บทที่ 1149 ไม่เคยมีโอกาส
ประตูตำหนักพ้นนิวรณ์เปิดออก ผู้ทรงพลังทยอยเหาะออกมา ผู้ทรงพลังเกือบครึ่งสำแดงพลังวิเศษออกมาโดยเร็ว มุดออกสู่นอกทะเลม่านเมฆ เหล่าผู้ทรงพลังที่เหลือเริ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันแล้ว
หานทั่ว หานฮวง หานหลิง หานชิงเอ๋อร์ หานเย่ หานเหยา หานป้าเสินและพวกอี๋เทียนรวมตัวกัน จากไปพร้อมกัน
อี๋เทียนเอ่ยยิ้มๆ ว่า “เหตุใดท่านเทพไม่มอบอำนาจศักดิ์สิทธิ์ดวงชะตามหามรรคให้พวกเจ้าตรงๆ กัน”
หานทั่วส่ายหน้ากล่าวไปว่า “ท่านพ่อเป็นเทพผู้สร้างแล้ว สรรพสิ่งเปรียบดั่งลูกหลานท่าน ไหนเลยจะมีจิตคิดลำเอียงได้”
คนอื่นๆ ก็พยักหน้าเห็นพ้อง
หลังจากบุกเบิกโลกมหามรรคขึ้นทุกคนต่างมีสรรพสิ่งในโลกของตน ทัศนคติของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ดังนั้นจึงพอจะเข้าใจความคิดของหานเจวี๋ย
หากเอนเอียงให้การสนับสนุนผู้สืบสายเลือดจริงๆ บุตรธิดามีอยู่มากมาย สมควรลำเอียงเข้าหาผู้ใดกันเล่า
พวกเขาเริ่มหารือกันว่าหานเจวี๋ยจะโยนอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคไปไว้ที่ใด
หลงเฮ่าพลันเอ่ยขึ้นว่า “หรือจะอยู่ที่มรรคาสวรรค์”
พอเขาเอ่ยมาเช่นนี้ ดวงตาของคนที่เหลือต่างเปล่งประกายขึ้นมา
อำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคสายนี้ไม่น่าจะอยู่ที่โลกปฐมยุค นอกจากโลกปฐมยุคก็มีเพียงมรรคาสวรรค์ที่เข้าข่ายที่สุด!
พวกเขาออกเดินทางทันที
….
ภายในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม หานเจวี๋ยกับสิงหงเสวียนคุยเล่นกันอยู่ภายในอารามเต๋า
“ถังหว่านหรือ สาวน้อยคนนั้นไม่เอ่ยถึงฉู่เสี่ยวชีมานานมากแล้ว”
สิงหงเสวียนส่ายหน้าพลางเอ่ย น้ำเสียงค่อนข้างเสียดาย
หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ “คนเขาอาจจะซ่อนเร้นไว้ในใจก็ได้ ปล่อยให้นางมีอิสระได้แล้ว”
สิงหงเสวียนแบสองมือออกกล่าวเพียงว่า “ร่างแยกของข้าให้อิสระนางตั้งนานแล้ว แต่นางไม่ยอมจากไป คิดจะฝึกบำเพ็ญอยู่กับร่างแยกของข้า”
ถังหว่านมิใช่ศิษย์สำนักซ่อนเร้น ย่อมไม่อาจเข้าสู่อาณาเขตเต๋าได้ ดังนั้นสิงหงเสวียนจึงสร้างร่างแยกของตนให้คอยดูแลสั่งสอนถังหว่าน การสั่งสอนนี้ดำเนินมานับล้านปีแล้ว
“เช่นนั้นก็ให้นางไปที่แดนลับเชื่อมวิถีเถอะ”
“ได้ ข้ายังคงชมชอบสาวน้อยคนนี้ยิ่ง หากนางประสบอันตรายใดขึ้น สามารถให้ร่างแยกของข้าออกโรงช่วยได้หรือไม่”
“แล้วแต่เจ้าเถิด เขาเคยผูกมัดควบคุมเจ้าด้วยหรือ”
“ข้านึกว่าท่านจะตั้งกฎบางอย่างเพื่อควบคุมไว้”
“ไม่จำเป็นเลย”
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เขาไม่เคยมีความประสงค์ใดๆ ต่อยุคสมัยไร้สิ้นสุดเลย ผู้สร้างกฎควบคุมคือมหาเทวาพ้นนิวรณ์ เขาก็สนุกกับที่เป็นเช่นนี้
มหาเทวาที่เคยกล่าวว่าหลุดพ้นจากทุกสิ่งไม่แปดเปื้อนบ่วงกรรมยามนี้กลายเป็นผู้ควบคุมกฎ มีอำนาจควบคุมสรรพสิ่ง แตกต่างกันลิบลับนัก
ทั้งสองคุยเรื่องของหานฮวงต่อ สิงหงเสวียนเอ่ยรำพัน “ระยะนี้เจ้าลูกคนนี้ดูเหมือนจะดีขึ้นแล้ว ออกท่องไปตามโลกต่างๆ สั่งสมบุญบารมีได้ไม่น้อยเลย มีแนวโน้มจะล้มล้างตำนานของท่านได้”
หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ ว่า “คนเรามักเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ บางคนก็เปลี่ยนไปในทางเลวร้าย ย่อมมีคนที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเช่นกัน ในความเป็นจริงทุกคนล้วนดีร้ายหมุนเวียนเปลี่ยนกันไป ได้แต่ตัดสินจากจุดยืนและแง่มุมหนึ่งเท่านั้น ฮวงเอ๋อร์เพียงละวางความทะนงตนลง ในอดีตเขามองสรรพสิ่งเป็นเช่นมดปลวก ตอนนี้ตระหนักรู้อย่างถ่องแท้แล้วว่าสายเลือดส่งผลกระทบต่อความห่างชั้นด้านการฝึกบำเพ็ญเท่านั้น แต่ในแง่ของพื้นฐานสิ่งมีชีวิตแล้วไม่ต่างกันเลย”
สิงหงเสวียนขบคิดตาม
นับตั้งแต่ได้รับพลังไร้พ่ายจากหานเจวี๋ย นางก็เคยหลงระเริงไปเช่นกัน แต่ทว่าเนื่องจากมิใช่พลังของตน นางจึงไม่ได้จองหองไร้ความกริ่งเกรง แต่นางยอมรับว่าในช่วงเวลานี้นางทะนงตัวมากจริงๆ
นางอดมองไปที่หานเจวี๋ยไม่ได้ แม้ว่าสามีคนนี้ของตนจะไร้พ่ายแล้วแต่ไม่ได้สร้างปัญหาแก่สรรพสิ่งเลย กลับยึดมั่นตามปณิธานเดิม แยกห่างจากโลกธุลีแดง
เมื่อคิดได้เช่นนี้ สิงหงเสวียนยิ่งเปี่ยมความคารพในตัวหานเจวี๋ย
สมกับเป็นบุรุษที่นางต้องตา
“ท่านพี่ ท่านมีความคิดจะหาคู่เพิ่มบ้างหรือไม่ ต้องการให้ข้าช่วยท่านหรือไม่” สิงหงเสวียนเอ่ยด้วยรอยยิ้มละไม
หานเจวี๋ยส่ายหน้าพลางหลุดหัวเราะออกมา “เจ้าไม่กลัวสูญเสียความโปรดปรานไปหรือ”
“ไม่กลัวหรอก อีกอย่างต่อให้ข้ากลัวไปก็ไม่มีประโยชน์ มิสู้เอาใจท่านต่อไปดีกว่า”
สิงหงเสวียนยักไหล่เอ่ย ท่าทีไม่ยี่หระ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...