สรุปเนื้อหา บทที่ 1174 ตัวตนที่ไม่อยากจะมีเรื่องด้วยที่สุด – ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet
บท บทที่ 1174 ตัวตนที่ไม่อยากจะมีเรื่องด้วยที่สุด ของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
บทที่ 1174 ตัวตนที่ไม่อยากจะมีเรื่องด้วยที่สุด
“จะเลือกผู้ใดเล่า คนที่เติบโตแล้วหรือว่าคนที่ยังไม่แสดงศักยภาพออกมา”
มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญเอ่ยถาม จิตใจของเขาเหนื่อยล้านัก คร้านจะคิดมากแล้ว ดังนั้นจึงให้เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลเป็นผู้ตัดสินใจ
เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลกล่าวว่า “ย่อมต้องเป็นคนที่เติบโตแล้ว พวกเราไม่มีเวลาให้คอยอีกต่อไปแล้ว ยิ่งชุบเลี้ยงผู้สร้างมรรคาขึ้นมาได้เร็วเท่าใดก็ยิ่งเป็นประโยชน์กับพวกเรามากเท่านั้น เลือกหานเหลียงแล้วกัน คุณสมบัติของเขาพิเศษอย่างยิ่ง บางทีการช่วยเกื้อหนุนเขาอาจจะเป็นโอกาสดีที่สุดสำหรับพวกเรา”
หานเหลียงหรือ
มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญพยักหน้านิดๆ เด็กคนนี้เคยถูกขนานนามให้เป็นยอดบุตรแห่งสวรรค์อันดับหนึ่งแห่งยุคสมัยไร้สิ้นสุด ซ้ำยังเคยติดตามฝึกบำเพ็ญอยู่ข้างกายเทพผู้สร้าง ต้องยอดเยี่ยมแน่นอน
สองผู้สร้างมรรคาไม่พูดมากอีก ต่างแยกย้ายกันไป
….
เนื่องด้วยการแทรกแซงของเจ้านวฟ้าบุพกาล เหล่ายอดมหามรรคจึงไม่ได้สอดส่องฉากต่อสู้ระหว่างหานเจวี๋ยและยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล แต่กลิ่นอายอันน่าหวาดกลัวนั้นกลับทำให้เหล่าผู้ทรงพลังจิตใจสั่นไหว พวกเขารู้สึกอยู่เสมอว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว
ชั่วขณะนั้น มีผู้ทรงพลังเริ่มปิดด่านเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พยายามจะแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว
ภายหลังเมื่อวันเวลาผ่านนานไป โลกมหามรรคที่เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้วเหล่านั้นเริ่มพัฒนาไปเร็วขึ้น ผู้ทรงพลังอาวุโสล่าถอยเก็บตัว เปิดโอกาสให้ชนรุ่นหลังได้แสดงพรสวรรค์ออกมา เมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป แม้แต่ผู้ทรงพลังอย่างหานฮวง จักรพรรดิ เทพมหาทัณฑ์ เหล่าจื่อ ผานกู่ เทวีตราวินัยและอู๋เซียงเทียนเซี่ยก็กลายเป็นตำนานเล่าขานยุคโบราณไปเช่นกัน
ยุคใหม่มาเยือนอีกคราแล้ว
สำหรับสรรพสิ่ง ร้อยล้านปียาวนานนัก แต่สำหรับเหล่าผู้ทรงพลัง เป็นเพียงฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น
สามร้อยล้านปีต่อมา
หานเจวี๋ยสิ้นสุดการปิดด่าน เดิมทีคิดจะปิดด่านรวดเดียวห้าร้อยล้านปี แต่หานเหลียงหลานชายของเขามารอเข้าพบอยู่
หานเหลียงเฝ้ารอมาหลายพันล้านปีแล้ว ในระหว่างนี้ได้เทศนาธรรมให้แก่ศิษย์ในอาณาเขตเต๋าไปด้วย อีกทั้งประลองกับศิษย์ร่วมสำนักในแบบจำลองการทดสอบ เติมเต็มชีวิตของเขาได้มากนัก
ร่างแยกของหานเจวี๋ยต่างมีภาระหน้าที่ของตัวเอง ปกติแล้วจะไม่ติดต่อกับเหล่าศิษย์และบุตรธิดา เรื่องการติดต่อพูดคุยจะขึ้นอยู่กับหานเจวี๋ยเอง ซึ่งก็มีน้อยครั้งนัก หาเวลาว่างออกไปเล่นสนุกบ้างก็ดี หากล้วนแบ่งภาระหน้าที่ออกไปเสียหมด พอเวลาผ่านนานไป อุปนิสัยของเขาจะเปลี่ยนเป็นเฉยเมยเย็นชา ส่วนคนที่มาขอเข้าพบเขาก็มาเพราะมีเป้าหมายกันทั้งสิ้น ยากนักที่เชื่อมปฏิสัมพันธ์ทางอารมณ์ได้อีก
ปัจจุบันนี้คนที่มาหาหานเจวี๋ย ล้วนเป็นคนที่เขาค่อนข้างใส่ใจทั้งสิ้น
เมื่อหานเหลียงได้รับถ่ายทอดเสียงจากหานเจวี๋ยก็เข้าสู่อารามเต๋าทันที
เขาคุกเข่าคารวะเบื้องหน้าหานเจวี๋ยอย่างนอบน้อม
ไม่ได้พบกันมาเป็นเวลานาน เด็กน้อยคนนี้เติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว มีบุคลิกท่าทางคล้ายหานฮวงอย่างยิ่ง อย่างน้อยๆ ก็ดูแข็งแกร่งกว่าหานอวิ๋นจิ่นพ่อของเขามากนัก
“ท่านปู่ ไม่ได้พบกันเสียนานเลยขอรับ หลานอกตัญญู ที่ผ่านมาไม่ได้มาเยี่ยมท่านเลย แต่ท่านก็ยุ่งอยู่กับการบำเพ็ญ หลานจะมาหาบ่อยๆ ก็คงไม่ดี”
หานเหลียงเงยหน้าขึ้นพลางเอ่ยยิ้มๆ คำว่าท่านปู่ทำให้สายสัมพันธ์ของทั้งสองใกล้ชิดกันขึ้นมา
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ก็จริง ครบห้าร้อยล้านปีมาสักครั้งกำลังดีแล้ว แต่ว่าเจ้าจากไปเกินห้าร้อยล้านปีแล้วนะ”
หานเหลียงกระอักกระอ่วนขึ้นมา เอ่ยไปว่า “นี่ก็เพราะหลานพากเพียรอยู่มิใช่หรือขอรับ คงไม่อาจทำให้ท่านขายหน้าได้กระมัง ตอนนี้ข้าบุกเบิกโลกมหามรรคของตัวเองขึ้นแล้ว ท่านปู่ ข้าจะเล่าให้ท่านฟังนะขอรับ โลกมหามรรคของข้าเลิศล้ำนัก สามารถดูดซับพลังกฎเกณฑ์ที่ไม่รู้จักของดินแดนเวิ้งว้างได้ เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกกับใครเลย บอกเพียงท่านเท่านั้น”
หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ร้ายกาจขนาดนี้เชียวหรือ”
เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
หานเหลียงคือเทพมารชนิดใหม่แห่งยุคสมัยไร้สิ้นสุด คุณสมบัติไม่ด้อยไปกว่าเทพมารอนธการเลย ได้รับการเกื้อหนุนจากกฎเกณฑ์พื้นฐานแห่งดินแดนเวิ้งว้าง เมื่อผสานเข้ากับความสามารถในการทำลายล้างทุกสิ่ง ภารกิจของเขาก็คือการกวาดล้างทำลายอุปสรรคในดินแดนเวิ้งว้าง แต่อุปนิสัยของหานเหลียงอ่อนโยนมีเมตตา เทียบกับการทำลายล้างแล้ว เขาชอบสรรค์สร้างมากกว่า
แต่ไม่ว่าจะสรรค์สร้างหรือทำลายล้างเดิมทีก็มีสองด้านอยู่แล้ว
ก็อย่างที่หานเหลียงบอกไว้ เขาสร้างโลกมหามรรคขึ้น ทว่าทำลายกฎเกณฑ์พื้นฐานของดินแดนเวิ้งว้างลงแล้ว
หานเหลียงคุยฟุ้งถึงเรื่องตนต่อไป การที่เขาเป็นเช่นนี้กลับทำให้ท่านเจวี๋ยพอใจนัก
อย่างน้อยเด็กคนนี้ก็รู้ความ ไม่ได้มาถึงก็ร้องของเขาทันที
หานเหลียงมาด้วยเรื่องใด หานเจวี๋ยมองแวบเดียวก็ทราบแล้ว
เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลและมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญล้วนให้ความช่วยเหลือเขา เขาต้องการสิ่งใด สองผู้สร้างมรรคาล้วนทุ่มเทสุดกำลังเพื่อเติมเต็มให้ นี่ก็คือเหตุผลที่โลกมหามรรคของเขาไม่ได้กระตุ้นความหวั่นเกรงของผู้ทรงพลังคนอื่นๆ ขึ้นมา เนื่องจากมีสองผู้สร้างมรรคาให้การปกป้องอยู่ อีกทั้งมีบรรพชนเป็นเทพผู้สร้างที่เป็นตัวตนสูงสุดอีกด้วย
หานเจวี๋ยยิ้มละไมเอ่ยถามไป “เอาจริงหรือ”
“จริงสิขอรับ! ข้าอยากรู้ว่าข้ายังห่างชั้นจากท่านปู่อีกมากเพียงใด! ท่านคือผู้สร้างมรรคาที่แข็งแกร่งที่สุดนี่นา!”
เด็กโง่ ปู่ไม่ใช่ผู้สร้างมรรคาแล้ว
หานเจวี๋ยดึงตัวหานเหลียงเข้าสู่แบบจำลองการทดสอบทันที
ผ่านไปหนึ่งลมหายใจ หานเหลียงนั่งตัวแข็งอยู่บนพื้น อ้าปากหอบหายใจ เหงื่อเย็นเฉียบไหลซึม เส้นเลือดฝอยแดงก่ำขึ้นทั่วดวงตา สายตาที่เขามองหานเจวี๋ยเปี่ยมด้วยความเกรงกลัว
“รู้แล้วกระมังว่าห่างชั้นอีกเพียงใด” หานเจวี๋ยถามยิ้มๆ
หานเหลียงยังตกใจดึงสติกลับมาไม่ได้ จึงไม่อาจเอ่ยตอบได้
เขาไม่ทราบจริงๆ ว่าห่างชั้นกันมากขนาดไหน เนื่องจากเขาสู้ไม่ได้เลย เขายังไม่เคยรู้สึกถึงแรงกดดันที่น่าหวาดกลัวถึงขนาดนี้มาก่อน ยังไม่ทันได้ลงมือด้วยซ้ำ แค่เผชิญหน้ากับหานเจวี๋ยอย่างจริงจัง เขาก็นึกเสียใจขึ้นมาแล้ว
ความทรงอำนาจเช่นนั้น…
แค่คิดหานเหลียงก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมา
หานเจวี๋ยโบกมือเล็กน้อย สื่อว่าให้เขาถอยออกไปได้แล้ว
หานเหลียงจากไปทันที ลืมแม้แต่จะทำความเคารพ เห็นได้ชัดว่าเขาหวาดกลัวมาก
หานเจวี๋ยยิ้มมุมปาก หัวเราะแล้วเอ่ยว่า “คนที่กล้าท้าทายข้ามีอยู่ไม่มาก หลานชายคนดี วันหลังมาอีกนะ”
เขาก็อยากแสดงพลังที่แท้จริงของตนให้เหล่าทายาทเชื้อสายของตนได้ประจักษ์เช่นกัน น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาส เชื้อสายคนอื่นๆ ไม่กล้ามาท้าทายเขา
พอได้ขู่ขวัญหานเหลียงไปเล็กน้อย หานเจวี๋นพลันรู้สึกเบิกบานขึ้นมา รู้สึกว่าทั่วยุคสมัยไร้สิ้นสุดดูมีชีวิตชีวาน่าเอ็นดูขึ้นมา
………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...