ตอน บทที่ 1007 แข็งแกร่งจนไม่น่าเชื่อ จาก ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1007 แข็งแกร่งจนไม่น่าเชื่อ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
บทที่ 1007 แข็งแกร่งจนไม่น่าเชื่อ
ไม่ใช่แค่อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเท่านั้น ยังมีผู้ทรงพลังที่ถูกทำลายล้างอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ทรงพลังเหล่านี้ล้วนมีวิธีรักษาชีวิตไว้ ไม่มีทางตายตกดับสูญไป
ไม่นานนัก อริยะเทพอวี๋เจี้ยนก็กลับมาอีกครั้ง มองขุนพลพินาศที่มากมายล้นหลาม รู้สึกหนักใจอย่างยิ่ง
ยอดมหามรรคทั้งหมดล้วนเงียบงัน ไม่กล้าบุกเข้าไปอีก
“ต้องไปเชิญอริยะสวรรค์เกรียงไกรมา!”
ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดที่เอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันกัน ทำให้เหล่าผู้ทรงพลังที่สิ้นหวังได้สติกลับมา
แผนการในตอนนี้ มีเพียงไปขอความช่วยเหลือจากอริยะสวรรค์เกรียงไกรแล้ว
“ข้าอยู่นี่”
เสียงหนึ่งแว่วล่องลอยเข้ามา ทำให้เหล่าผู้ทรงพลังหันไปมอง เห็นหานเจวี๋ยที่ไม่รู้ว่าโผล่มาตอนไหนอยู่ด้านหลังของอริยะเทพอวี๋เจี้ยน
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเหลียวมอง ผงะไปเล็กน้อย จากนั้นก็พรูลมหายใจออกมา
มือขวาของหานเจวี๋ยแตะลงบนบ่าของอริยะเทพอวี๋เจี้ยน ดึงเขาให้ถอยไปอยู่ด้านหลัง จากนั้นก็เยื้องย่างเข้าไปหาขุนพลพินาศหลายแสนรายที่อยู่ด้านหน้า
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนยิ้มออกมา จู่ๆ ก็รู้สึกสบายใจอย่างยิ่ง
รังแกพวกข้าได้แล้วอย่างไรเล่า
เมื่ออยู่ต่อหน้าอริยะสวรรค์เกรียงไกร ถึงมีจำนวนมากแค่ไหนก็ไร้ความหมาย!
ขณะที่หานเจวี๋ยก้าวเดินก็มีดาบแสงเจ็ดสายก่อตัวขึ้นรอบกายด้วย ดาบแสงยาวเท่าตัวคน ลักษณะต่างกันไป นี่คือปฐมยุคสิ้นสูญ พลังวิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา ณ ปัจจุบันนี้!
เสียงแผดร้องของชิงเทียนเสวียนจีแว่วเข้ามา “ช้าก่อน! อริยะสวรรค์เกรียงไกร เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังอะไรอยู่”
หานเจวี๋ยไม่สนใจเขา
‘ได้ทดสอบพลังวิเศษพอดี’
หานเจวี๋ยยิ้มมุมปาก ปฐมยุคสิ้นสูญระเบิดออกมา เกิดเสียงดังเสียดหูที่สะเทือนวิญญาณของยอดมหามรรคได้ สรรพสิ่งทั่วฟ้าบุพกาลล้วนได้ยินเสียงรางๆ
ดาบแสงเจ็ดเล่มเข้าโจมตีสังหารขุนพลพินาศหลายแสนด้วยความเร็วสูง แสงเจิดจ้าส่วงวาบขึ้นมา มีเสียงดาบแสงแทงทะลวงร่างกายดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง สายลมกระโชกกดดันให้ผู้ทรงพลังทุกคนต้องถอยร่น ลำแสงสีดำถูกลมพายุพัดสลายไป
ชิงเทียนเสวียนจีเบิกตากว้าง สีหน้าราวกับไม่อยากจะเชื่อ
กายเนื้ออันแกร่งกล้าของขุนพลพินาศพออยู่ต่อหน้าปฐมยุคสิ้นสูญแล้วเสมือนกระดาษบางๆ เมื่อพลังเวทของพวกเขาปะทะกับปฐมยุคสิ้นสูญจะสลายเป็นเถ้าธุลีไปทันที
สู้ไม่ได้เลย!
ในใจของเหล่าผู้ทรงพลังมีเพียงความรู้สึกเช่นนี้
หากมิใช่เพราะก่อนหน้านี้เคยต่อสู้มากับตัวแล้ว พวกเขาคงนึกว่าขุนพลพินาศเป็นเพียงภาพลวงตาเลื่อนลอยเท่านั้น
ขุนพลพินาศนับแสนคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ไม่ได้โจมตีที่เจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดอีก แต่หันหลังมาโจมตีหานเจวี๋ยแทน
แต่ดาบแสงเจ็ดเล่มกลับสังหารฟาดฟันตัวตนที่แม้แต่ยอดมหามรรคก็ยังยากจะจัดการได้อย่างรวดเร็วบ้าคลั่ง เลือดเนื้อสาดกระจาย พลังเวทถูกสลายทิ้งกลายเป็นไอควัน ราวกับหมอกหนาทึบที่ลอยม้วนขึ้นมา บดบังเจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดปกคลุมมหามรรคสามพันวิถี
ภายในเวลาไม่ถึงสองลมหายใจ!
ขุนพลพินาศหลายแสนคนสิ้นสูญไปทั้งหมด เหลือเพียงมือข้างหนึ่งที่ยังพุ่งคว้ามาทางหานเจวี๋ยในระยะห่างนับหมื่นลี้
ดาบแสงทั้งเจ็ดเล่มกลับมารอบกายหานเจวี๋ยอีกครั้ง แสงเทพมลังเมลือง ยืนยงไม่ดับสลาย มองไกลๆ แล้วดูคล้ายเจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดอยู่รางๆ
หานเจวี๋ยมองไปที่ชิงเทียนเสวียนจี เอ่ยถามว่า “เจ้ายังมีกระบวนท่าใดอีกหรือไม่”
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนและเหล่าผู้ทรงพลังยังตกอยู่ในความตะลึง ยากจะเรียกสติกลับมาได้
พวกเขารู้ว่าหานเจวี๋ยแข็งแกร่งมาก แต่ไม่คิดเลยว่าจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้
ไม่เคยจินตนาการถึงเลย!
ระดับนี้ก้าวข้ามยอดมหามรรคไปแล้วแน่นอน!
ชิงเทียนเสวียนจีตัวสั่นสะท้าน พลังวิเศษที่เขาภาคภูมิใจย่อยยับลงไปเช่นนี้
เขาอาศัยความเข้าใจที่ได้รับมาจากศึกระหว่างอริยะสวรรค์เกรียงไกรและขุนพลศักดิ์สิทธิ์ถึงทำให้ขุนพลพินาศถือกำเนิดขึ้น เดิมทีคิดจะนำมาต่อกรกับหานเจวี๋ย แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะพ่ายแพ้ย่อยยับโต้กลับไม่ได้เลย
ชิงเทียนเสวียนจีเอ่ยเสียงขรึม “หานเจวี๋ย หากเจ้าช่วยเหลือฟ้าบุพกาล เจ้าจะไม่มีวันบรรลุถึงระดับนั้นไปตลอดกาล”
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ถ้าช่วยเหลือตัวตนที่อยู่เบื้องหลังเจ้าแล้วจะบรรลุถึงได้หรือไร พวกเจ้าไม่มีเมตตาต่อสรรพสิ่งฟ้าบุพกาล แล้วจะไว้ใจในตัวตนที่อาจเป็นภัยคุกคามพวกเจ้าได้อย่างนั้นหรือ”
ชิงเทียนเสวียนจีเงียบไป
เขารู้ดีว่าเกลี้ยกล่อมหานเจวี๋ยไม่สำเร็จแล้ว สถานการณ์ตอนนี้เข้าขั้นวิกฤตแล้วเหตุใดตัวตนเหนือชั้นเหล่านั้นถึงไม่ปรากฏตัวเล่า
