สรุปเนื้อหา บทที่ 1147 พื้นฐานคุณสมบัติ – ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet
บท บทที่ 1147 พื้นฐานคุณสมบัติ ของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
บทที่ 1147 พื้นฐานคุณสมบัติ
ภายในตำหนักใหญ่เงียบสงัด บรรยากาศกดดันอย่างยิ่ง เทพมารชีวิตขมวดคิ้วแน่น แววตาเปี่ยมความไม่พอใจ
“พลังของมารร้ายตนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เหตุใดท่านไม่ขอคำชี้แนะจากองค์เทพเล่า”
เทพมารมหามรรคตนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา พอเขาเปิดปากมาเช่นนี้ เทพมารมหามรรคที่เหลือก็พากันเอ่ยคล้อยตาม ดูเหมือนจะเปิดบทสนทนาขึ้นมาแล้ว ตำหนักใหญ่ตกอยู่ท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่จอแจในทันที
“ใช่แล้ว ในเมื่อพวกเราไม่รู้เช่นนั้นก็ต้องเรียนถามองค์เทพ”
“จอมเทพแห่งเผ่าเอกาก็ดูเหมือนจะสามารถติดต่อองค์เทพได้เช่นกัน”
“เผ่าเอกาน่ะหรือ ตัวไร้ประโยชน์ มารตนนี้เติบใหญ่ขึ้นมาภายใต้จมูกของพวกเขาด้วยซ้ำ”
“อย่าได้เอ่ยเช่นนี้ เทพมารมหามรรคและเผ่าเอกาต่างได้รับความเมตตาจากองค์เทพ สมควรกลมเกลียวกันไว้”
พอได้ยินความเห็นจากเทพมารมหามรรคเหล่านี้ หัวคิ้วของเทพมารชีวิตกลับไม่คลายตัวลงเลย
เขาคิดว่าคนพวกนี้ล้วนพูดจาไร้สาระ
หากไปหาได้ เขาคงไปหานานแล้ว!
ในเวลานี้เอง ชายชราคนหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “ข้ามีอยู่วิธีหนึ่ง ส่งมารตนนี้เข้าสู่สังสารวัฏ อาศัยการกลับชาติมาเกิดชะลอความก้าวหน้ารวมถึงเจตจำนงของเขาลง”
พอเขาเอ่ยประโยคนี้ออกมาก็ได้รับความเห็นชอบจากเทพมารมหามรรคส่วนใหญ่ในทันที
เทพมารชีวิตรู้สึกว่ามีเหตุผลจึงเห็นด้วยกับเรื่องนี้
เหล่าเทพมารมหามรรคทั้งหมดล้วนโล่งใจ อย่างน้อยก็มีวิธีอยู่ พวกเขาไม่อยากไปเผชิญหน้ากับมารร้ายตนนั้นแล้วจริงๆ
เคราะห์ภัยภายในโลกปฐมยุคไม่ได้กระตุ้นความสนใจของหานเจวี๋ยเลย กฎเกณฑ์เหนือธรรมชาติของเขาถือเป็นสัญญาณเตือนภัย หากปรากฏอันตรายที่คุกคามต่อโลกปฐมยุคจริงๆ กฎเกณฑ์เหนือธรรมชาติจะแจ้งเตือนเขาเอง
ยิ่งยุคสมัยไร้สิ้นสุดล่วงเลยผ่านยุคบุกเบิกมานานขึ้นเรื่อยๆ ความสงบสุขไม่มีทางคงอยู่ชั่วนิรันดร์ ความทะเยอทะยานของผู้ทรงพลังกลุ่มต่างๆ ก็เริ่มปรากฏขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะยอดมหามรรคระยะสมบูรณ์รุ่นอาวุโส ผ่านมาเนิ่นนานปานนี้ พวกเขาก็ยังไม่ค้นพบหนทางพิสูจน์ผู้สร้างมรรคาจึงเริ่มเกิดความคิดอื่นๆ ขึ้นมาแล้ว
กลุ่มอิทธิพลต่างๆ ที่มีเรื่องบาดหมางกันก็เริ่มเกิดการกระทบกระทั่งแล้ว มีความขัดแย้งปะทุขึ้น
ศึกแห่งโลกขนาดใหญ่เริ่มส่อเค้าขึ้นแล้ว
พริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งล้านปีแล้ว
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น สอดส่องดูฉู่เสี่ยวชีเป็นอันดับแรก
ระยะเวลาหนึ่งล้านปีเพียงพอให้ฉู่เสี่ยวชีเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เพียงพอให้เขาตั้งตัวเป็นเอกเทศได้
ขณะที่โลกขนาดใหญ่เริ่มก่อศึกกัน แดนลับเชื่อมวิถีก็ตกอยู่ในมรสุมเช่นกัน โลกขนาดเล็กของที่นี่มาจากกลุ่มอิทธิพลที่ต่างกันไป ถึงแม้จะรวมตัวอยู่ด้วยกัน แต่อำนาจควบคุมจากกลุ่มอิทธิพลดั้งเดิมยังคงแกร่งกล้านัก
ฉู่เสี่ยวชีและเฉินเจวี๋ยประสบอันตรายเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร ถึงแม้จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จในแดนลับเชื่อมวิถี สาเหตุสำคัญคือพวกเขาไม่มีกองกำลัง
หานเจวี๋ยถอนสายตากลับมา มองไปที่หานเหลียง
เด็กน้อยนั่งสมาธิอยู่เบื้องหน้าเขา กายเนื้อเป็นสีทองอร่าม ดูราวกับรูปปั้นทองคำ
ดูเหมือนว่าหานเหลียงจะเริ่มศึกษาลงลึกในกายเนื้อของตนแล้ว
คุณสมบัติสายเลือดของเขาไม่ด้อยไปกว่าเทพมารอนธการเลย เป็นสุดยอดสายเลือดชนิดใหม่ที่เพิ่งปรากฏขึ้นในยุคสมัยไร้สิ้นสุดเป็นครั้งแรก หานเจวี๋ยยังคงคาดหวังในตัวเขามากนัก
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “เข้ามาเถอะ”
หานเหลียงลืมตาขึ้น หันกลับไปมองเห็นหานหลิงเดินเข้าอารามมา แสงเทพทั่วร่างหดหายไปเผยใบหน้าจริง
หานเหลียงหัวเราะเอ่ยไปว่า “ป้าสี่ ไม่พบกันนานเลยขอรับ!”
หานหลิงยิ้มน้อยๆ ให้เขา จากนั้นเดินไปหยุดเบื้องหน้าหานเจวี๋ย คารวะอย่างนอบน้อม
หานเจวี๋ยทอดถอนใจอยู่ภายในใจ หลังจากออกไปหาประสบการณ์แล้วสองพ่อลูกก็ไม่ได้สนิทกันเช่นในกาลก่อนอีก คล้ายศิษย์กับอาจารย์มากกว่า
ไม่ใช่แค่หานหลิงเท่านั้น บุตรธิดารวมถึงเชื้อสายทั้งหมดที่ออกไปต่างเป็นเช่นนี้ ดังนั้นเมื่อหานเจวี๋ยอยากชุบเลี้ยงผู้ใดขึ้นมาจะไม่มีทางย่อมปล่อยให้คนผู้นั้นออกไปง่ายๆ ทันทีที่ออกไปแล้วก็ยากจะฟื้นฟูความสัมพันธ์กลับมาได้
หลังจากเหล่าลูกหลานออกไปท่องโลกภายนอกล้วนทราบดีว่าหานเจวี๋ยสูงส่งและแข็งแกร่งถึงเพียงใด ย่อมบังเกิดความยำเกรงขึ้นมาตามธรรมชาติ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเมื่อไม่ได้พบปะกันเป็นเวลานานเลย
หานเจวี๋ยมีบุตรธิดาห้าคน เชื้อสายนับไม่ถ้วน สำหรับเขาแล้วสายใยครอบครัวอาจจะไม่สำคัญก็ได้ อย่างน้อยเหล่าบุตรธิดาก็ล้วนคิดเช่นนี้
“ท่านพ่อ ที่มาในครานี้ ลูกมาด้วยเรื่องโลกปฐมยุคเจ้าค่ะ”
หานหลิงเอ่ยขึ้นมา หานเหลียงได้ฟังก็ฉงน
โลกปฐมยุคอันใด
ผู้สร้างมรรคา!
หานเหลียงมึนงงยิ่งกว่าเดิม นี่คือสิ่งใดอีกเล่า
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “สิ่งที่เจ้าต้องการคือเวลาเท่านั้น”
หานฮวง หานหลิงและหานเหลียงล้วนมีคุณสมบัติในการพิสูจน์ผู้สร้างมรรคา ต่างเพียบพร้อมด้วยมหาโชค กลับเป็นบุตรธิดาคนอื่นๆ ที่ยังด้อยกว่าอยู่มาก
หานหลิงเอ่ยถามต่อ “ท่านพ่อคิดเห็นเช่นไรกับมารร้ายตนนั้นเจ้าคะ”
หานเจวี๋ยตอบว่า “ไม่ใส่ใจ”
หานหลิงพยักหน้ารับ สองพ่อลูกคุยกันไปตามมารยาทอีกสองสามประโยค หานหลิงถึงได้ขอตัวลากลับ
พอนางจากไปแล้ว หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างสะท้อนใจ “ใจคนยากคะเน ใจอริยะยากหยั่งวัด”
หานเหลียงเกาหัว เอ่ยถามไป “หมายความว่าอย่างไรหรือขอรับ”
“ไม่มีอะไรหรอก ในอนาคตเจ้าจะเปลี่ยนไปหรือไม่”
“แน่อยู่แล้วขอรับ วันหน้าข้าจะเปลี่ยนเป็นคนที่เก่งกาจยิ่งขึ้น คิกๆ”
“เด็กโง่”
“คิกๆ”
หานเหลียงนึกว่าท่านปู่กำลังชมเขาอยู่จึงหัวเราะอย่างโง่งมกว่าเดิม
หานเจวี๋ยส่ายหน้า
เมื่อครู่เขามองเห็นความทะเยอทะยานของหานหลิงแล้ว หลังจากมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่สิ้นสุดลง หานหลิงรู้สึกว่ากองทหารจักรพรรดิของตนไม่แข็งแกร่งพอ นางบังเกิดความคิดอาจหาญอย่างหนึ่งขึ้น ซ้ำยังทำสำเร็จด้วย
นางเตรียมจะหล่อหลอมสิ่งมีชีวิตให้กลายเป็นกองทหารจักรพรรดิของนาง พลังเวทและคุณสมบัติของทหารจักรพรรดิก็จะเป็นประโยชน์ต่อนางด้วย
ตอนนี้นางหมายตามารร้ายแห่งโลกปฐมยุคเข้าแล้ว
………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...