ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 1043

บทที่ 1043 ท่องเที่ยวผลาญนภาด้วยกัน

“โอ้ คำสาปแช่งของเจ้าจะถูกทำนายพบหรือไม่”

หานเจวี๋ยเลิกคิ้วเอ่ยถาม น้ำเสียงสงบราบเรียบ ราวกับสาดน้ำเย็นดับความตื่นเต้นของซั่นเอ้อร์

ซั่นเอ้อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยไปว่า “หากสาปแช่งผู้ที่อ่อนแอกว่าคาดว่าน่าจะไม่ถูกทำนายพบขอรับ แต่หากเป็นผู้ที่มีตบะสูงกว่าข้า ข้าก็ไม่กล้ารับประกันเช่นกัน…”

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างลุ่มลึกว่า “เจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่ปล่อยให้ใครทำนายถึงได้ เป้าหมายของเจ้าก็คือเขา”

“เขาอาจจะมีตบะระดับสูงสุดดังนั้นคนจึงทำนายไม่พบกระมัง”

“เช่นนั้นเจ้าก็ต้องฝึกบำเพ็ญจนอยู่ในจุดสูงสุด ก่อนจะไปถึงจุดนั้นห้ามสาปแช่งส่งเดช เลี่ยงไม่ให้ชักนำภัยมาสู่ตัว!”

“แต่ว่า…”

สีหน้าซั่นเอ้อร์ซีดเผือดไปทันที หากต้องการให้เขาฝึกบำเพ็ญจนบรรลุระดับสูงสุดตามที่หานเจวี๋ยกล่าวไว้ เช่นนั้นต้องใช้เวลานานเพียงใดกันเล่า

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าสมควรทดสอบพลังของเจ้าสักหน่อยแล้ว เตรียมพร้อมหรือยัง”

ซั่นเอ้อร์ถามด้วยความแปลกใจ “ทดสอบอย่างไรขอรับ”

หานเจวี๋ยอธิบายถึงแบบจำลองการทดสอบให้เขาเข้าใจ จากนั้นก็มอบสิทธิ์เข้าถึงให้

ซั่นเอ้อร์ไม่เหนือไปจากความคาดหมายเลย ในไม่ช้าก็หมกมุ่นอยู่ภายในแบบจำลองการทดสอบ

ซั่นเอ้อร์อยู่ห่างจากการพิสูจน์อริยะมหามรรคพอสมควร เห็นได้ชัดว่าพรสวรรค์ในการฝึกบำเพ็ญของเขาไม่สูงเท่าดาวมหาโชคคนอื่นๆ หรืออาจจะเป็นเพราะแต่ละคนมีจุดเด่นต่างกันไป

ดาวกำเนิดคำสาปของซั่นเอ้อร์ก็ไม่ใช่ประเภทที่จะเข้าเผชิญหน้ากับศัตรูตรงๆ อยู่แล้ว

ในแบบจำลองการทดสอบ ซั่นเอ้อร์ยังไม่สามารถเอาชนะระดับเสรีด้วยกันอย่างราบคาบได้ แต่เขารู้สึกว่าตนไร้พ่ายในระดับเดียวกันแล้ว ไม่ว่าผู้ใดก็สู้ได้ทั้งสิ้น แต่อย่างที่ทราบกัน หานหลิงสามารถเอาชนะศัตรูนับหมื่นในระดับเดียวกันได้

หานเจวี๋ยไม่ได้คาดหวังในตัวซั่นเอ้อร์สูงนัก ดังนั้นจึงไม่ได้ยกหานหลิงมาข่มเขา

เมื่อเห็นซั่นเอ้อร์เสพติดแบบจำลองการทดสอบ หานเจวี๋ยก็ลุกขึ้นเดินออกไป

หลังจากใช้เวลาร่วมกับคู่บำเพ็ญของตนสักระยะหนึ่ง เขาก็มาที่เขตเซียนร้อยคีรี ไปเยี่ยมเซียนซีเสวียน

โชคดีนัก ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ก็อยู่ด้วย

“ศิษย์น้องหาน!”

