บทที่ 418 ห้องแปลกๆ
“หยิงเทียนนี่ช่างเก่งกาจจริงๆ สมแล้วที่เป็นผู้ชนะเลิศงานประลองยุทธ์” ผู้บำเพ็ญเพียรอ้วนกล่าวพร้อมกับยิ้ม “เขาสามารถควบคุมทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกันได้ และไฟที่อยู่รอบตัวเขานั้นก็หาใช่ไฟธรรมดาๆไม่”
“แต่มันจะเป็นโชคร้ายสำหรับเขาแล้วที่กวาดเอาของวิเศษไปมากขนาดนั้น” เซวียนหยวนหูพูดอย่างไม่พอใจ ในความคิดของเขานั้นสิ่งของที่อยู่ในสุสานกระบี่ทั้งหมดเป็นของสำนักซูซาน และในเวลานี้ฉิงเทียนก็มาแย่งเอาไป จึงรู้สึกราวกับมีโจรที่ไหนก็ไม่รู้มาปล้นเอาข้าวของของเขาไป โดยไม่สามารถเอาคืนกลับมาได้ ช่างรู้สึกราวกับกินขี้แมลงวันเข้าไป
“ฮ่าๆ อย่าได้กังวลไปเลย สิ่งของของสำนักซูซานเรานั้นมันไม่ง่ายที่จะเอาออกไปนักหรอก” ผู้บำเพ็ญเพียรอ้วนกล่าวพร้อมกับหัวเราะ
จากนั้นเขาก็กระซิบกระซาบกับหยูชูซิน “หลานหยู ถ้าเจ้ารู้สึกได้ถึงตำแหน่งของกระบี่ม่วงเมื่อไรให้รีบแจ้งทันทีเลยนะ”
“ได้ค่ะ! ท่านอาจารย์อา” หยูชูซินผงกอย่างหนักแน่น
อีกทางด้านหนึ่ง ฉิงอวี้เอ๋อก็ได้มองดูฉิงเทียน แล้วความรู้สึกของเธอก็ได้เอ่อล้นออกมาจากหัวใจของเธอ แล้วเธอก็คิ้วขมวดขึ้นมาเมื่อเธอคิดถึงจุดประสงค์ของเธอ
“น้องหยิง ช้าลงหน่อย!” โช่วเหนียนที่วิ่งเร็วปานฟ้าผ่านั้น ในตอนแรกเขาก็ยังพอยิ้มกริ่มได้อยู่ แต่พอเข้าเห็นฉิงเทียนที่อยู่ห่างออกไปใช้กระบี่สองเล่มทำการเก็บของวิเศษจากสองที่ไปพร้อมๆกันแล้วจะได้ตะโกนร้องเรียกเขา และในขณะเดียวกันมือโช่วเหนียนก็ได้เร่งความเร็วมากขึ้นด้วย
“พี่โช่ว คงต้องพยายามเพิ่มขึ้นหน่อยนะ” ฉิงเทียนหัวเราะโดยที่ความเร็วมือของเขานั้นไม่ได้ช้าลงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับรวดเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากนั้นสักพักของวิเศษที่อยู่ในเขตอาคมทรายเหลืองที่อยู่รอบนอกสุสานกระบี่นั้นก็ได้ถูกวาดจนเกลี้ยงในไม่กี่นาทีต่อมาด้วยความเร็วของฉิงเทียนและคนอื่นๆ
ฉิงเทียนเปิดกระเป๋าเก็บของในมือออก แล้วของวิเศษที่กวาดมาด้วยกระบี่บินได้ทั้งสองเล่มนั้นใส่เข้าไปในถุงเก็บของ แต่จริงๆแล้วนี่คือภาพลวงตาที่ฉิงเทียนทำขึ้นมาหลอก จริงแล้วของวิเศษที่เขาเก็บมานั้นได้ถูกใส่เอาไว้ในโลกสวรรค์โลกาโดยผ่านถุงเก็บของอีกที
