โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”
ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”
สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”
โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”
สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”
โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”
สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ้เวร ทำไมแกไม่รีบบอกก่อนหน้านี้?”
โคลตอบ “ก็พ่อไม่ได้ถาม”
สเปนเซอร์ว่า “นี่มันเรื่องใหญ่มาก แกไม่เข้าใจความเสี่ยงเรื่องนี้เลยเหรอ? โคล ป้อมตระกูลยอร์กทั้ง 108 ป้อมแล้วก็ชีวิตความเป็นความตายของคนนับแสนนั้นอยู่ในมือของแกนะ เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง แกทำให้ป้อมตระกูลยอร์กต้องมาเสี่ยงอันตราย แก… นี่ฉันควรจะลงโทษแกยังไงดี?”
โคลรู้ว่าตัวเองผิด ดังนั้นเขาจึงยืนเงียบ ๆ ไม่ได้โวยวายท้วงติงอะไร
สเปนเซอร์คิดว่าโคลสำนึกเสียใจ เขาเลยทำใจด่าทอโคลต่อไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงโบกมือไล่อย่างหมดปัญญา “ช่างมันเถอะ ฉันจะจัดการเก็บกวาดให้แกเอง”
ดวงตาไร้ชีวิตชีวาของโคลเบิกกว้างทันที “พ่อ!”
เขารีบวิ่งไล่ตามสเปนเซอร์และดึงข้อมือของเขาไว้เพราะกลัวว่าสเปนเซอร์จะเดินจากไปก่อน “พ่อจะทำอะไรเธอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส!