บทที่ 428 การจบเรื่องแบบไม่คาดคิด
“ใครส่งเจ้ามา?” นักพรตคิ้วยาวถามอย่างขึงขัง ราวกับว่าฉิงเทียนได้ทำอะไรไม่ดีเอาไว้แล้วถูกเพ่งเล็งทันที
“หึหึ คิดจะทำอำนาจบาตรใหญ่เหรอนักพรตคิ้วยาว” ฉิงเทียนยืนนิ่งๆและตอบโดยปราศจากความกลัว เขามีอะไรต้องกลัว? ทั้งเขาและนักพรตคิ้วยาวต่างก็เป็นเจ้าหน้าที่ระดับ 8 ทั้งคู่ เป็นเซียนระดับไท่อี่แล้วยังไง? เขาเองก็รู้จักคนใหญ่คนโตเยอะแยะ นอกจากนี้ถ้าเกิดเขาลงมือขึ้นมาจริงๆเขาก็แค่หนีเขาโลกใบเล็กเท่านั้น อย่างไรเสียฉิงเทียนก็ไม่คิดที่จะสู้กับเขาอยู่แล้ว
นักพรตคิ้วยาวก็ตกใจขึ้นมาทันทีที่เห็นมนุษย์ตัวจ้อยมาเรียกชื่อเขาอย่างเป็นกันเองเช่นนี้
“ฉิงเทียน เจ้ากล้ามาเรียกผู้ก่อตั้งสำนักซูซานของเราเหมือนเป็นเพื่อนแบบนี้อยากตายรึยังไง?” เซวียนหยวนหูคำรามพร้อมกับยกกระบี่ขึ้นมา
แต่จริงๆแล้วเซวียนหยวนหูมีแผนการในใจ: เราทำตัวประจบประแจงท่านผู้ก่อตั้งสำนักสักหน่อย เพื่อที่ท่านเจ้าสำนักจะได้เอ็นดูเรา เผลอๆอาจจะได้ของวิเศษหรือยาจากโลกเซียนก็ได้ เมื่อถึงตอนนั้นเจี้ยนอ้าวกับหลินเยว่ก็จะพ่ายแพ้ต่อเรา แล้วจากนั้นเราก็จะได้ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในโลกผู้บำเพ็ญเพียร
แต่เซวียนหยวนหูก็ได้แอบเหลือบตาไปมองท่านผู้ก่อตั้งสำนัก แล้วพบว่าสีหน้าของเขามันไม่ถูกต้อง นักพรตคิ้วยาวในเวลานี้มีสีหน้าตกใจ
หรือว่าที่เราพูดไปเมื่อสักครู่จะทำให้ท่านผู้ก่อตั้งสำนักดีใจมากกันนะ เขาจะต้องคิดว่าเราเป็นคนมีความสามารถและคิดอยากที่จะสอนเราก็ได้ ดีล่ะในเมื่อเป็นแบบนี้เราก็จะต้องทำตัวกระตือรือร้นสักหน่อยเพื่อที่ท่านผู้ก่อตั้งสำนักได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเรา, ว่าแล้วเซวียนหยวนหูก็ได้ยกกระบี่ขึ้นมาเตรียมสู้
แต่ในขณะที่เขากำลังยกกระบี่ขึ้นมานั้นเอง “ไปซะ!”
นักพรตคิ้วยาวก็ได้ยิงพลังออกไป แต่ไม่ได้ยิงใส่ฉิงเทียนแต่กลับเป็นเซวียนหยวนหู
แล้วนักพรตคิ้วยาวก็ได้ยิงคลื่นพลังแสงออกไป แล้วร่างก็เซวียนหยวนหูก็ได้กระเด็นออกไปไกลหลายสิบลี้ราวกับสายลม แล้วจากนั้นก็ลงไปกระแทกกับพื้นอย่างแรงแล้วหมดสติ!
“หะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?” มีตัว “?” ตัวใหญ่ๆปรากฏอยู่ในใจของฉิงเทียน ทำไมเขาถึงได้ไม่โจมตีเขาแต่กลับโจมตีใส่ลูกศิษย์ของตัวเองแทน? นี่เป็นการโจมตีรูปแบบใหม่หรืออย่างไรกัน?
