บทที่ 1145 ผู้เจริญรอยตามอริยะสวรรค์เกรียงไกร (2)
สิ่งปลูกสร้างงามวิจิตร ตำหนักวังตั้งรายล้อม เกาะลอยฟ้าหลายแห่งตั้งอยู่บนท้องนภา ก่อตัวเป็นเอกลักษณ์งดงามมีมิติ ความยิ่งใหญ่ตระการตาโหมปะทะเข้าใส่
ภายในสวนแห่งหนึ่ง เรือนร่างอรชรร่างหนึ่งนอนเอนตะแคงตัวอยู่บนตั่งหยกมรกต สวมชุดกระโปรงบงกชสีแดง เรือนผมยาวเกล้ารวมเป็นมวยต่ำ ดูเฉื่อยชาแต่งดงาม นางใช้มือซ้ายรองศีรษะไว้ ส่วนมือขวาถือพัดโบกเบาๆ
สตรีชุดเหลืองนางหนึ่งเหาะเข้ามาจากฟากฟ้า ร่อนลงตรงหน้าสตรีชุดแดง คุกเข่าข้างหนึ่งลงอย่างนอบน้อม ประสานหมัดคารวะ เอ่ยขึ้นว่า “เรียนประมุขอาวุโส ท่านเจ้าสำนักเรียนเชิญท่านออกไปสักรอบหนึ่ง บอกว่ามีบุตรแห่งสวรรค์ที่ต้องการคำชี้แนะจากท่านเจ้าค่ะ”
ประมุขอาวุโสก็คือถูหลิงเอ๋อร์ศิษย์หญิงของหานเจวี๋ย ทายาทรุ่นหลังของเผ่าจอมเวท
ถูหลิงเอ๋อร์เอ่ยอย่างไม่ไยดีนัก “ไม่ว่าง ไม่ง่ายเลยกว่าข้าจะได้ออกมาสักหน ไม่ต้องยุ่งง่วนอยู่กับสำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์”
สตรีชุดเหลืองยิ้มเจื่อน เอ่ยว่า “เจ้าสำนักกล่าวว่าจำเป็นต้องเชิญท่านไปเจ้าค่ะ”
“ไม่ไปก็คือไม่ไป”
ถูหลิงเอ๋อร์สะบัดพัด สายตาเหม่อมองออกไปยังขอบฟ้า ความคิดล่องลอยไป
สตรีชุดเหลืองกลุ้มใจนัก ไม่รู้ว่าควรเอ่ยโน้มน้าวอย่างไรดี ลำดับอาวุโสห่างชั้นกันมากโข ตบะก็ยิ่งห่างชั้นกันไกลลิบ ไม่อาจบังคับได้
ประมุขอาวุโสที่อยู่เบื้องหน้าท่านนี้คือศิษย์รุ่นแรกสุดของสำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์ ต้องไล่สืบสาวย้อนประวัติศาสตร์ในอดีตที่ยากจะประเมินยุคสมัยได้
สำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นหนึ่งในสำนักที่มีรากฐานเหนียวแน่นมั่นคงที่สุดในแดนเซียน ในสำนักปรากฏอริยะขึ้นมารุ่นสืบรุ่น ศิษย์ในสำนักกระจายตัวอยู่ทั่วฟ้าบุพกาล
จู่ๆ สตรีชุดเหลืองก็สังเกตเห็นเสี้ยวอารมณ์เศร้าหมองที่เจืออยู่ในแววตาของถูหลิงเอ๋อร์ ไม่ทราบว่านางคิดอะไรอยู่
“ประมุขอาวุโส ท่านกลับมายังสำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้ระยะหนึ่งแล้ว เหตุใดถึงเงียบงันใจลอยอยู่เสมอเล่าเจ้าคะ”
สตรีชุดเหลืองเอ่ยถามเสียงเบา คิดจะเลียบเคียงสอบถามถึงความประสงค์ของประมุขอาวุโสดู เพื่อเอ่ยโน้มน้าวในขั้นต่อไป
ถูหลิงเอ๋อร์เหลือบมองนางแวบหนึ่ง แววตายิ้มละไมที่มองมาทำให้จิตใจนางหวั่นวิตก ก้มหน้าลงไป
“ข้าน่ะหรือ กำลังคิดถึงคนผู้หนึ่งอยู่ คนผู้หนึ่งที่เจ้าไม่อาจทราบนามได้ด้วยซ้ำ” ถูหลิงเอ๋อร์เอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มมิเชิงยิ้ม
สตรีชุดเหลืองทรุดตัวคุกเข่าลงบนพื้น เอ่ยด้วยความหวาดหวั่น “ประมุขอาวุโส ข้ามิได้เจตนาสอบถามในเรื่องที่ไม่ควรถาม…ข้า…”
ถูหลิงเอ๋อร์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มิใช่ว่าไม่ควรถาม แต่นามของเขานั้น ทันทีที่เจ้าเอ่ยออกมาจะต้องเผชิญกับเหตุร้าย ประสบเคราะห์ในทันที อีกทั้งมิใช่เพราะฝีมือข้าด้วย”
สตรีชุดเหลืองหวาดหวั่นพรั่นพรึง น่ากลัวถึงเพียงนั้นเชียวหรือ
พอนึกถึงตบะของประมุขอาวุโสขึ้นมา นางพลันสั่นสะท้าน รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องล้อเล่นจริงๆ
ทันใดนั้นถูหลิงเอ๋อร์ก็ลุกขึ้นมา ยืดตัวเล็กน้อย เอ่ยยิ้มๆ ว่า “มีเรื่องครื้นเครงให้ได้ชมแล้ว เจ้าอยากไปชมหรือไม่”
สตรีชุดเหลืองถามด้วยความฉงน “เรื่องครื้นเครงใดหรือเจ้าคะ”
“มีผู้ทรงพลังจากฟ้าบุพกาลมาเยือนมรรคาสวรรค์เพื่อสนทนาธรรมที่ตำหนักเอกภพ อริยะให้โลกสามัญต่างไปเข้าร่วม”
“เจ้าคะ? ศิษย์ไหนเลยจะมีคุณสมบัติไปเยือนตำหนักเอกภพได้…”
“หากเจ้าขอร้องข้า ข้าก็จะพาเจ้าไป นี่เป็นวาสนาที่หมื่นปีก็ยากจะได้พบ เทียบกับภารกิจที่เจ้าสำนักมอบหมายแก่เจ้าแล้ว เจ้าน่าจะรู้ดีว่าทางใดมีประโยชน์ต่อเจ้ามากกว่า”
ถูหลิงเอ๋อร์เอ่ยเย้าด้วยรอยยิ้ม ยามอยู่ว่างยังคงชมชอบเย้าชนรุ่นหลังเล่นเป็นที่สุด
สตรีชุดเหลืองผงะไป จากนั้นกัดฟันเอ่ยว่า “เช่นนั้นโปรดให้ศิษย์ไปกับท่านด้วยเถิดเจ้าค่ะ!”
ถูหลิงเอ๋อร์ป้องปากหัวเราะ จากนั้นพลันโบกแขนเสื้อพาสตรีชุดเหลืองจากไป เลือนหายไปจากโลกดั่งสายลมพัดผ่าน
ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม
อาณาเขตเต๋าของเหล่าอริยะตั้งเรียงราย กระจายตัวอยู่เสมือนดาวฤกษ์ในห้วงอวกาศกว้างใหญ่มืดมน ต่างเปล่งแสงออกมา หลากหลายสารพัดรูปแบบ
ในหมู่อาณาเขตเต๋าของเหล่าอริยะ ตำหนักเอกภพใหญ่โตโอ่อ่าที่สุด เวลานี้มีอริยะคนแล้วคนเล่ามุ่งหน้าเข้ามาจากทิศทางที่ต่างกัน ต่างพาศิษย์มาด้วย มีการพูดคุยสนทนากันไประหว่างทาง ครึกครื้นอย่างยิ่ง
ถูหลิงเอ๋อร์พาสตรีชุดเหลืองเหาะเข้ามา มุ่งตรงไปยังตำหนักเอกภพ ระหว่างทางมีอริยะมากมายที่รู้จักนาง
หน้าประตูใหญ่ตำหนักเอกภพ มีอริยะหลายสิบคนยืนล้อมร่างหนึ่งอยู่ คนผู้นั้นสวมชุดสีม่วงหรูหรา สุขุมทรงภูมิ รูปโฉมหล่อหลาอย่างยิ่ง ยิ้มแย้มรับหน้าเหล่าอริยะ ดูงามสง่านัก
เมื่ออริยะชุดม่วงมองเห็นถูหลิงเอ๋อร์ก็เคลื่อนกายมาปรากฏเบื้องหน้านาง ประสานมือคำนับ เอ่ยยิ้มๆ ว่า “ปรมาจารย์ ท่านมาได้อย่างไรขอรับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...