“พี่ครับ ผมเองก็เก็บของวิเศษมาเยอะมากอยู่ เดี๋ยวผมจะให้พี่ทีหลังนะครับ” ฉิงหยูพูดพร้อมกับยิ้ม ด้วยการช่วยเหลือจากไป๋กงหยางฉิง ความเร็วในการเก็บของวิเศษของฉิงหยูนั้นเรียกได้ว่าไม่ได้ช้าไปกว่าคนอื่นๆนอกจากฉิงเทียนเลย
“ดีมาก ของวิเศษพวกนี้จะทำให้สำนักกระบี่สวรรค์ของพวกเราแข็งแกร่งขึ้น!” ฉิงเทียนกล่าวอย่างอารมณ์ดี อย่างไรเสียมันก็ไม่ได้มีโอกาสที่จะได้เก็บของวิเศษมากมายเช่นนี้บ่อยๆนัก
ไม่ใช่แค่ฉิงเทียนกับฉิงหยูที่ยินดี คนอื่นๆต่างก็ยินดีด้วย แม้แต่โช่วเหนียน
ถึงแม้ของวิเศษเหล่านี้จะไม่ค่อยมีประโยชน์ แต่ก็ยังสามารถเอาไปขายได้อยู่ดี ของวิเศษพวกนี้ล้วนคือหินหยกทั้งนั้น
การบำเพ็ญเพียรนั้นไม่ได้อาศัยแค่ความสามารถอย่างเดียว แต่เงินเองก็สำคัญเช่นกัน
“ฮึ่ม ในคราวนี้พวกเขาทำเงินกันได้มากมายเลย สมบัติของสำนักซูซานโดยพวกเขาเอาไปแล้ว”
“ของวิเศษตั้งมากมาย”
เซวียนหยวนหูพูดด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดี แม้แต่ผู้บำเพ็ญเพียรอ้วนเองก็ยังตัวสั่น ความเร็วในการเก็บของวิเศษของคนพวกนี้เร็วมาก! ซึ่งเหนือความคาดหมายของเขามาก ถ้าไม่ใช่เพราะคิดที่จะใช้คนพวกนี้ทีหลังแล้วล่ะก็ ผู้บำเพ็ญเพียรอ้วนคนนี้คงออกไปไล่พวกเขาแล้ว
เหล่ากลุ่มคนต่างก็พากันเก็บของวิเศษเสียจนไม่มีของวิเศษเหลืออยู่ในอาคมทรายเหลืองอีกเลย
แล้วผู้บำเพ็ญเพียรอ้วนก็ได้พูดขึ้นมา “ตอนนี้พวกเจ้าต่างก็ได้ของวิเศษจากในอาคมทรายเหลืองแล้ว แต่ทว่าผู้บำเพ็ญเพียรที่ตายอยู่ภายใต้อาคมทรายเหลืองนี้ก็ไม่ได้เก่งมากนัก จึงมีของวิเศษที่ตกอยู่ในอาคมทรายเหลืองนี้มากขึ้นเรื่อยๆ”
สายตามทุกคนก็เปล่งประกายขึ้นมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ใช่แล้ว ผู้ที่ตายอยู่ด้านนอกนี้ส่วนใหญ่คือคนที่ไม่ได้เก่งกาจอะไร ดังนั้นของวิเศษที่ตกอยู่จึงไม่ค่อยดีมากนัก และผู้คนที่ตายด้านในจะต้องมีของวิเศษที่ดีกว่าแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีของคนจากสำนักซูซานที่เข้ามาตายด้านในอีก ของวิเศษของพวกเขานั้นจึงช่างยั่วยวนมากขึ้นเรื่อยๆ
“พวกเราเข้าไปด้านในกันเถอะ” ผู้บำเพ็ญเพียรอ้วนยิ้ม เขานั้นสงบนิ่งมากราวกับไม่ได้สนใจของวิเศษเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย แต่จริงๆแล้วในใจของเขานั้นกำลังเจ็บปวดมาก! แต่เมื่อเขาลองคิดดูแล้วของวิเศษเหล่านี้นั้นเทียบไม่ได้กับจุดประสงค์ของเขาเลย
ทุกคนจึงได้พากันเข้าไปข้างใน