ถึงนักพรตคิ้วยาวจะไม่ได้โจมตีใส่เขา แต่มันก็ทำให้เขาคลายความระแวดระวังไม่ได้เลย
ไม่เพียงแค่ฉิงเทียนที่ตกใจแต่ทุกๆคนต่างก็ตกใจ โดยเฉพาะเหล่าศิษย์สำนักใหญ่อื่นๆ พวกเขาแอบคิดในใจว่า: หรือว่าผู้ก่อตั้งสำนักซูซานนั้นจะสติแตกไปแล้ว? หรือว่านี่เป็นวิธีการโจมตีแบบพิเศษกัน?
แล้วทุกคนต่างก็พากันจ้องมองไปที่ฉิงเทียน แล้วรอดูอาการของฉิงเทียน แต่หลังจากที่ผ่านไปหลายนาทีพวกเขาก็พบว่าฉิงเทียนไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย!
แล้วผู้อาวุโสเจี้ยนที่ทนไม่ไหวก็ได้เดินขึ้นมาแล้วถามอย่างเกรงๆ “ท่านผู้ก่อตั้งสำนัก ท่านรู้ใช่ไหมว่าคนเหล่านี้เป็นใคร? ถ้าท่านไม่รู้เดี๋ยวข้าจะแนะนำให้ท่านอีกรอบก็ได้”
“ข้าไม่ต้องการการแนะนำตัวจากเจ้า ข้ารู้อยู่แล้ว!” นักพรตคิ้วยาวโบกมือแล้วมองไปที่ฉิงเทียนอีกครั้งอย่างตั้งใจ เมื่อเขาได้ยินชื่อของฉิงเทียนแล้วยังร่องรอยของพลังสายฟ้าเซียนอีก นักพรตคิ้วยาวเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าฉิงเทียนคนนี้คือใครกันแน่
แล้วนักพรตคิ้วยาวก็ได้มองไปที่ฉิงเทียนด้วยสายตาที่อ่อนโยนลง ซึ่งดูแล้วน่ากลัวน่าขนลุก
“นักพรตคิ้วยาว ถ้าท่านอยากที่จะสู้ก็สู้เลย ทำไมต้องมาจ้องหน้ากันแบบนั้นด้วย?” ฉิงเทียนรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร เขาไม่รู้ว่าสายตาแบบนั้นหมายถึงอะไรกันแน่ ทำไมนักพรตคิ้วยาวที่เป็นผู้ก่อตั้งสำนักจริงๆเหรอ?
“ฉิงเทียน เจ้าจะอวดดีมากไปแล้วนะ!” ผู้อาวุโสเจี้ยนพูดอย่างชิงชัง
“เจ้าต่างหากที่อวดดี ทำไมเจ้าถึงได้พูดกับปรมาจารย์อาของเจ้าเช่นนั้น?” นักพรตคิ้วยาวก็ได้เปลี่ยนมาสั่งสอนลูกศิษย์ของเขาทันใด
อะไรนะปรมาจารย์อา นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย? ฉิงเทียนกลายมาเป็นปรมาจารย์อาของเขาตั้งแต่เมื่อไร? ผู้อาวุโสเจี้ยนรู้สึกราวกับว่าโลกของเขากำลังจะพังทลาย เขาจ้องไปที่นักพรตคิ้วยาวที่อยู่บนฟ้าอย่างไม่เชื่อ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะพูดออกไป
“นี่ นักพรตคิ้วยาวผมก็ไม่อยากที่จะยุ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกคุณหรอกนะ แต่พวกเราไปเกี่ยวดองกันได้ยังไง?” ฉิงเทียนพูดอย่างไม่พอใจ นี่เขาเป็นผู้ก่อตั้งสำนักจริงๆสิ?
“จะไม่เกี่ยวดองกันได้ยังไง? ทั้งเจ้าและข้าต่างก็เป็นเจ้าหน้าที่บนสวรรค์ แล้วยังเป็นเจ้าหน้าที่ระดับแปดเหมือนกัน ดังนั้นพวกเราคือเพื่อนร่วมงานกัน” นักพรตคิ้วยาวกล่าว เขาไม่นึกเลยว่าจะโชคดีอะไรอย่างนี้ เขานั้นกำลังคิดที่จะหาฉิงเทียนอยู่ แต่กลับใช้ร่างจำแลงมาเจอฉิงเทียนเช่นนี้ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเหลือเกินจริงๆ!
ส่วนเรื่องของสำนักจะโดนถล่มอย่างที่ผู้อาวุโสเจี้ยนกล่าวนั้นก็ปล่อยให้มันโดนถล่มไป ในความคิดของเขานั้นตราบเท่าที่มรดกตกทอดบนโลกมนุษย์ยังคงไม่ถูกทำลาย! ต่อให้สำนักของเขาจะถูกฉิงเทียนทำลายไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แล้วประการหนึ่งคือสิ่งที่เขาต้องการที่สุดตอนนี้ก็คือเป็ดปักกิ่ง และอีกประการหนึ่งคือนักพรตคิ้วขาวนั้นรู้ดีถึงความสัมพันธ์อันดีของฉิงเทียนกับซุนหงอคง, เอ้อหลางเสินหรือแม้แต่องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ ดังนั้นชายคนนี้จะยิ่งใหญ่ในโลกเซียนได้ในไม่ช้าก็เร็วแน่ ทำไมเขาจะต้องไปเป็นศัตรูกับคนอื่นด้วยเรื่องเล็กน้อยบนโลกด้วย ตราบเท่าที่มรดกตกทอดของเขายังไม่หายไปไหน!
“คุณรู้จักผมด้วยเหรอ?” ฉิงเทียนไม่นึกว่านักพรตคิ้วยาวนั้นจะรู้จักเขา แต่หากสิ่งนี้สามารถทำให้เขาหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้แล้ว ฉิงเทียนเองไม่ปฏิเสธที่จะใช้ปากของเขาเพื่อแก้ไขปัญหาแน่นอน
อย่างไรก็ตามมันแน่นอนอยู่แล้วว่าคนในสำนักซูซานย่อมที่จะไม่พอใจ เจี้ยนอ้าวจึงได้ฝืนลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบากแล้วกล่าว “ท่านผู้ก่อตั้งสำนัก ฉิงเทียนนั้นขโมยเอากระบี่เขียวของสำนักซูซานไปนะครับ แล้วทำไมพวกเราจะต้องเรียกเขาว่าปรมาจารย์อาด้วย? เขาเป็นแค่ผู้บำเพ็ญเพียรพเนจรเท่านั้นเขามีคุณสมบัติอะไรกัน? ข้าไม่ยอมรับ ข้าเจี้ยนอ้าวคนนี้ทำไมข้าถึงได้พ่ายแพ้ต่อเขาด้วย”
แล้วเจียนอ้าวก็ดูเหมือนปีศาจขึ้นมา และแสงที่ดุดันก็ได้ออกมาจากตาของเขาและจับจ้องมาที่ฉิงเทียน
“นั่นมันปีศาจสิงสถิต!” ไป๋กงหยางกล่าว
“อะไรคือปีศาจสิงสถิต?” ฉิงเทียนเพิ่งเคยได้ยินคำนี้เป็นครั้งแรก
ไป๋กงหยางจึงอธิบาย “ปีศาจสิงสถิตคือความล้มเหลวอย่างหนึ่งในการบำเพ็ญเพียร ถ้าเป็นบนโลกเบื้องล่างก็น่าจะเรียกว่าเป็นโรคประสาทอย่างหนึ่ง”
“คุณจะบอกว่าเจี้ยนอ้าวกลายเป็นโรคประสาทงั้นเหรอ?” ฉิงเทียนพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ อย่างไรเสียถึงเจี้ยนอ้าวนั้นจะเป็นคนที่อวดดีอย่างสูงสุดกู่ก็ตาม แต่จู่ๆเข้าจะกลายเป็นโรคประสาทได้อย่างไร?
“อืม ข้าคิดว่าเจี้ยนอ้าวนั้นเป็นคนโชคดีมากเกินไปทำอะไรก็ฉลุยไปเสียหมด ทำให้สมรรถภาพทางจิตใจของเขาอ่อนแอเกินไป แล้วไม่นานมานี้เจ้าก็ดันแย่งตำแหน่งชนะเลิศงานประลองของเขามาอีก แล้วเขายังโดนเจ้าเล่นงานในสุสานกระบี่อีก และท้ายที่สุดคือนักพรตคิ้วยาวก็ยังพูดกับเจ้าอย่างสนิทสนม ทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของเขานั้นได้พังทลายไปทำให้เขาสติแตกเช่นนี้”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย