ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 1146

สรุปบท บทที่ 1146 ความทะเยอทะยานของอวิชชา พลังที่ไม่รู้จัก: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

อ่านสรุป บทที่ 1146 ความทะเยอทะยานของอวิชชา พลังที่ไม่รู้จัก จาก ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet

บทที่ บทที่ 1146 ความทะเยอทะยานของอวิชชา พลังที่ไม่รู้จัก คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 1146 ความทะเยอทะยานของอวิชชา พลังที่ไม่รู้จัก

หมื่นปีผ่านไป

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น สอดส่องดูฉู่เสี่ยวชี

นับตั้งแต่คิดว่าจะให้ความสนใจกับฉู่เสี่ยวชี เขาก็ไม่กล้าปิดด่านนานเกินไปอีก กลัวว่าหากไม่จับตามองไว้ฉู่เสี่ยวชีจะตายตกไปได้

ในช่วงหมื่นปีมานี้ ฉู่เสี่ยวชีและเฉินเจวี๋ยโลดแล่นสร้างชื่อเสียงในแดนลับเชื่อมวิถีขึ้นมา กลายเป็นตัวตนในตำนานที่เผ่าเทพในแดนเซียนก่อนหน้านี้ต้องแหงนหน้ามองแล้ว

ในมุมมองของหานเจวี๋ย หมื่นปีก็เหมือนหนึ่งวัน สั้นยิ่งนัก แต่ในมุมมองเหล่าผู้บำเพ็ญ หมื่นปีคือหนึ่งยุคสมัยอันยาวนาน ผลัดเปลี่ยนมาหลายยุคแล้ว

มองจากปัจจุบันนี้ ฉู่เสี่ยวชีและเฉินเจวี๋ยตั้งตัวได้มั่นคงแล้ว เว้นแต่จะเผชิญเข้ากับตัวตนที่มีระดับทิ้งห่างจากพวกเขาเท่านั้น มิเช่นนั้นก็ยากจะตายตกดับสูญ ฉู่เสี่ยวชีมีหวงจุนเทียนหนุนหลัง ส่วนเฉินเจวี๋ยมีหานอวิ๋นจิ่นและหานหลิงหนุนหลังอยู่

หานเจวี๋ยยิ้มออกมา รู้สึกว่าตนโอ๋ลูกหลานเกินไปแล้ว

เขามองไปที่หานเหลียง เด็กคนนี้ฝึกบำเพ็ญอยู่ในอาณาเขตเต๋า ติดตามอยู่ข้างกายหานเจวี๋ยจนพิสูจน์อริยะเบิกฟ้าแล้ว

หานเหลียงคล้ายจะรับรู้ได้ถึงสายตาของหานเจวี๋ย อดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมา พอเห็นว่าหานเจวี๋ยกำลังยิ้มอยู่ เขาก็ถูสองมือแล้วหัวเราะฮิๆ “ท่านปู่ ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้ว จะยอมให้ข้าออกไปได้เมื่อไรขอรับ ข้าเป็นอริยะแล้ว แข็งแกร่งมากพอแล้ว!”

หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ “ยังไม่พอ นับแต่เจ้าถือกำเนิดขึ้นมาก็ถูกลิขิตไว้แล้วว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้ที่คนอื่นเคยเผชิญมา เข้าใจหรือไม่”

หานเหลียงเบะปาก “ข้ารู้ว่าในสำนักซ่อนเร้นและตระกูลหานเรามีคนเก่งกาจมากมาย อาจารย์ลุงหลงเฮ่าเคยบอกว่าไม่มีผู้ใดกล้ามาหาเรื่องพวกเราหรอกขอรับ!”