“พี่ครับ เอาของวิเศษพวกนี้เก็บไปก่อนครับ!” ฉิงหยูส่งถุงเก็บของให้แล้วฉิงเทียนก็ได้เอามาเก็บไว้ในโลกของเขา
“ไป๋กงหยาง เสี่ยวหยู จิตศักดิ์สิทธิ์ของพวกคุณส่งออกไปได้กี่เมตรในสุสานกระบี่นี้?” ฉิงเทียนถาม เพราะฉิงเทียนพบว่าจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาถูกกดดันโดยสุสานกระบี่ และสามารถปล่อยออกไปได้แค่ 10 เมตรรอบตัวเขาเท่านั้น
“พี่ครับ ผมสามารถมองเห็นได้แค่ 2 เมตรเท่านั้นเองครับ”
“ข้าสามารถมองเห็นได้รอบตัว 500 เมตร! สุสานกระบี่นี่ช่างน่าสงสัยเสียจริงๆ มันสามารถกดดันได้แม้กระทั่งจิตศักดิ์สิทธิ์ของข้า” ไป๋กงหยางกล่าวอย่างประหลาดใจ ถึงแม้ว่าเขาจะบาดเจ็บอยู่และจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาจะตกลงไปในระดับหนึ่ง แต่ในสุสานกระบี่แห่งนี้เขากลับมองเห็นรอบตัวได้แค่ในระยะสั้นๆเท่านั้น มันจะต้องมีอะไรที่ทรงพลังอยู่ในสุสานกระบี่แห่งนี้ที่กดดันจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาอยู่เป็นแน่
“คุณพยายามจับตาดูหยูชูซินเอาไว้ตลอดเวลา ทันทีที่พบว่าเธออยู่คนเดียวเมื่อไรพวกเราจะเริ่มลงมือทันที สุสานกระบี่ของสำนักซูซานนี่มันช่างน่าแปลกมาก!”
ในตอนนั้นเอง พวกเขาก็พบประตูขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้าพวกเขา
“ปัง” ผู้บำเพ็ญเพียรอ้วนมองดูที่มันสักพักก่อนจะผลักประตูเปิดเข้าไป
ประตูของตำหนักนี้ก็ได้เปิดออกเสียงดัง
ทุกคนที่เดินผ่านเข้าประตูตำหนักมาจึงได้รู้สึกตัว ว่าที่พวกเขาผ่านมาในตอนแรกนั้นมันคือลานบ้านขนาดมหึมา ซึ่งลานบ้านนี้อาจจะมีขนาดรัศมีเป็น 200 จั้ง(666 เมตร)โดยรอบ
ทางด้านซ้ายของลานหน้าบ้านนั้นจะมีซุ้มอยู่หลังหนึ่ง และมีแผ่นป้ายติดเอาไว้ที่ซุ้มด้วยว่า“ซุ้มแห่งชีวิต” ในขณะที่ซุ้มทางด้านขวานั้นเขียนเอาไว้ว่าซุ้มแห่งความตาย
“ซุ้มแห่งชีวิต, ซุ้มแห่งความตาย มันหมายความว่าอย่างไร?” เหลียนเจวี่ยถามไปที่คนของสำนักซูซาน
อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นเขตของสำนักซูซาน ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรขึ้นมา แน่นอนว่าคนแรกที่ควรจะมองหาก็ควรจะเป็นคนของสำนักซูซาน
แล้วชายอ้วนก็ตอบ “พวกเราเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน บางทีมันอาจจะเป็นสวนของผู้อาวุโสในสำนักซูซานก็ได้”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย