวมถึงในโลกเซียนอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นเพราะยาตัวนี้เป็นยาที่ฝืนสวรรค์อย่างมาก การปรุงยาชนิดนี้จึงยากมาก! แม้แต่นักปรุงยาอย่างไป๋กงหยางก็ยังไม่สามารถปรุงยานี้ได้สำเร็จ
ลองคิดดูว่าถ้าอยากทุกคนได้ทานยาตัวนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องฝึกมากพลังวัตรก็เพิ่มพูนแบบก้าวกระโดดแล้ว ยาตัวนี้จึงเป็นของที่โกงมา แต่อย่างไรก็ดียาตัวนี้ก็ยังมีข้อเสียอยู่อย่างนั่นคือสามารถทานยาได้เพียงแค่เม็ดเดียวตลอดชีวิต เมื่อทานยานี้ไปอีกเม็ดก็จะไม่ส่งผลอะไรแล้ว
ส่วนหุ่นตัวแทนนั้น เป็นของวิเศษที่ยิ่งกว่ายาจินตันอว้ายเสียอีก ด้วยของสิ่งนี้จะเปรียบเสมือนกับมีชีวิตที่สอง หากว่าผู้บำเพ็ญเพียรคนใดได้หยดเลือดลงไปที่หุ่นตัวแทนนี้ เมื่อคนคนนั้นได้รับบาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต อาการบาดเจ็บนั้นจะถูกส่งมาที่หุ่นตัวแทน แล้วคนคนนั้นจะไม่เป็นอะไรเลย
สุดท้ายชิ้นส่วนปริศนา ฉิงเทียนมีความรู้สึกคุ้นตาขึ้นมาทันทีที่เห็นมัน ชิ้นส่วนปริศนานี้มันเหมือนแผ่นเหล็กที่หลอมรวมเข้ากับตราประทับของเขาไปแล้ว แต่ต่างกันที่ขนาดของชิ้นส่วนนี้ต่างกับที่เขาเคยมีหลายเท่า
ผู้อาวุโสเจี้ยนได้มองไปที่ถึงเก็บของในมือของฉิงเทียนอย่างเจ็บปวด ของเหล่านั้นมีของวิเศษเพียงชิ้นเดียวที่สำนักซูซานมี เขาตั้งใจจะเอาไว้ให้ศิษย์เอกของเขา แต่ตอนนี้กลับตกในมือของคนนอกเสียได้
ผู้อาวุโสเจี้ยนได้สะบัดมือของเขาอย่างเย็นชาแล้วกล่าว “สามวันหลังจากนี้มารวมตัวกันที่สำนักซูซาน พวกเราจะพาเข้าสุสานกระบี่กัน!” หลังจากที่กล่าวจบผู้อาวุโสเจี้ยนก็ได้หายไปทันที มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้อาวุโสเจี้ยนจะอยู่ที่นี่ต่อได้ เขาอาจจะอดใจไม่ไหวชิงเอาถุงเก็บของนั้นกลับมาจากมือของฉิงเทียนก็เป็นได้
เหล่าศิษย์ของสำนักซูซานที่เห็นว่าเจ้าสำนักของพวกเขาได้หายตัวไปเช่นนั้น ก็ได้พากันแยกย้ายไปเช่นกัน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะทนอยู่กับความอับอายนี้ได้
เจ้าสำนักทั้งหกเองก็ได้พากันแยกย้ายเช่นกัน พวกเขานั้นคิดที่จะกลับสำนักหลังจากที่จบงานประลองนี้อยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ดีหลังจากที่พวกเขากลับไปก็ได้สั่งให้ศิษย์ของพวกเขาตามสืบเรื่องของฉิงเทียน
ซึ่งความลำบากนี้ก็ได้ตกกับฉิงเทียนและฉิงหยู หลังจากที่เจ้าสำนักทั้ง 6 ได้กลับไปแล้ว ผู้คนจำนวนมากก็ได้พากันมาหาฉิงเทียนเพื่อแสดงความรู้สึก พวกเขาได้พากันแนะนำตัว และนามบัตรจำนวนมากก็ได้ปรากฏอยู่ในมือของฉิงเทียนไม่หยุดหย่อน
ท้ายที่สุดฉิงเทียนกับฉิงหยูก็ได้เดินทางมาที่เมี่ยวเก๋อโหรวเพื่อมารับเงินค่าพนันหลายแสนหินหยกกลาง
ถึงแม้ฉิงเทียนจะไม่ได้ขาดแคลนเรื่องเงิน แต่ฉิงเทียนก็ได้คิดเอาไว้ว่าในเมื่อเขาได้ตั้งสำนักกระบี่สวรรค์ขึ้นมาแล้ว เขาก็คิดที่จะพาสำนักของเขามาอยู่ในโลกผู้บำเพ็ญเพียร และใช้เงินเหล่านี้ในการพาเข้ามาในโลกผู้บำเพ็ญเพียร ดังนั้นเงินหลายแสนหินหยกกลางนี้จะเป็นเงินทุนในการก่อตั้งสำนักของเขา
ฉิงเทียนได้ทำการวางอาคมไว้ในโรงเตี๊ยม และหยิบเอาชิ้นส่วนนั้นออกมาจากถุงเก็บของ
ทันทีที่เขาหยิบเอาชิ้นส่วนออกมา มันก็ได้กลายเป็นลำแสงแล้วยิงไปที่หน้าผากของฉิงเทียนแล้วเข้าไปในทะเลความรู้ของฉิงเทียน ซึ่งมีตราประทับและเพ่าฝูอยู่ในนั้น ถึงแม้ว่าตราประทับของเขานั้นจะเคยรวมกับชิ้นส่วนมาแล้วก็ตาม แต่ครั้งที่สองนี้เขาก็ยังรู้สึกกลัวหน่อยๆ อย่างไรเสียเพ่าฝูและตราประทับนั้นก็เป็นของเขา หลังจากที่ชิ้นส่วนได้เข้าไปในทะเลความรู้แล้ว เขาก็กลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เขาจึงได้รีบกลายเป็นจิตศักดิ์สิทธิ์แล้วเข้าไปในทะเลความรู้
“บ้าจริง นี่มันเกิดอะไรขึ้น แล้วเราอยู่ที่ไหน?” ฉิงเทียนรู้สึกตกใจ แม้แต่ในหัวของเขาก็รู้สึกว่างเปล่าไปชั่วขณะ ฉิงเทียนนั้นอยู่ในระดับเฟิงเฉินแล้วและยังเคยไปสวรรค์มาแล้วอีก แม้แต่องค์เง็กเซียนก็ยังเคยพบมาแล้ว แต่พอได้พบสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าแล้วเขาก็ยังรู้สึกตกใจ
แน่นอนว่าเขาคือเคยที่เห็นโลกมามากแล้ว หลังจากนั้นสักพักเขาก็สงบใจลงได้และเริ่มเผชิญหน้ากับความจริง แล้วมองดูรอบๆอย่างตั้งใจ “ไม่ได้การ นี่เราเข้ามาในมิติแปลกๆงั้นเหรอ? เพ่าฝู เพ่าฝู!” ฉิงเทียนตะโกนเรียก
ในเวลานี้ฉิงเทียนกำลังยืนอยู่ในมิติที่กว้างมาก ซึ่งในมิตินี้ดูแปลกตามาก มีแสงแต่ไม่สว่างมากแต่ก็พอที่จะทำให้เขามองสิ่งต่างๆรอบตัวได้อย่างชัดเจน มันเหมือนกับเขากำลังดูหนังขาวดำอยู่ยังไงอย่างงั้น
พื้นที่ในมิตินี้มีขนาดพอๆกับสนามฟุตบอลแต่ว่างเปล่ามาก มีพื้นมืดๆอยู่ใต้เท้าของเขา มีความสูงประมาณ 200 เมตรเหนือหัวของเขาและเป็นม่านแสงสีสดใส และทั้งสี่ด้านนั้น มีสามด้านที่เป็นม่านแสง แต่มีด้านหนึ่งเต็มไปด้วยหมอก แม้จะเป็นร่างจิต แต่ก็รู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณในมิตินี้ที่หนาแน่นมาก น่าจะมากกว่าพลังวิญญาณบนสวรรค์สัก 3 เท่าได้ ฉิงเทียนจึงได้นั่งลงแล้วคว้าเอาพื้นสีดำที่อยู่ใต้เท้าของเขาขึ้นมา ดินนี้ทั้งนุ่มและละเอียด และเศษดินดูมีขนาดเท่ากันหมด แล้วยังรู้สึกเหมือนกับมีน้ำมันติดมือของเขาด้วย
ในเวลานี้เองที่มีหัวหนึ่งโผล่ออกมาพร้อมกับเปียทั้งสองข้าง แล้วเพ่าฝูสุดน่ารักก็ได้โผล่ออกมาตรงหน้าของฉิงเทียน
“คุณคือเพ่าฝู?” ฉิงเทียนถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ! อย่างไรเสียเพ่าฝูนั้นก็เหมือนกับผีที่สิงอยู่ทะเลความรู้ของฉิงเทียนอยู่แล้ว และในเวลานี้กลับเป็นเด็กผู้หญิงจริงๆที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา ฉิงเทียนที่ไม่อยากจะเชื่อก็ได้ลองยื่นมือของเขาไปแล้วหยิกแก้มของเพ่าฝู มันช่างเนียนนุ่มเหมือนแก้มคนจริงๆ และยังสัมผัสเหมือนกับผิวคนจริงๆด้วย
“นายท่านใจร้าย อย่ามาหยิกแก้มคนอื่นเค้าแบบนี้สิ เค้าไม่ชอบนายท่านแล้ว” เพ่าฝูทำจมูกย่นดูน่ารักมาก แล้วดึงเอามือของฉิงเทียนออกและมองไปที่ฉิงเทียนอย่างไม่พอใจ
“นี่บอกผมที่สิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่เพ่าฝู?” ฉิงเทียนถามด้วยรอยยิ้ม



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย