บทที่ 1173 การประนีประนอมของตัวตนเหนือชั้น – ตอนที่ต้องอ่านของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
ตอนนี้ของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1173 การประนีประนอมของตัวตนเหนือชั้น จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 1173 การประนีประนอมของตัวตนเหนือชั้น
ณ ดินแดนเวิ้งว้าง
ห้าผู้สร้างมรรคามองลำแสงสีเข้มเบื้องหน้าที่เริ่มหดตัวลง ต่างรู้สึกโล่งใจ
แม้จะไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พลังที่ผสานอยู่ในลำแสงสีเข้มนั้นน่ากลัวมากจริงๆ เพียงพอจะทำลายทุกตัวตนในยุคสมัยไร้สิ้นสุดได้
เมื่อลำแสงสีเข้มสลายไป รอยปริแยกในส่วนนั้นของดินแดนเวิ้งว้างก็เริ่มหดสมานเช่นกัน ห้าผู้สร้างมรรคาสอดส่องสถานการณ์ด้านล่างดู แต่จิตศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ออกไปถูกกฎเกณฑ์พื้นฐานสะท้อนกลับ ทำให้พวกเขาสั่นสะท้านเซถอย
“เป็นอย่างที่คิด ยังมีพลังแฝงอยู่ในชั้นที่ลึกเข้าไปในดินแดนเวิ้งว้าง เป็นพลังที่ผู้สร้างมรรคาไม่สามารถสัมผัสได้ บางทีนี่อาจจะเป็นรางวัลสำหรับตัวตนที่ก้าวข้ามผู้สร้างมรรคาไปแล้ว เช่นนั้นผู้ที่สร้างความปั่นป่วนก่อนหน้านี้ก็มีเพียง…”
เจ้านวฟ้าบุพกาลพึมพำกับตัวเอง เขาไม่ได้เอ่ยวาจาใดออกมาอีก แต่ผู้สร้างมรรคาคนอื่นๆ ล้วนเข้าใจดี
เทพผู้สร้าง!
อีกด้านหนึ่ง
หานเจวี๋ยกลับมาถึงอาณาเขตเต๋าแห่งที่สามแล้ว ส่วนฉู่เสี่ยวชี เขาไม่ได้ส่งตัวกลับไป แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าควบคุมกายเนื้อของตน ไปเผชิญหน้ากับพวกจี้เซียนเสินทั้งสามด้วยตัวเอง
หานเจวี๋ยเคลื่อนย้ายเจ้านวฟ้าบุพกาลมาปรากฏเบื้องหน้าตน เอ่ยถามไป “หากว่าเจ้าเป็นจิตมารของเจ้า เจ้าจะติดต่อกับตัวตนใดบ้างเพื่อต่อสู้กับข้า”
เจ้านวฟ้าบุพกาลเอ่ยถาม “การต่อสู้ก่อนหน้านี้หรือว่า…”
“อืม เขาถูกข้าทำลายไปแล้ว”
หานเจวี๋ยเอ่ยเสียงเรียบ เขาไม่ใช่เทพผู้สร้างระยะแรกแล้ว ทำลายล้างผู้สร้างมรรคาได้ไม่ยากเลย แต่เขากลัวว่ายอดมารร้ายฟ้าบุพกาลจะทิ้งกลยุทธ์ใดไว้อีก
ตัดรากถอนโคนไปเลยจะดีที่สุด
เหตุผลที่เขาบอกกับฉู่เสี่ยวชีไปว่าตนไม่สามารถสังหารผู้สร้างมรรคาได้ เพียงเพราะอยากรักษาความน่าเกรงขามของผู้สร้างมรรคาเอาไว้ สร้างแรงกระตุ้นให้ฉู่เสี่ยวชีมุ่งมั่นพัฒนา
