บทที่ 137 ซูฉีกลับมา เสี้ยววิญญาณของประมุขมาร
หานเจวี๋ยพูดคุยสัพเพเหระกับนักพรตเต๋าจิ่วติ่งไปพลาง พร้อมทั้งเปิดดูค่าความสัมพันธ์ค้นหาตี้หงเย่ไปด้วย
เพียงไม่นานเขาก็พบภาพประจำตัวของตี้หงเย่
ดูจากภาพประจำตัวแล้ว นี่เป็นสตรีที่ร่ำรวยและงดงามผู้หนึ่ง
[ตี้หงเย่: ไม่ทราบตบะ มาจากเผ่าเทพอีกาทอง เคยกำเนิดอีกาทองให้กับสามีเจ็ดตัว เนื่องด้วยอีกาทองน้องเล็กสุดสองตัวมีสติปัญญาที่อ่อนด้อยเกินไปจึงถูกขับไล่ออกจากเผ่าเทพอีกาทอง ตี้หงเย่เป็นห่วงมาโดยตลอด เห็นว่าท่านรับอีกาทองน้อยสองตัวไว้ จึงเกิดความประทับใจในตัวท่าน หากท่านสังหารอีกาทองน้อยสองตัวนี้ จะได้รับความเกลียดชังจากตี้หงเย่ ไม่ตายไม่เลิกรา ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 3 ดาว]
‘อ้อ ที่แท้ก็เป็นมารดาของอีกาทองนี่เอง’
หานเจวี๋ยลอบดีใจ โชคดีที่เขาไม่ได้สังหารอีกาทองทั้งสองตัวนี้ ไม่อย่างนั้นคงตายเป็นแน่แท้
นี่เป็นครั้งแรกที่มีการดำรงอยู่อันน่าสะพรึงกลัวของตบะที่ระบบไม่อาจวินิจฉัยได้!
จะว่าไปแล้ว ให้กำเนิดอีกาทองเจ็ดตัว เกิดได้เกิดดีเสียจริง!
เมื่อพูดคุยกันสักพัก นักพรตเต๋าจิ่วติ่งถึงจากไป
เซียนซีเสวียนกับสิงหงเสวียนก็ไม่ได้รั้งอยู่นานนัก
อู้เต้าเจี้ยนถามขึ้นด้วยความสงสัยอย่างอดไม่ได้ว่า “นายท่าน ท่านเป็นผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งสุดในใต้หล้าแล้วหรือ”
จากคำบอกเล่าของนักพรตเต๋าจิ่วติ่งก่อนหน้านี้ นางเข้าใจได้ในทันทีว่า การชี้นิ้วของหานเจวี๋ยในปีนั้นไม่ใช่เพียงการแสดงให้พวกเขาเห็นว่าสิ่งใดคือมหายาน
“เป็นไปไม่ได้ นั่นอาจเป็นเพราะว่าความรอบรู้ของพวกเขาตื้นเขิน ข้าสัมผัสได้ว่าผู้บำเพ็ญระดับมหายานในใต้หล้ามีจำนวนนับหมื่นเป็นอย่างน้อย มีคนจำนวนไม่น้อยที่แข็งแกร่งกว่าข้ามาก เพียงแค่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับทางโลก” หานเจวี๋ยพยักหน้าเอ่ย
อู้เต้าเจี้ยนขมวดคิ้ว
นางรับรู้ได้ถึงความกดดันอีกครั้ง
ยังคงต้องขยันฝึกฝน ไม่อาจชะล่าใจได้ มิเช่นนั้นหากวันใดนายท่านทิ้งนางไป นางคงไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
……
หลังจากพวกนักพรตเต๋าจิ่วติ่งกลับมาแล้ว สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ก็เริ่มปล่อยภารกิจของสำนักจำนวนมาก ไม่ได้จำกัดแค่ในต้าเยี่ยนอีกต่อไป บรรดาศิษย์สามารถออกไปรับภารกิจนอกดินแดนต้าเยี่ยนได้อย่างอิสระ
ในที่สุดหานเจวี๋ยก็มีเวลาในการฝึกฝนตามอุดมคติของตน
แม้จะนับว่าไร้คู่ต่อกรในใต้หล้า แต่เขาก็ไม่ได้ชะล่าใจแต่อย่างใด ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการบำเพ็ญเพียร ที่แตกต่างจากเมื่อก่อนก็คือ เขาจะเจียดเวลามาชี้แนะผู้คนรอบข้างอยู่บ้าง
คนที่เขาดูแลมากที่สุดคือสิงหงเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ สตรีทั้งสองล้วนไม่ใช่ผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด คุณสมบัติก็ไม่นับว่าเลิศล้ำแต่อย่างใด หากอยากจะบำเพ็ญให้ถึงระดับฝ่าด่านเคราะห์ กล่าวตามตรงว่ายากยิ่งนัก แทบจะไม่มีทางเป็นไปได้
นอกเสียจากจะมีโอกาสวาสนาได้เกิดใหม่
แม้หานเจวี๋ยจะอยู่ในระดับมหายาน แต่เขาก็ไม่ได้มีความสามารถในการฝืนลิขิตฟ้าพลิกดวงชะตา ไม่อย่างนั้นอัตราการสำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ของมนุษย์คงจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
หากสิงหงเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์สิ้นอายุขัย ในความคิดของหานเจวี๋ยนั้นก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี หากการเกิดใหม่ในภพหน้าได้คุณสมบัติที่ดีมา การฝึกบำเพ็ญก็จะได้ผลลัพธ์เป็นสองเท่าโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว
การกลับชาติมาเกิดสามารถเปลี่ยนวิญญาณของบุคคลได้อย่างง่ายดาย สาเหตุหลักนั้นมาจากประสบการณ์ที่แตกต่างกัน ทำให้ความทรงจำแตกต่างกัน
หากหานเจวี๋ยช่วยพวกนางเปิดความทรงจำในชาติก่อนในขณะที่พวกนางเพิ่งกลับชาติมาเกิด พวกนางก็จะไม่มีทางกลายเป็นคนอีกคน
แน่นอนว่านี่เป็นแค่แบบแผนที่หานเจวี๋ยเตรียมการเอาไว้ ยามนี้สิงหงเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์จะต้องไม่ยอมตายอย่างแน่นอน
สิ่งที่หานเจวี๋ยสามารถทำได้ก็คือ ช่วยพวกนางบำเพ็ญเพียรอย่างสุดความสามารถ
……
เจ็ดปีต่อมา
เป็นอีกครั้งที่สิงหงเสวียนออกไปแสวงหาโอกาสวาสนาอย่างอดไม่ได้ ครั้งนี้ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ก็ติดตามไปด้วย ทั้งสองนางอยู่ด้วยกันก็นับว่าได้ดูแลกันด้วย
ตั้งแต่ที่สิงหงเสวียนกลับมา ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ก็มักจะไปเยี่ยมเยียนนางโดยตลอด ความสัมพันธ์ของสตรีทั้งสองเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ตอนนี้ดูราวกับเป็นสหายสนิท ทำให้หานเจวี๋ยยากที่จะเข้าใจ
บางทีอาจจะเป็นอู้เต้าเจี้ยนและเซียนซีเสวียนที่กระตุ้นพวกนางเข้า
เมื่อสิงหงเสวียนรู้ว่าเซียนซีเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์มีหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ นางก็ยิ่งเข้าใจมากกว่าเดิม
วันนี้
ซูฉีและสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นกลับมาแล้ว
หานเจวี๋ยตกใจแทบตาย
เขารีบร้อนเรียกซูฉีเข้าไปในถ้ำเทวาฟ้าประทาน ส่วนสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นนั้นเขาคร้านที่จะสนใจ
สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นที่ถูกรายล้อมไปด้วยผู้คน เริ่มร้องไห้คร่ำครวญเป็นการใหญ่ มันลำบากเป็นอย่างมาก!
ตั้งแต่ไปจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียน ก็ได้รับความทุกข์ทรมานไม่หยุดหย่อน
หยางเทียนตงแสดงสีหน้าปลอบใจ แต่ในใจกลับรู้สึกยินดีกับความโชคร้ายของมัน
‘สุนัขเน่า!
สมควรแล้ว!’
สวินฉางอันรู้สึกประหลาดใจในตัวสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นและซูฉีเป็นอย่างมาก อีกทั้งช่วงนี้มู่หรงฉี่ก็ออกไปข้างนอกไม่ได้อยู่บนเขา
“มาเถอะ ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ ให้ปู่ไก่ได้ดูความสามารถของเจ้า!” ไก่คุกรัตติกาลพูดขึ้นอย่างอวดดี
มาแล้ว!
ในที่สุดก็มาแล้ว!
แม้แต่ในความฝันมันก็ยังอยากจะสั่งสอนสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้น!
สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นไม่ได้โง่ มันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของไก่คุกรัตติกาลที่แข็งแกร่งกว่ามันมาก
มันหันหน้าไปมองอีกาเพลิงสองตัวที่อยู่บนต้นฝูซัง ก่อนเอ่ยถามด้วยความสงสัย “นั่นคือสิ่งใด ลูกของเจ้าหรือ”
หลังจากอีกาทองน้อยดับเปลวเพลิงสุริยะแท้แล้ว ก็ไม่มีลักษณะที่ทรงพลังเลยแม้แต่น้อย ประกอบกับขอบเขตพลังที่สูงกว่าสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นมาก ทำให้สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นมองไม่เห็นตบะของพวกมัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...