บทที่ 1078 กลับอาณาเขตเต๋า
ทันทีที่ปฐมยุคประทับนภาปรากฏขึ้นแล้วเข้าครอบคลุมทั่วก้นบึ้งฟ้าบุพกาลได้ ก็หมายความว่ากว้างใหญ่ไพศาลเท่ากับฟ้าบุพกาล เพียงพอจะทำให้สรรพสิ่งทั้งหมดในก้นบึ้งฟ้าบุพกาลตกตะลึง
เมื่อมองขึ้นไปด้านบน ปฐมยุคประทับนภาเป็นตราประทับที่ผสานลวดลายเลือนรางยากจะเข้าใจได้ไว้นับไม่ถ้วน เมื่อเหล่าสรรพสิ่งเพ่งมองอย่างละเอียดก็ค่อนข้างใจลอยไป ราวกับได้เห็นสรรพสิ่งแปรผันไปสารพัด ฉากเหตุการณ์นับไม่ถ้วนหลังไหลผ่านครรลองสายตาพวกเขา ในขณะเดียวกันความเคารพเทิดทูนประการหนึ่งได้เอ่อท้นขึ้นมาจากก้นบึ้งจิตใจ
เสมือนสิ่งมีชีวิตสามัญเผชิญหน้ากับเทพยดา ความรู้สึกเทิดทูนนั้นยากจะอธิบายออกมาได้
เมื่อเผชิญหน้ากับตราปฐมยุคประทับนภาที่ยิ่งใหญ่ตระการตา ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลตกอยู่ในความตระหนกลนลานอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“เจ้า…นี่คือพลังใดกัน”
ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลเอ่ยเสียงสั่น เขาคิดว่าตนไร้พ่ายแล้วแต่พอเผชิญหน้ากับพลังนี้ เขารู้สึกเพียงว่าตนอ่อนแออย่างยิ่ง
เสียงของหานเจวี๋ยแว่วดังขึ้น “ไม่ว่าตัวตนใดล้วนมีความหมายทั้งสิ้น แต่หากคิดจะลบเลือนตัวตนอื่นๆ ทิ้งไปก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนเช่นกัน
“ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล ไปจากฟ้าบุพกาลเสีย ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเจ้า”
เสียงของเขาดั่งสายฟ้าฟาด ทรงพลังน่าเกรงขาม วาจาดั่งประกาศิตสวรรค์ กำหนดจุดจบชะตากรรมของยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล
ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลยังไม่ทันตอบสนอง ตราปฐมยุคประทับนภาพลันบีบตัวเข้ามา ก่อนที่จะปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา
ครืน!
ตราปฐมยุคประทับนภาพุ่งเข้าชนยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล ทำลายไอมารของเขา มารร้ายนับไม่ถ้วนไหลทะลักออกมาจากร่างของยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล กลายเป็นหมอกควันสลายไป
ฟ้าดินสั่นไหวรุนแรง พายุอัสนีไหวแปลบปลาบบนท้องนภา!
ตราปฐมยุคประทับนภาดันตัวยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลพุ่งไปยังสุดขอบโลก พุ่งผ่านฟ้าดินหม่นมัวไป
“ไม่…”
ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลพยายามดิ้นอย่างสุดกำลัง แต่ตราปฐมยุคประทับนภามีแรงดูดดึงที่แกร่งกล้ายิ่ง ผนึกตรึงร่างเขาไว้อย่างแน่นหนา ไม่อาจขยับเขยื้อน แม้แต่วิญญาณก็ไม่อาจหลบหนีไปได้
ตราปฐมยุคประทับนภาศักดิ์สิทธิ์และเผด็จการนัก พายอดมารร้ายฟ้าบุพกาลลอยละลิ่วออกไป เห็นเพียงจุดแสงจุดหนึ่งในสายตาของเหล่าสรรพสิ่ง
ขณะที่เหล่าผู้ทรงพลังทั้งหมดมีสีหน้าราวกับไม่อยากจะเชื่อ ตราปฐมยุคประทับนภาก็พุ่งออกจากฟ้าบุพกาลไปอย่างรวดเร็วสุดขีด ดันยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลออกไปสู่ดินแดนเวิ้งว้าง
เปรี้ยง!