หากระดับห่างชั้นกันเกินไปก็ยากจะเกิดจิตฝักใฝ่ไล่ตามรอย
เจ้านวฟ้าบุพกาลตกตะลึงอยู่ภายในใจ กฎเหล็กในใจที่ว่าผู้สร้างมรรคาไม่มีทางถูกทำลายล้างได้พังทลายลง
เขาเอ่ยอย่างใช้ความคิด “นอกจากผู้สร้างมรรคาที่ทราบเรื่อง น่าจะไม่มีตัวตนใดให้ความช่วยเหลือเขาได้แล้ว ต่อให้มี ท่านก็สามารถทำนายถึงได้ขอรับ”
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พลังของเขาแข็งแกร่งมาก ทิ้งห่างจากผู้สร้างมรรคาไปแล้ว เจ้าน่าจะรับรู้ได้เช่นกัน”
เจ้านวฟ้าบุพกาลเอ่ยถามเสียงตึงเครียด “ความหมายของท่านคือ ยังมีพลังซึ่งไม่เป็นที่ประจักษ์หลบซ่อนอยู่หรือขอรับ”
“น่าจะมีอยู่ ก็เหมือนชายผมขาวที่พวกเราเคยคุยกันไปก่อนหน้านี้ นับจากนี้ไป เจ้าจงตรวจสอบดูจิตมารของเจ้าโดยเฉพาะ ดูว่าเขาได้รับพลังเหนือล้ำจากผู้สร้างมรรคามาได้อย่างไร เรื่องนี้ขอมอบหมายให้เจ้า”
หานเจวี๋ยเอ่ยสั่งการ เจ้านวฟ้าบุพกาลรับคำสั่งทันที
จากนั้นหานเจวี๋ยจึงส่งเจ้านวฟ้าบุพกาลออกไป
‘ยอดมารฟ้าบุพกาลทิ้งกลยุทธ์ที่จะเป็นภัยคุกคามข้าไว้หรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งหมื่นล้านล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ไม่มี]
หานเจวี๋ยถึงได้วางใจ ถึงแม้เทพผู้สร้างจะมองทะลุยุคสมัยไร้สิ้นสุดได้ แต่ก่อนหน้านี้ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลหลบซ่อนตัวอยู่นอกยุคสมัยไร้สิ้นสุด กบดานอยู่ด้านล่างของกฎเกณฑ์พื้นฐาน อาจจะมีพลังที่ยังไม่เป็นที่ประจักษ์ซุกซ่อนอยู่ในกฎเกณฑ์พื้นฐานอีก เขายังไม่สามารถส่องทะลุทั่วทั้งดินแดนเวิ้งว้างอย่างสมบูรณ์ได้
เขาสอดส่องดูห้วงเวลาต้นกำเนิด อนาคตเปลี่ยนไปแล้ว
ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลดับสูญ พวกจี้เซียนเสินทั้งสามเผชิญการโต้กลับจากฉู่เสี่ยวชีก่อนกำหนด ตัดเส้นทางสู่ผู้สร้างมรรคา บ่วงกรรมระหว่างพวกเขากับสามเทพมารอนธการสิ้นสุดลงเท่านี้
เนื่องจากเข้าไปข้องเกี่ยวกับพลังที่แกร่งกล้าจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นหานฮวงในอนาคตหรือว่าสวินเซิ่งจุนในอนาคต ล้วนไม่สามารถรับรู้ถึงชะตากรรมที่เปลี่ยนไปแล้วได้
‘ไม่มียอดมารร้ายฟ้าบุพกาลแล้ว เช่นนั้นชายผมขาวคนนั้นจะเป็นผู้ใดกัน’
หานเจวี๋ยฉงนอยู่ในใจ ใคร่ครวญอยู่สักพักก็ค่อยๆ หลับตาลง
….