“อย่าไปฟังเขานักเลย เมื่อก่อนเขาก็เกือบสิ้นชีพอยู่ด้านนอกเช่นกัน”

หานเจวี๋ยแค่นเสียง เล่าประวัติของหลงเฮ่าในสมัยมหาเคราะห์ไร้สิ้นสุด ณ มรรคาสวรรค์ออกมา หานเหลียงฟังแล้วอุทานด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง

เขาไม่คิดเลยว่าหลงเฮ่าที่ดูอ่อนโยนถึงเพียงนั้นจะเคยหัวขบถปานนี้

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างมีนัยลุ่มลึก “นี่คือเส้นทางแห่งความล้มเหลวทางหนึ่ง เป็นแบบอย่างที่ไม่ควรทำตาม ปู่เคยคาดหวังในตัวเขามาก แต่ตอนนี้ปู่คาดหวังในตัวเจ้าที่สุด หานเหลียง เจ้าเกิดมาเป็นคนพิเศษ เป็นที่รักของคนมากมาย ต้นทุนของเจ้าสูงล้ำกว่าสรรพสิ่งอื่น เจ้าจะต้องสงบใจไว้ให้ได้ ฝึกบำเพ็ญมิใช่เพื่อตบะเท่านั้น ต้องฝึกฝนจิตใจด้วย”

หานเหลียงคล้ายจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ

ประสบการณ์เขายังน้อยเกินไป บางถ้อยคำฟังแล้วเหมือนจะเข้าใจ แต่หากจะให้ตระหนักถ่องแท้ยังคงยากนัก

“เช่นนั้นข้าจะได้ออกไปยามใดขอรับ” หานเหลียงถาม

“อย่างน้อยก็คงต้องเป็นอริยะมหามรรคกระมัง”

“อริยะมหามรรค…”

หานเหลียงมีสีหน้าขมขื่น อริยะมหามรรคเลยหรือ…

ดูเหมือนจะถูกกั้นขวางไว้เพียงชื่อระดับเท่านั้น แต่แท้จริงกลับไกลห่างกันลิบลับ หลังพิสูจน์มรรคแล้ว เขาตระหนักได้ว่าเพียงจะฝ่าขั้นเล็กสักขั้นก็ยากมากแล้ว

หานเจวี๋ยไม่สนใจเด็กคนนี้อีก เริ่มตรวจดูจดหมาย

เขาสามารถสอดส่องดินแดนเวิ้งว้างแห่งนี้ได้ แต่เขาเคยชินกับการตรวจดูจดหมายไปแล้ว นี่คืองานอดิเรกที่มีอยู่ไม่มากนักของเขา

หานเหลียงเซื่องซึมอยู่พักหนึ่งก็ฝึกบำเพ็ญต่อ

….

ณ อาณาเขตลับอันมืดมิดขนาดที่ว่ายื่นมือออกไปก็มองไม่เห็นห้านิ้ว

ศีรษะหัวหนึ่งที่แผ่แสงสว่างออกมาจางๆ กำลังลอยเคลื่อนไปด้านหน้า เป็นเจ้าอวิชชาฟ้าบุกาลนั่นเอง แปดเนตรบนใบหน้าของเขาทอดมองไปในทิศทางที่แตกต่างกัน

ไม่ทราบว่าลอยเคลื่อนที่อยู่นานเพียงใด ในที่สุดเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลก็หยุดลง

ด้านหน้ามีไข่ใบใหญ่มโหฬารสีแดงคล้ำใบหนึ่งอยู่ มีสิ่งที่ดูคล้ายเส้นเลือดนับไม้ถ้วนล้อมพัวพันบนพื้นผิว ดูสยดสยองน่าพรั่นพรึง

ภายในไข่มีเงาร่างที่ดูคล้ายมังกรตัวหนึ่งกำลังว่ายวนอยู่ รูปร่างเปลี่ยนแปลงไปเป็นระยะๆ แผ่กลิ่นอายเก่าแก่บรรพกาลออกมา

“ในที่สุดเจ้าก็มา…”

เสียงกังวานผันผวนแว่วออกมา

ณ โลกปฐมยุค

หลังจากยุคสมัยไร้สิ้นสุดเปิดฉากขึ้นมา ในที่สุดโลกปฐมยุคก็หยุดนิ่งลง โลกปฐมยุคที่ผสานโลกมหามรรคพิสุทธิ์เข้ามาแล้วกลายเป็นโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนเวิ้งว้าง

โลกปฐมยุคอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางของยุคสมัยไร้สิ้นสุดไกลโพ้นอย่างยิ่ง มีสรรพสิ่งที่ได้ติดต่อโลกปฐมยุคน้อยยิ่งนัก แต่ตำนานของโลกปฐมยุคกลับแพร่หลายไปในจุดศูนย์กลางของยุคสมัยไร้สิ้นสุด

ภายในโลกปฐมยุคเรียกได้ว่ามีสีสันอย่างยิ่ง เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป มีผู้แข็งแกร่งปรากฏขึ้นมากมาย

หานหลิงค้นพบโลกปฐมยุคผ่านแดนยมโลกมาเนิ่นนานแล้ว ซ้ำยังบ่มเพาะรากวิญญาณปฐมยุคไว้ด้วย นั่นก็คือหานจงหยวนแห่งสิบเทวดารา

หลังจากนั้น หานหลิงและหานอวิ๋นจิ่นร่วมมือกัน ส่งศิษย์จำนวนมากของวังจักรพรรดิมหาโชครวมถึงเชื้อสายตระกูลหานเข้าไปพัฒนาตนในโลกปฐมยุค พวกเขาพบว่าพลังวิญญาณในโลกปฐมยุคเหนือล้ำกว่าโลกใดๆ อีกทั้งมีกฎเกณฑ์สูงสุดถึงแปดสายด้วย

นี่คือโลกที่เลิศล้ำอย่างถึงที่สุดแน่นอน พวกเขาย่อมนึกถึงหานเจวี๋ยขึ้นมา นี่คือเหตุผลที่พวกเขากล้าไว้วางใจ

หานเจวี๋ยไม่ได้เผยโลกปฐมยุคออกไป พวกเขาก็ไม่ได้ถามเช่นกัน ล้วนรับรู้อยู่ในใจ

ขณะนี้มีมารตนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นในโลกปฐมยุค ทำให้โลกหลายร้อยล้านใบตกอยู่ในความโกลาหล มีแนวโน้มจะเกิดเป็นหายนะใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง

ภายในตำหนักหลังหนึ่ง

เงาร่างนับพันมาชุมนุมกันที่นี่ พวกเขาก็คือเทพมหามรรคที่ถือกำเนิดขึ้นในโลกปฐมยุค ตบะขั้นต่ำสุดอยู่ในระดับอริยะมหามรรค ในบรรดานั้นมีตัวตนอยู่เหนือกว่ามหามรรคไปแล้วสามสิบตน รากฐานระดับนี้แข็งแกร่งมากเพียงพอแล้ว

ผู้นำก็คือเทพมารชีวิต เป็นหนึ่งในไม่กี่ตัวตนที่หานเจวี๋ยชี้แนะให้ด้วยตัวเองและนับเป็นตัวตนสูงสุดแห่งโลกปฐมยุคแล้ว

เทพมารชีวิตกวาดตามองรอบหนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า “มารตนนี้ครอบครองพลังที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อน พวกเจ้ามีความเห็นประการใด”

เทพมารมหามรรคทั้งหมดเงียบงัน ไม่มีผู้ใดเปิดประเด็นขึ้นมา

มารร้ายตนนั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ มีเทพมารมหามรรคมากมายที่พ่ายแพ้กลับมาอย่างน่าอนาถ หากมิใช่เพราะมียอดมหามรรคหลายคนร่วมมือด้วยคงไม่อาจต่อกรได้เลย หลังจากสะกดข่มแล้วก็ยังไม่สามารถสังหารมารตนนี้ได้ เป็นอมตะอย่างแท้จริง ประเด็นสำคัญที่สุดคือในระหว่างที่ถูกสะกดไว้ มารตนนี้ยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ทำให้พวกเขารู้สึกอัดอั้นไม่สบายใจ

………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