ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 1047

บทที่ 1047 รากวิญญาณปฐมยุค

“โอ้ ไม่เลว”

หานเจวี๋ยตอบรับคำหนึ่ง เอ่ยชมประโยคเดียว

ซั่นเอ้อร์ห่อเหี่ยว เอ่ยว่า “ท่านปฐมบรรพชน นี่คืออริยะมหามรรคเชียวนะขอรับ! ยามที่ข้าผ่านประตูมหามรรค ผู้อาวุโสเหล่านั้นบอกข้าว่าข้าบรรลุจุดสูงสุดของฟ้าบุพกาลแล้วขอรับ!”

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นั่นคือจุดสูงสุดของฟ้าบุพกาล แต่มิใช่จุดที่ข้าคาดหวังต่อเจ้า เข้าใจหรือไม่”

ซั่นเอ้อร์ผงะไป เอ่ยถามว่า “อริยะมหามรรคยังไม่เพียงพอหรือขอรับ”

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “สำหรับฟ้าบุพกาลนับว่าเพียงพอแล้วจริงๆ แต่สำหรับข้ายังไม่เพียงพอ ในสังกัดของข้ามีอริยะมหามรรคมากมาย ถึงขั้นมีตัวตนในระดับที่เหนือกว่าอริยะมหามรรคอีกไม่น้อยด้วย”

ซั่นเอ้อร์ตกตะลึง

เขารู้ว่าปฐมบรรพชนแข็งแกร่งมาก แต่ไม่รู้ว่าปฐมบรรพชนก็คืออริยะสวรรค์เกรียงไกร

นอกจากคนกันเองที่หานเจวี๋ยดูแลเป็นพิเศษแล้ว สรรพสิ่งต่างลืมเลือนนามของหานเจวี๋ยไปจนสิ้น ทราบเพียงสมญาอริยะสวรรค์เกรียงไกร

ซั่นเอ้อร์มาจากโลกระดับล่าง ย่อมไม่รู้ว่าอริยะสวรรค์เกรียงไกรก็คือหานเจวี๋ย

เหล่าศิษย์สืบทอดที่หานเจวี๋ยพาเขาไปพบก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้เช่นกัน พวกเขาคิดว่าต่างรู้กันดีอยู่แล้ว ย่อมไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงอีก

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อยากลองสู้กับข้าในแบบจำลองการทดสอบดูหรือไม่”

ซั่นเอ้อร์ได้ฟังก็ยิ้มร่าออกมาทันที เอ่ยไปว่า “ขอรับ! ท่านปฐมบรรพชน! ข้าจะสร้างความประหลาดใจให้ท่านแน่นอนขอรับ!”

หลายปีมานี้ เขาฝึกฝนประสบการณ์ต่อสู้จากการเล่นงานผู้อ่อนแอกว่ามามากมาย ต่อให้สู้ท่านปฐมบรรพชนไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็คงสร้างความประหลาดใจให้ท่านปฐมบรรพชนได้

หานเจวี๋ยไม่พูดพร่ำทำเพลง ดึงเขาเข้าสู่แบบจำลองการทดสอบทันที

ผ่านไปหนึ่งลมหายใจ ซั่นเอ้อร์ลืมตาขึ้น ตัวคนเลื่อนลอยเคว้งคว้าง ร่างกายสั่นระริก สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

หานเจวี๋ยตรวจดูจดหมายต่อไป

ผ่านไปนานพักใหญ่

จนกระทั่งหานเจวี๋ยตรวจจดหมายเสร็จสิ้นแล้ว ซั่นเอ้อร์ก็ยังดึงสติกลับมาไม่ได้

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว หรือว่าตนจะลงมือหนักเกินไป

เขาเปิดปากเรียกทันที “ซั่นเอ้อร์”

เสียงเขาประหนึ่งสายฟ้าฟาด ทำให้สมองของซั่นเอ้อร์ตื่นตัวขึ้นมา ได้สติกลับมา

ซั่นเอ้อร์ที่ได้สติกลับมาแล้วก็ทรุดนั่งลงบนพื้น ไหนเลยจะยังมีมาดของอริยะมหามรรคอยู่ ดูไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดาเลย

หานเจวี๋ยแค่นเสียง “เจ้ามีความสามารถเพียงเท่านี้หรือ ข้าหลงนึกว่าเจ้าจะแข็งแกร่งมากถึงได้มาวางมาดกับข้า”

ซั่นเอ้อร์ไม่เข้าใจว่าวางมาดเป็นเช่นไร แต่คาดว่าคงมีความหมายทำนองว่าโอ้อวดแสร้งทำเป็นเก่งกาจ

เขาก้มหน้าลงด้วยความละอาย การต่อสู้ก่อนหน้านี้ราวกับฝันร้าย ไม่อาจสลัดออกจากหัวเขาได้

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ฝึกบำเพ็ญให้ดี อย่าได้เกียจคร้านหย่อนยาน เจ้ายังห่างชั้นอีกไกล ขอเพียงยังมีผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเจ้า เหตุการณ์ที่เจ้าเคยเผชิญในวัยเด็กก็อาจจะเกิดขึ้นอีกได้ เข้าใจหรือไม่”

สีหน้าซั่นเอ้อร์ซีดขาว รีบพยักหน้าตอบรับ

หานเจวี๋ยพลันนึกถึงเซียนซีเสวียนขึ้นมา เขาทอดสายตามองออกไป เซียนซีเสวียนที่อยู่ไกลออกไปในเขตเซียนร้อยคีรีก็พิสูจน์อริยะมหามรรคแล้วเช่นกัน

เขาเคลื่อนย้ายไปที่อาณาเขตเต๋าหลักทันที

ซั่นเอ้อร์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขายิ้มอย่างขมขื่น

‘ซั่นเอ้อร์หนอซั่นเอ้อร์เจ้าช่างน่าขบขันโดยแท้ ไฉนจึงกล้าไปท้าทายท่านปฐมบรรพชนได้’

จิตใจของซั่นเอ้อร์เต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจ

ครึ่งวันต่อมา

หานเจวี๋ยรับตัวเซียนซีเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์มา

สิงหงเสวียนออกมาต้อนรับพวกนางด้วยตัวเอง พูดคุยระลึกถึงอดีตที่สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ สตรีทั้งสามต่างรู้สึกสะท้อนใจอย่างยิ่ง

หานเจวี๋ยปลีกตัวออกมา ไม่ได้รบกวนการรำลึกอดีตของพวกนาง หากว่าฉางเยวี่ยเอ๋อร์อยากออกไปเดินเล่น ร่างแยกที่อยู่ภายในอารามเต๋าก็ส่งนางออกไปได้

จักรวาลโลกดารานอกอาณาเขตเต๋าแห่งที่สามเฟื่องฟูอย่างยิ่ง มีสำนักบำเพ็ญและสำนักปรัชญาหลากหลายสารพัด หากว่ารู้สึกเบื่อหน่าย ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ออกไปเที่ยวเล่นได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีภัยถึงชีวิต ถึงอย่างไรที่นี่ก็อยู่ในขอบเขตการดูแลของหลิวเป้ย

เมื่อนึกถึงจักรวาลโลกดารา หานเจวี๋ยก็นึกถึงหงจวินที่อดีตเคยกราบหลิวเป้ยเป็นอาจารย์

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