ในเวลานี้เอง เทวีตราวินัยปรากฏตัวขึ้นข้างกายหานเจวี๋ย เอ่ยขึ้นว่า “อริยะเทพ กฎเกณฑ์ได้รับการฟื้นฟูจากข้าแล้ว ส่วนวิกฤตในตอนนี้ก็ได้รับการแก้ไขแล้วเช่นกัน”
ส่วนผู้บงการอยู่เบื้องหลังจะเป็นใครนั้น พวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจ
หานหลิงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงกองทหารจักรพรรดิของตนขึ้นมา…
ดูเหมือนต่อให้ตนพิสูจน์ยอดมหามรรคแล้วก็คงสู้ท่านพ่อไม่ได้อยู่ดี
อารมณ์ของพวกเต้าจื้อจุนทั้งสี่ซับซ้อนอย่างยิ่ง สิ่งที่พวกเขาหวาดหวั่นที่สุดคือขุนพลพินาศของเทวาที่หนึ่ง ไม่นึกเลย…
“เด็กน้อยเอ๋ย ขุนพลพินาศที่พวกเราหวาดหวั่นที่สุดย่อยยับลงเช่นนี้…”
เหล่าตานทอดถอนใจ ทำให้ทุกคนมองไปที่พวกเขา
จ้าวเซวียนหยวนยักไหล่ เล่าเรื่องที่พวกตนได้ติดต่อกับเทวาที่หนึ่งออกมา
ผ่านไปสักพัก
กวนปู้ไป้แหวขึ้นมา “ไม่แปลกเลยที่พวกเจ้าจะแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น ที่แท้ก็ได้ครอบครองอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรค ซ้ำยังปิดบังเหล่าพี่น้องอีก!”
โจวฝานก็หงุดหงิดเช่นกัน เขาตกรอบตั้งแต่แรก ในอดีตมักจะวางท่าต่อหน้าเต้าจื้อจุนเสมอ แต่ในงานชุมนุมฟ้าบุพกาลครานี้ผลงานของทั้งสองกลับทิ้งห่างกันอย่างลิบลับ ทำให้เขาไม่กล้าพูดอะไรต่อหน้าเต้าจื้อจุน
ชายชุดดำบุตรชายของโจวฝานมองไปที่หานเจวี๋ย ดวงตาเปล่งประกาย
แข็งแกร่งเหลือเกิน!
เขาจะต้องกลายเป็นผู้ทรงพลังเหมือนท่านปรมาจารย์ให้ได้ เพื่อหยามหน้าท่านพ่อของเขา!
“มีบุตรแห่งสวรรค์ตกรอบอีกแล้ว”
มีเสียงโห่ร้องแว่วมาจากนอกคฤหาสน์ ดึงดูดให้ทุกคนเงยหน้ามอง
นับตั้งแต่เต้าจื้อจุนและหวงจุนเทียนตกรอบมา ตอนนี้ถึงคราวของเทพมารขุนพลสวรรค์แล้ว!
ครั้งนี้กลับทำให้หานเจวี๋ยแปลกใจ ในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง เทพมารขุนพลสวรรค์คือเทพมารที่อยู่ในชั้นแนวหน้ามาตลอด บางครั้งก็สามารถข่มมู่หรงฉี่ได้ด้วยซ้ำ
ผู้ที่ทำให้เทพมารขุนพลสวรรค์ตกรอบคือราชันเทวาฟ้าไพศาล!
ราชันเทวาฟ้าไพศาลลอยอยู่เหนือนภา สองแขนอ้ากาง โลกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นด้านหลัง มีพลังน่าหวาดหวั่นสองสายพัวพันสลับไปมาอยู่บนร่าง
“เยี่ยมมาก ข้าเข้าใกล้ตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุคไปเรื่อยๆ แล้ว หานฮวง อู๋เซียงเทียนเซี่ย มู่หรงฉี่ พวกเจ้าอย่าได้สู้กันอีกเลย เข้ามาพร้อมกันเถิด! รับความตายไปเสีย!”
………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...