จี้เซียนเสินและฟางเหลียงตระหนกอย่างยิ่ง
สภาพอารมณ์ของสวินเซิ่งจุนซับซ้อนนัก ชาติก่อนเขาเคยได้ประจักษ์ในความแข็งแกร่งของหานเจวี๋ยมาก่อน อีกทั้งชาตินี้เขาก็เลื่อมใสศรัทธาในตัวหานเจวี๋ยเป็นอย่างยิ่ง ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้หานเจวี๋ยไม่พอใจขึ้นมาแล้วเช่นนี้ทำให้เขาได้รับแรงกดดันมหาศาลอย่างยิ่ง
ฉู่เสี่ยวชีไม่ทราบว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ต้องการระบายเพลิงโทสะที่คั่งแค้นอยู่ในทรวงออกมา เขาชูมือขวาขึ้นสูง เอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะบ้าคลั่ง “เตรียมตัวรับความตายเสียเถอะ กำจัดพวกเจ้าทิ้งก่อน จากนั้นค่อยยึดครองแม่น้ำกาลเวลาสายนี้ของพวกเจ้า!”
พลังเวทน่าหวาดหวั่นระเบิดขึ้นมา หลั่งไหลออกมาจากฝ่ามือของเขา ควบรวมตัวเป็นตราประทับใหญ่ยักษ์ที่ลอยอยู่เหนือหัว ตราประทับนี้เป็นสีม่วง ดูคล้ายคลึงกับตราปฐมยุคประทับนภา
“ยอมแพ้เถอะ!”
จี้เซียนเสินเอ่ยเสียงเครียด แสงศักดิ์สิทธิ์แห่งกาลเวลาแผ่ออกมาจากรอบกาย ห่อหุ้มฟางเหลียงและสวินเซิ่งจุนไว้ ทั้งสามกลายเป็นแสงรุ้งสายหนึ่งมุดหายไปในแม่น้ำกาลเวลา
ฉู่เสี่ยวชีเพิ่งเลียนแบบพลังวิเศษของหานเจวี๋ยขึ้นเป็นครั้งแรก เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาควบคุมตราปฐมยุคประทับนภาของเขากดทับลงบนแม่น้ำกาลเวลา แม่น้ำกาลเวลาแตกแยกกระจัดกระจายในทันที ห้วงมิติรอบข้างเริ่มพังทลาย ถล่มพินาศลง
….
ภายในอาณาเขตลับ
มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญเอ่ยว่า “ทำเหมือนเรื่องเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้นเถอะ ไม่มีทางที่เทพผู้สร้างจะไม่สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อเขาไม่ได้เปิดโปงออกมา ก็แปลว่าให้โอกาสพวกเราอยู่”
เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลเอ่ยว่า “ข้าเองก็คิดเช่นนี้”
ถึงแม้จะไม่ได้เอ่ยออกมา แต่พวกเข้าล้วนรับรู้ได้ว่ายอดมารร้ายฟ้าบุพกาลสิ้นชีพไปแล้ว
ลำแสงสีเข้มนั้นต้องเป็นผลพวงจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลกับเทพผู้สร้างแน่นอน หากว่ายอดมารร้ายฟ้าบุพกาลได้รับชัยชนะ จะต้องมาหาพวกเขาแน่นอน แต่เขาไม่ได้ปรากฏตัวเลย พวกเขาถึงขั้นที่ไม่สามารถติดต่อยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลได้อีกต่อไป ผลลัพธ์ชัดเจนแล้ว
เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลกล่าวว่า “ยุคสมัยของพวกเราผ่านไปแล้ว ในอนาคตจะต้องมีผู้สร้างมรรคาปรากฏขึ้นอีกมากมายแน่ กระแสการห้ำหั่นแย่งชิงยากจะขัดขวางได้ พวกเราร่วมมือกันต่อไปเถอะ ช่วยดูแลต้นกล้าสักคน”
มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญตอบรับ “ได้ เทพมารอนธการและบรรพชนเต๋าต่างไม่ยอมรับการควบคุมจากพวกเรา พวกเราต้องช่วยกันผลักดันผู้สร้างมรรคาขึ้นมาสักคน”
เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลเอ่ยเสนอ “เลือกสนับสนุนเชื้อสายตระกูลหานสักคนดีหรือไม่”
………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...