พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศ
วันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48
เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”
โคลยังคงนิ่งเงียบ…
สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”
โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…
เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”
มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”
สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีน แล้วก็ความรักลึกซึ้งถึงกระดูกลืมไม่ลงของแก ไหนบอกมาซิ แกพบกับแองเจลีนได้ยังไง?
โคลอึ้งพูดไม่ออกกับท่าทางช่างซุบซิบของบิดา “ทำไมถึงไม่ถามผมล่ะว่าผมทำลายตระกูลอาเรสยังไง?”
สเปนเซอร์กลืนน้ำลาย “ฉันเชื่อมั่นในความสามารถของแกว่าทำภารกิจสำเร็จ”
แววตาโคลคลุมเครือ มันชัดเจนว่าทั้งพ่อและปู่ของเขาไม่ถามเรื่องนี้มากนักก็เลยทำให้เขายิ่งรู้สึกผิด
เขาไม่ได้แค่ทำลายตระกูลอาเรสและอสังหาริมทรัพย์ ทัวร์มาลีน เท่านั้น แต่เขายังทำลายเจย์ด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส!