บทที่ 1165 ฟ้าถล่มแล้ว
ช่วงชีวิตไม่กี่สิบปีแรกที่หรูเต้าหลงได้พบพบหานเจวี๋ยล้วนดำเนินไปอย่างราบรื่น เขาได้แต่งงานมีบุตร จากวัยหนุ่มเติบโตเป็นผู้ใหญ่ จากนั้นก็รับผิดชอบดูแลหมู่บ้านต่อ
เวลาผ่านนานไป จิตใจของหรูเต้าหลงเริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลง เนื่องจากหานเจวี๋ยไม่แก่ขึ้นเลย
เรื่องเล่าขานของหานเจวี๋ยที่ไม่ชราวัยลงเลยแพร่สะพัดออกไปในรัศมีหมื่นลี้ ดึงดูดให้มีเด็กๆ มากมายมากราบเป็นอาจารย์ หานเจวี๋ยก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ถ่ายทอดอะไรให้อย่างจริงจัง ทุกวันจะเอาแต่เดินเตร่เข้านอกออกในหมู่บ้านไปพร้อมกับเหล่าเด็กๆ
หรูเต้าหลงคิดจะไปขอร่ำเรียนเคล็ดบำเพ็ญเซียนกับหานเจวี๋ย แต่หานเจวี๋ยกลับทำตัวเลอะเลือนใส่ เมื่อเป็นเช่นนี้ด้วยมีภาระหน้าที่ในครอบครัวต้องแบกรับก็ทำให้หรูเต้าหลงลืมเลือนปณิธานแรกเริ่มไป
เวลาผ่านไปหกสิบปี เรี่ยวแรงเขาถดถอย ไม่ได้กระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวาเช่นในวัยหนุ่มแล้ว เมื่อจัดการเรื่องราวในตระกูลเสร็จ ช่วงเวลาส่วนใหญ่ล้วนนั่งเหม่อมองท้องฟ้า
ในวันนี้เอง
เขามาหาหานเจวี๋ยเพื่อคุยเล่นผ่อนคลายจิตใจ
หรูเต้าหลงในวัยชราเอ่ยอย่างสะท้อนใจ “ท่านปู่ เรื่องราวเหาะเหินดำดินเหล่านั้นที่ท่านเคยเล่าให้ข้าฟังในสมัยก่อน สามารถเล่าให้ข้าฟังอีกได้หรือไม่”
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนข้าจะอ่อนวัย แต่ความจริงข้าเองก็แก่ลงเหมือนกัน มีหลายเรื่องในอดีตที่จดจำไม่ได้แล้ว”
หรูเต้าหลงถอนหายใจ
“น่าเสียดายที่คุณสมบัติของข้าไม่โดดเด่นพอ มิเช่นนั้นในยามเยาว์คงออกไปเสาะแสวงฝึกยุทธ์ได้” หรูเต้าหลงกล่าวอย่างสะท้อนใจ น้ำเสียงพร่ำรำพัน คนแก่ล้วนชอบหวนระลึกถึงช่วงชีวิตในวัยเยาว์
หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เจ้าว่าท้องนภานี้สูงเพียงใด”
หรูเต้าหลงส่ายหน้าหลุดหัวเราะออกมา “ฟ้าครามถึงเพียงนี้ มนุษย์ธรรมดาอย่างข้าไหนเลยจะทราบว่าสูงเพียงใด”
หานเจวี๋ยยิ้ม
“แต่พอท่านกล่าวออกมาแล้วกลับทำให้ข้านึกสงสัยขึ้นมา สรุปแล้วนภานี้สูงเพียงใดกันแน่ คนมักจะกล่าวว่าฟ้าจะถล่มลงมา แต่ท้องนภานี้เคยถล่มลงมาเสียที่ไหน มีเพียงมนุษย์ที่ไม่รอดพ้นจากการเคี่ยวกรำของกาลเวลา โรยราสลายไป”
หรูเต้าหลงมองท้องฟ้า เริ่มเหม่อลอย
หานเจวี๋ยยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฟ้ากำลังจะถล่มลงมาแล้ว”
หรูเต้าหลงได้ฟังก็คิดว่าเอ่ยล้อเล่น ดังนั้นจึงไม่ได้ตอบสนอง
ผ่านไปไม่นานนัก จู่ๆ เขาก็มองเห็นจุดแสงดวงหนึ่งปรากฏขึ้น ณ ขอบฟ้า ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว วาดผ่านนภาเข้ามา ทำให้ทั้งโลกสิ้นสีสันไป เขาตกใจหลับตาลงตามสัญชาตญาณ
เขายังไม่ทันได้สติตอบสนองก็เกิดเสียงดังกัมปนาทสะเทือนแก้วหูแว่วเข้ามา
เขาพลันนึกถึงวาจาที่หานเจวี๋ยเอ่ยก่อนหน้านี้
ฟ้าถล่มลงมาแล้ว…
….
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน
หรูเต้าหลงตื่นขึ้นมา เขารู้สึกเจ็บรวดร้าวไปทั้งตัว หลังจากลืมตาขึ้นมา สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาคือท้องนภาแดงฉานฉีกขาด รอยแตกร้าวสีดำนับไม่ถ้วนดูคล้ายตะขาบเกาะอยู่ น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึง
ฝุ่นดินที่ฟุ้งเข้าตาทำให้เขาวิงเวียนตาลายกว่าเดิม
เกิดอะไรขึ้นกันแน่
หรูเต้าหลงยันตัวขึ้นมาอย่างยากลำบาก พบว่าพื้นที่หมู่บ้านโดยรอบกลายเป็นซากเละเทะไปหมด ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง เขามองเห็นศีรษะของเหล่าญาติสนิทมิตรสหาย ไม่มีศพใดครบสมบูรณ์เลย ฉากนี้ราวกับฝันร้าย สะเทือนใจเขาอย่างรุนแรง
ตึก! ตึก! ตึก…
ในหูเขาได้ยินเพียงเสียงหัวใจของเขาที่แว่วสะท้อนอยู่ เต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ หัวของเขาว่างเปล่าขาวโพลน รู้สึกเพียงว่าร่างกายร้อนลวกขึ้นมา!
เขาพลันมองเห็นว่าบนฟ้ามีเงาร่างสองสายกำลังต่อสู้กันอยู่ เป็นเงามนุษย์สองร่าง
เขาขยี้ตาแรงๆ เพื่อให้แน่ใจว่าตนไม่ได้ตาฝาดไป
เหตุใดมนุษย์ถึงลอยค้างอยู่บนนภาสูงปานนั้นได้
หรูเต้าหลงรู้สึกเหมือนอกกำลังจะระเบิดออกมา ความสิ้นหวัง โกรธเกรี้ยวและหวาดกลัวผสมปะปนกันไป ทำให้เขาตกอยู่ในความเลื่อนลอย ไม่รู้ว่าทำอย่างเช่นไรดี
เขาทนรับทุกสิ่งที่ตนมองเห็นไม่ไหว ในใจพลันเกิดความหวังอันริบหรี่ขึ้นมา
หรือทุกสิ่งนี้จะเป็นความฝัน
“เจ้าอยากรู้เรื่องเหาะเหินดำดินเหล่านั้นมิใช่หรือ มาอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว”
น้ำเสียงที่คุ้นหูแว่วเข้ามา หรูเต้าหลงหันไปมอง เห็นหานเจวี๋ยยืนอยู่บนเสาคานหลังคาต้นหนึ่งที่ปักอยู่ในซากอาคาร เงาร่างนั้นยืนตัวตรง เสื้อคลุมพัดกระพือ หรูเต้าหลงมองแล้วตกตะลึง เขาไม่เคยเห็นหานเจวี๋ยดูทรงอำนาจเช่นนี้มาก่อน
แสงอัสดงแดงฉาน ยืนตระหง่านเหนือโลกา ความงามสง่านั้นให้เขาตกตะลึง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...