โม่ฟู่โฉวส่ายหน้าพลางเอ่ย ความประทับใจที่เขามีต่อหานเจวี๋ยไม่เลวเลย รู้สึกมาโดยตลอดว่าพรสวรรค์ของหานเจวี๋ยยิ่งใหญ่ แม้ว่าโจวฝานจะเก่งกาจ แต่ส่วนมากอาศัยโอกาสวาสนาทั้งนั้น
โจวฝานแค่นเสียงกล่าว “สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตบากหน้ามาพึ่งสำนักหยกพิสุทธิ์ ไม่ใช่เพราะถูกสำนักไร้ลักษณ์บีบหรอกหรือ ต่อมาที่สำนักไร้ลักษณ์ไม่พุ่งเป้ามาที่สำนักหยกพิสุทธิ์อีก ข้าว่าเป็นเพราะเฒ่าประหลาดอู้เต้าประสบเคราะห์ร้าย พวกเขาแค่ไม่มีเวลามาหาเรื่องสำนักหยกพิสุทธิ์ ใช่ว่าสำนักหยกพิสุทธิ์จะแข็งแกร่งกว่าสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตเสียหน่อย”
โม่ฟู่โฉวรู้สึกว่าก็มีเหตุผล
ศิษย์ที่บินไปบินมาอยู่บนฟ้าไม่ได้แข็งแกร่งเท่าศิษย์สำนักใหญ่เลย
สายตาของสตรีชุดม่วงกลับมองไปที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียน คิ้วงดงามของนางขมวดมุ่น
“พลังวิญญาณบนเขาลูกนั้นเต็มเปี่ยมมาก เป็นไปได้อย่างไร…”
สตรีชุดม่วงตื่นตกใจ พลังวิญญาณเช่นนี้เทียบได้กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ลึกลับและตระกูลที่บำเพ็ญเพียรหมื่นปีบางส่วนแล้ว
ในขณะเดียวกัน
หานเจวี๋ยกำลังสั่งสอนไก่คุกรัตติกาลอยู่ใต้ต้นฝูซัง
ในช่วงแปดปีนี้ ไก่คุกรัตติกาลฝ่าด่านเคราะห์สำเร็จระดับสุญตาแล้ว มันไปฝ่าด่านเคราะห์ที่แดนหมื่นปีศาจเช่นกัน ตอนนั้นบรรดาผู้อาวุโสของสำนักหยกพิสุทธิ์ต่างก็ไปสังเกตการณ์ พวกเขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ไก่ของผู้อาวุโสสังหารเทพบรรลุระดับสุญตาแล้ว!
หลิ่วปู๋เมี่ยเจ้าสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตและเซียวเหยาก็ตกใจเช่นกัน
ภาพลักษณ์ของหานเจวี๋ยในใจพวกเขายิ่งถูกยกระดับขึ้น
“อาจารย์ มันคือสิ่งใดกันแน่ คุณสมบัติเช่นนี้ไม่เหมือนไก่เลยนี่!” สวินฉางอันอดถามไม่ได้
ไก่คุกรัตติกาลสะบัดปีกเร็วรี่อยู่ริมหน้าผา ก่อให้เกิดปราณกระบี่เป็นพักๆ
ไม่เลว!
ปราณกระบี่!