พอเห็นหานเจวี๋ยปรากฏตัวขึ้น ฉางเยวี่ยเอ๋อร์พลันยิ้มอย่างตื่นเต้นดีใจขึ้นมา

นางพุ่งเข้ามาหาทันที กอดหานเจวี๋ยไว้

“เจ้าช่างใส่ใจอาจารย์ยิ่งนัก เมื่อก่อนไม่เห็นเจ้าจะมาเยี่ยมข้าบ้างเลย!”

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ยิ้มหวาน ไม่ได้หึงหวงเลยสักนิด เนื่องจากนางรู้ตัวดีว่าไม่มีคุณสมบัติที่จะหึงหวง

หากไม่มีหานเจวี๋ย นางคงกลายเป็นเถ้าธุลีไปนานแล้ว ไหนเลยจะได้ฝึกบำเพ็ญจนบรระลุระดับเสรีเช่นในปัจจุบันนี้

เซียนซีเสวียนเอ่ยปราม “เยวี่ยเอ๋อร์ อย่าพูดเหลวไหล”

เมื่อวันเวลาผ่านยาวนานหลายสิบล้านปี สตรีทั้งสองสนิทสนมชิดใกล้กันไปแล้ว ถึงอย่างไรพวกนางทั้งสองก็นับว่าเป็นคนคุ้นเคยเก่าแก่

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ศิษย์พี่หญิงยังคงเป็นเช่นในกาลก่อน ดีอย่างยิ่งแล้ว หากวางตัวห่างเหินกับข้า ข้าคงอึดอัดนัก”

พอฉางเยวี่ยเอ๋อร์ได้ยินก็ยิ้มอย่างได้ใจกว่าเดิม กอดแขนหานเจวี๋ยไว้ไม่ว่าอย่างก็ไม่ยอมปล่อย

หานเจวี๋ยจำเป็นต้องเอ่ยเตือนนางอย่างละมุนละม่อม จากนั้นก็ชักแขนออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ

ทั้งสามคนนั่งลงเริ่มสนทนากัน

หานเจวี๋ยสอบถามประสบการณ์ในช่วงที่ผ่านมาของนาง ฉางเยวี่ยเอ๋อร์เริ่มคุยจ้อไม่หยุด

หานเจวี๋ยและเซียนซีเสวียนแย้มยิ้มเฝ้ามองนางเล่าเรื่องราว ล้วนรู้สึกว่าน่าสนใจ

วันเวลาแห่งการฝึกบำเพ็ญแม้จะเรียบง่ายน่าเบื่อหน่าย นานๆ ได้มีบรรยากาศเช่นนี้บ้างก็ทำให้คนพอใจยิ่งนัก

แม้ว่าเป้าหมายของหานเจวี๋ยจะยังเป็นการไร้พ่าย แต่ก็ชอบเสพสุขกับสภาพชีวิตในปัจจุบันยิ่ง

รอจนเขาไร้พ่ายแล้ว คาดว่าวันเวลาก็คงสงบสุขเช่นเดียวกับปัจจุบันนี้ เพียงแต่การไร้พ่ายที่เขาแสวงหามิใช่ชีวิตที่รุ่งโรจน์มีสีสันมากยิ่งขึ้น แต่เพียงเพื่อจะใช้ชีวิตอย่างสงบปลอดภัยเท่านั้น

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์พูดจ้ออยู่หนึ่งชั่วยามถึงได้จบเรื่องเล่า

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่หญิงสนใจโลกผลาญนภามากหรือ”

“ใช่แล้ว แต่ได้ยินมาว่าการต่อสู้ในโลกผลาญนภาดุเดือดอย่างยิ่ง ข้าไม่ไปร่วมวงด้วยจะดีกว่า กลัวว่าหากพลาดท่าไปชีวิตน้อยๆ คงหาไม่แล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