หลี่ชิงจื่อก็เป็นหนึ่งในนั้น หากไม่ได้หลี่ชิงจื่อช่วยจัดการ พลังวิญญาณของเขาเพียรบำเพ็ญเซียนคงไม่มากมายเช่นนี้ แน่นอนว่าหลี่ชิงจื่อก็ได้รับความมั่นใจและการป้องกันจากหานเจวี๋ยเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับสำนักหยกพิสุทธิ์ด้วยเช่นกัน
หานเจวี๋ยเองก็หวังว่าตนจะสามารถเดินบนเส้นทางแห่งการบำเพ็ญเพียรต่อไปได้อีกสักหน่อย
เมื่อได้รับความยินยอมจากหานเจวี๋ย หลี่ชิงจื่อรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขาเอ่ยถามอีกไม่กี่ประโยคก่อนที่จะจากไป
การเปลี่ยนชื่อสำนักหยกพิสุทธิ์เป็นสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์นั้นเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อถึงเวลานั้นทั้งสำนักต้องจัดงานเลี้ยง เหล่าผู้อาวุโสจึงหวังว่าหานเจวี๋ยจะสามารถมาให้โอวาทแก่เหล่าศิษย์ได้ ทว่ากลับถูกเขาปฏิเสธอย่างสุภาพ
หานเจวี๋ยไม่ต้องการที่จะออกหน้าออกตา
ตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว แม้นามของผู้อาวุโสสังหารเทพจะเลื่องลือ หากแต่เหล่าศิษย์ไม่รู้จักรูปร่างหน้าตาของเขา ยามที่ไม่เรื่องใดเกิดขึ้น เขายังสามารถออกไปเดินเล่นในเมืองของสำนักฝ่ายในได้
หลังจากที่หลี่ชิงจื่อจากไป หานเจวี๋ยก็นึกถึงฉางเยวี่ยเอ๋อร์ที่ออกเดินทางติดตามนักพรตเต๋าจิ่วติ่งขึ้นมา
หลังจากศิษย์พี่หญิงที่ชอบพอตนมาโดยตลอดผู้นี้เดินทางไปต่างแดน เวลาส่วนใหญ่ก็ใช้ไปการฝึกฝนตนเอง น้อยครั้งที่จะมีส่วนร่วมในความขัดแย้งภายในสำนัก
หุ่นเชิดแห่งสวรรค์ที่หานเจวี๋ยมอบให้กับนางนั้นไม่เคยถูกใช้งานมาโดยตลอด แม้จะตกอยู่ในสภาวะที่อันตราย นางก็ผ่านมาได้อย่างปลอดภัยด้วยความสามารถของตนเอง
มีหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ติดตามนางไป หานเจวี๋ยจึงล่วงรู้ถึงสถานการณ์ของนางได้เป็นบางครั้งบางคราว
หานเจวี๋ยใช้ประโยชน์จากหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ส่งกระแสเสียงไปให้ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ บอกให้ฉางเยวี่ยเอ๋อร์กลับมาพร้อมกับนักพรตเต๋าจิ่วติ่ง
เมื่อฉางเยวี่ยเอ๋อร์ได้ยินเสียงของเขา นางก็ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก
ยามนี้ นางกำลังกอดหุ่นเชิดแห่งสวรรค์อยู่ภายในถ้ำเทวา กอดราวกับเป็นตุ๊กตาอย่างไรอย่างนั้น
“ศิษย์น้อง สถานการณ์ของสำนักหยกพิสุทธิ์เป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้ตบะของเจ้าเป็นเช่นไรแล้ว ที่แท้เจ้าก็สามารถพูดคุยกับข้าผ่านหุ่นเชิดได้หรอกหรือ สองสามปีแรกที่ข้าเรียกหาเจ้า เหตุใดเจ้าถึงไม่ตอบ” ฉางเยวี่ยเอ๋อร์เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
หุ่นเชิดแห่งสวรรค์เอ่ยตอบว่า “หากใช้พลังวิญญาณหมดแล้วจะไม่สามารถปกป้องท่านได้ เท่านี้ก่อนเถิด”
“ช้าก่อน!”
ไม่ว่าฉางเยวี่ยเอ๋อร์จะเรียกหานเจวี๋ยอย่างไร หานเจวี๋ยก็ไม่ตอบนางอีก
ฉางเยวี่ยเอ๋อร์เบ้ปากก่อนแค่นเสียงเอ่ย “เจ้าศิษย์น้องน่ารังเกียจ เป็นห่วงข้าแต่กลับไม่ยอมพูด เย็นชาเช่นนี้ก็ดี คาดว่าสิงหงเสวียนและโม่จู๋ก็คงเจอปัญหานี้เช่นกัน”
“รอข้ากลับไปก่อนเถิด ศิษย์น้อง เจ้าอย่าคิดว่าจะรอดพ้นจากเงื้อมมือของข้าได้ ฮิๆ!”
ฉางเยวี่ยเอ๋อร์นึกถึงข้อได้เปรียบ ก่อนจะยิ้มสดใสออกมามากขึ้นกว่าเดิม
ผ่านไปไม่นาน
ด้านนอกถ้ำมีเสียงคล้ายทุ่นระเบิดเสียงหนึ่งขึ้น
“ศิษย์น้องหญิง ช่วงนี้นี้มีนักเทศน์ผู้ทรงพลังมาที่เกาะเซียนมังกรโลหิต ข้ามีเทียบเชิญเข้าไปในเกาะ หากเจ้าอยากไป ข้าสามารถพาเจ้าไปได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ก็หุบยิ้มลง กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ขอบคุณความปรารถนาของศิษย์พี่ แต่ข้าก็ไม่ไปแล้ว ช่วงนี้ข้าตระหนักรู้บางอย่างจากการฝึกฝน จำต้องหยั่งรู้สักหน่อย”
น้ำเสียงของนางต่างไปจากเมื่อครู่นี้ราวคนละคน
“เอาเถิด ครั้งหน้าค่อยมาเยี่ยมศิษย์น้องหญิงใหม่ หากพบของดีในเกาะเซียนมังกรโลหิตอีก ข้าจะนำมามอบให้แก่ศิษย์น้องหญิง”
“ไม่ขอรบกวนศิษย์พี่แล้ว”
“เอ่ยอะไรเช่นนั้น ฮ่าๆๆ ศิษย์พี่ขอลาก่อน เจ้าฝึกฝนต่อไปเถิด”
ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ลอบก่นด่าอีกฝ่ายที่ไม่รู้จักดีชั่ว ไม่ตั้งใจฝึกฝน เอาแต่มากวนใจข้าอยู่ได้
รอท่านกลับมาครั้งหน้า ข้าคงกลับไปหาศิษย์น้องสุดหล่อของข้าแล้ว!
…..
ภายในถ้ำที่มืดสลัวแห่งหนึ่ง เงาร่างทั้งห้านั่งล้อมรอบกัน คิดไม่ถึงว่าหนึ่งในนั้นกลับเป็นเซวียนฉิงจวิน
ชายชราในชุดคลุมสีดำเอ่ยขึ้นว่า “พญาอสรพิษหยกตายแล้ว ตายในสำนักที่เรียกว่าสำนักหยกพิสุทธิ์แดนต้าเยี่ยน เรื่องนี้ พวกท่านคิดเห็นเช่นไร”
เซวียนฉิงจวินหน้าไม่เปลี่ยนสี ราวกับว่าไม่รู้จักสำนักหยกพิสุทธิ์
“พญาอสรพิษหยกเป็นสัตว์เลี้ยงปีศาจของอาจารย์ข้า ที่ปล่อยให้มันสังหารเผ่ามนุษย์ของสิบเขตเก้าราชวงศ์ก็เป็นแผนการของข้า แค้นนี้ต้องชำระ อีกอย่างแม้เผ่ามนุษย์ของสิบเขตเก้าราชวงศ์จะมีผู้บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน แต่เผ่ามนุษย์ยังไม่ได้ล่มสลายอย่างสมบูรณ์ พวกเราต้องหาวิธีการอื่น” เงาทมิฬสายหนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม แยกไม่ออกว่าเขาเป็นมนุษย์หรือวิญญาณ
ภิกษุสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างๆ หัวเราะเสียงเยียบเย็น บนศีรษะที่โล้นโล่งของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น ดูราวกับตะขาบที่กำลังปีนป่ายยั้วเยี้ย โหดร้ายน่าสะพรึงกลัว
เขาแค่นเสียงเอ่ย “พญาอสรพิษหยกอวดดีเกินไป พึ่งพาของวิเศษของนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน ทั้งยังคิดว่าทั่วหล้าไร้ผู้ต้านทานตนเอง ตายไปก็ดีเหมือนกัน อาศัยเพียงเผ่าปีศาจคงจะยังไม่พอ หากปรารถนาจะเอาชนะแดนบำเพ็ญพรตเผ่ามนุษย์ ก็ต้องพึ่งพาเผ่ามนุษย์ด้วยกัน ข้าเสนอให้สนับสนุนผู้บำเพ็ญสายมารของเผ่ามนุษย์ ให้เผ่ามนุษย์ห้ำหั่นกันเองภายใน”
สตรีผมขาวนางหนึ่งพยักหน้า นางสวมใส่ชุดสีแดง ผิวซีดขาว ดูราวกับผีสาวไม่มีผิด เผยยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น ก่อนกล่าวว่า “เห็นด้วย”
ชายชราชุดดำมองไปทางเซวียนฉิงจวิน ก่อนเอ่ยถามว่า “ท่านจอมมาร ท่านคิดเห็นเช่นไร”
เซวียนฉิงจวินพยักหน้ากล่าว “ข้าไม่มีความเห็นใด ก่อนหน้านี้ข้าเคยไปที่ยมโลก พวกเผ่ามารเองก็แทบจะอดทนรอไม่ไหวอยู่บ้าง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชายชราชุดดำ สตรีผมขาว เงาดำและภิกษุที่เต็มไปด้วยรอยแผลต่างขมวดคิ้ว
“เรื่องของสำนักหยกพิสุทธิ์ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า ส่วนแผนการอื่นๆ มอบให้พวกเจ้าจัดการก็แล้วกัน” เซวียนฉิงจวินเอ่ยต่อ
ชายชราในชุดคลุมสีดำตอบรับ “อืม เบาะแสของผู้บำเพ็ญลึกลับของสำนักหยกพิสุทธิ์ผู้นั้นต้องสืบหาให้ชัดเจน หากส่งผลร้ายต่อแผนการของพวกเรา ท่านจอมมารสามารถลงมือสังหารเขาได้เต็มที่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...