หานเจวี๋ยถ่ายทอดวิชาดรรชนีกระบี่เทพให้กับไก่คุกรัตติกาล และมันก็เรียนได้จริงๆ ขนไก่ส่งปราณกระบี่ออกมา พลังทำลายล้างก็น่าชมยิ่งนัก
หานเจวี๋ยยังไม่ทันได้ตอบ ไก่คุกรัตติกาลก็หันหน้ามาด่า “ท่านไก่เคยบอกเจ้านานแล้ว ท่านไก่คือหงส์เพลิง เจ้าคิดว่าท่านไก่เป็นไก่จริงๆ หรือ”
หลังจากกลืนกินจูโต้วไปแล้ว ไก่คุกรัตติกาลก็เปลี่ยนจากพี่ไก่เป็นท่านไก่
แน่นอนว่ามันตั้งขึ้นมาเอง
“เจ้าเองก็ไม่ธรรมดา ขยันให้มากเข้า จงเชื่อมั่นในสายตาของอาจารย์” หานเจวี๋ยลูบศีรษะของสวินฉางอัน กล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
แม้ว่าจะพูดเช่นนี้ แต่ในใจของหานเจวี๋ย สวินฉางอันเป็นแค่ตัวช่วยเท่านั้น
ขณะนั้นเอง
หานเจวี๋ยพลันเหลือบเห็นโม่ฟู่โฉว โจวฝาน และสตรีชุดม่วงกำลังบินมาทางเขาเพียรบำเพ็ญเซียน
โจวฝานเหลียวเห็นหานเจวี๋ยก็รีบหยุดลงทันที
ครั้นแม่นางชุดม่วงมองเห็นหานเจวี๋ย ดวงตาของนางพลันเป็นประกาย
‘ช่างเป็นบุรุษที่รูปงามนัก!
หรือจะเป็นคู่บำเพ็ญเพียรของศิษย์พี่หญิง?’
โจวฝานตื่นเต้นมาก เขาโบกมือพลางส่งเสียงโหวกเหวก “หานเจวี๋ย ไม่เจอกันนาน! เจ้าคงยังจำข้าได้อยู่กระมัง!”
ได้ยินเช่นนี้ หานเจวี๋ยก็ยิ้มตอบว่า “จำได้ หลายปีมานี้คงใช้ชีวิตลำบากกันสินะ”
เสียงของเขาลอยเข้าหูพวกโจวฝาน ทั้งสามคนได้ยินอย่างชัดเจนยิ่ง
โม่ฟู่โฉวได้ยินแล้วรู้สึกใจปวดร้าว
ไม่ใช่แค่ลำบากเท่านั้น พูดได้ว่าพวกเขาล้มลุกคลุกคลานอยู่ระหว่างความเป็นกับความตายเลย
“พวกเราใช้ชีวิตอย่างผ่าเผย กุมกระบี่เดินทางไปทั่วหล้า มีบุญคุณก็ตอบแทนมีแค้นก็ชำระ ทั้งยังได้รับโอกาสวาสนาไม่น้อย” โจวฝานกล่าวอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง
แพ้ไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้!
โจวฝานไม่ยอมให้หานเจวี๋ยรู้สึกว่าตนเองแย่เด็ดขาด
“เป็นอย่างไรบ้าง อยากออกไปท่องโลกกว้างกับพวกเราหรือไม่ การบำเพ็ญเพียรต้องเสี่ยงโชค ปิดด่านฝึกฝนตลอดใช่ว่าจะดี”
โจวฝานกล่าวเชิญชวนด้วยรอยยิ้ม ขณะเดียวกันก็บินไปทางเขาเพียรบำเพ็ญเซียน
หานเจวี๋ยแสดงวิชาอย่างเงียบๆ เพื่อปิดค่ายกลใหญ่ที่คุ้มกันภูเขาอยู่
คนทั้งสามร่อนลงบนขอบหน้าผาอย่างรวดเร็ว
สตรีชุดม่วงจ้องหานเจวี๋ยด้วยสายตาแวววาว ทำให้หานเจวี๋ยอึดอัดอย่างยิ่ง
สตรีผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย!
หานเจวี๋ยรีบตรวจสอบผู้แข็งแกร่งในสำนักหยกพิสุทธิ์ ไม่นานก็หยุดอยู่ที่รายชื่อหนึ่ง
[เซวียนซือซือ: ระดับรวมกายาขั้นเก้า ศิษย์น้องของจอมมาร]
‘หือ? ศิษย์น้องของจอมมาร?
น้องภรรยาหรือ’
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...