เหล่าผู้ทรงพลังอ้าปากค้าง เงียบสงัดไร้เสียง ในฟ้าดินมีเพียงเสียงอัสนีดังกัมปนาท
หานเจวี๋ยหันหลังมองไปที่หานฮวงแวบหนึ่ง จากนั้นก็มาโผล่ด้านหน้าคลื่นวนสีดำ กระโดดเข้าสู่คลื่นวนสีดำโดยไม่สนใจเหล่าศิษย์อีก
รอจนคลื่นวนสีดำหายไปแล้ว เหล่าศิษย์ถึงได้สติกลับมา
ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลที่แสดงให้เห็นความแกร่งกล้าเหนือชั้นจนนำพาพวกเขาไปสู่ความสิ้นหวังก่อนหน้านี้นั้น ตอนนี้กลับทำให้พวกเขาตกตะลึงมากยิ่งกว่า
หานชิงเอ๋อร์เอ่ยอย่างสะท้อนใจ “ท่านพ่อข้าเก่งกาจโดยแท้ เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่ายอดมารร้ายฟ้าบุพกาลก็ไม่เท่าไรเลยเล่า”
แน่นอนว่านางเพียงล้อเล่นเพราะอยากช่วยผ่อนคลายบรรยากาศเท่านั้น
จ้าวเซวียนหยวนถอนหายใจพลางเอ่ยไปว่า “ก็จริง จากที่เห็นไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย นี่ก็แปลว่าท่านอาจารย์ได้ทิ้งห่างจากฟ้าบุพกาลไปอีกไกลโขแล้ว”
เต้าจื้อจุนหวนคิดถึงประสบการณ์ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ก่อนจะนึกถึงหานเจวี๋ย จากนั้นก็รู้สึกสับสนขึ้นมา
ในอดีตกาลเขาเคยแข็งแกร่งกว่าหานเจวี๋ย ตอนนี้กลับถูกนำหน้าไปไกลเสียแล้ว
หรือว่าการปิดด่านจะเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง
พอลองคิดให้ละเอียด เขาไม่ได้ฝ่าทะลวงมานานมากแล้ว แม้จะเป็นเช่นนี้เขาก็ยังยุ่งง่วนกับการตามหาโชควาสนา ไม่อาจสงบมรรคจิตลงได้ นับว่าเสียเวลาไปแล้วจริงๆ
เจียงเจวี๋ยซื่อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อย่าคิดมากไปเลย คุณสมบัติของอาจารย์เกินความคาดหมายของพวกเรามาตลอด นั่นมิใช่สิ่งที่จะได้มาจากการพากเพียรบำเพ็ญแน่นอน”
เขามองออกถึงความสับสนลังเลในใจเหล่าศิษย์ร่วมสำนัก ดังนั้นจึงเอ่ยเตือน
เจียงเจวี๋ยซื่อรู้ตัวดียิ่งนัก เขารู้ว่าสามารถเทียบชั้นกับคนอื่นๆ ได้ แต่ไม่มีทางเทียบหานเจวี๋ยได้แน่นอน
การมีตัวตนอยู่ของหานเจวี๋ยเดิมทีก็ไม่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว
ในเวลาเดียวกันนี้ ทั่วก้นบึ้งฟ้าบุพกาลมีเสียงไชโยโห่ร้องแว่วดังขึ้นมา
“ชนะแล้ว! ฟ้าบุพกาลชนะแล้ว!”
“สมเป็นอริยะสวรรค์เกรียงไกร!”
“เหตุใดถึงคล้ายจะลืมเลือนเงาร่างของเขาในช่วงเมื่อครู่ไปแล้วเล่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...