แม้ว่าผู้เฒ่าเถี่ยจะคุ้มดีคุ้มร้าย แต่เฒ่าหวางก็ติดตามรับใช้เขามานานถึงสิบปี ย่อมหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับผู้เฒ่าเถี่ย
ผู้บำเพ็ญหญิงคนนั้นส่ายหน้ากล่าว ”ไม่นานมานี้มีผู้บำเพ็ญสายมารแทรกซึมเข้ามาในสำนักหยกพิสุทธิ์ สำนักฝ่ายนอกส่งพวกข้าสองคนมาคอยคุ้มกันเป็นพิเศษ ทุกคนอย่าได้เป็นกังวลไป”
เมื่อเฒ่าหวางได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เขาประสานมือบอกลาแล้วจึงเดินจากไป
ผู้บำเพ็ญทั้งสองต่างแยกกันไปนั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญอยู่ใต้ร่มไม้ตรงสองฝั่งประตูใหญ่ของสวนสมุนไพร
เมื่อพวกเขาเริ่มกำหนดลมหายใจ ก็มีพายุหมุนที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าปรากฏขึ้นรอบๆ ตัวพวกเขา
‘นั่นคงจะเป็นพลังวิญญาณสินะ’
หานเจวี๋ยครุ่นคิดเงียบๆ จากนั้นรดน้ำต่อไป
…
วันต่อมา
หานเจวี๋ยเริ่มสุ่มลูกเต๋าอีกครั้ง
[คุณสมบัติรากวิญญาณ: ไร้การเปลี่ยนแปลง]
หานเจวี๋ยกลอกตามองบน
แต่เขาไม่แปลกใจแต่อย่างใด และเขาก็ไม่ได้ลนลานเช่นกัน ถึงอย่างไรเขาก็ได้ดวงชะตาแต่กำเนิดระดับสูงทั้งสี่อย่างมาครอบครองแล้ว ส่วนคุณสมบัติรากวิญญาณก็ค่อยๆ สุ่มต่อไปได้
หลังจากผู้บำเพ็ญทั้งสองเข้ามาอยู่ในสวนสมุนไพร ชีวิตของพวกข้ารับใช้ก็ไม่ได้เปลี่ยนไป
ชีวิตที่แสนน่าเบื่อยังคงดำเนินต่อไป
นอกจากทำงานแล้ว ในทุกๆ วันหานเจวี๋ยจะใช้เวลาไปกับการฝึกฝนร่างกายและสุ่มลูกเต๋า
วันที่สาม
สุ่มลูกเต๋าอีกครั้ง!
[คุณสมบัติรากวิญญาณ: ไร้การเปลี่ยนแปลง]
‘ได้! หาเรื่องข้าอย่างนั้นสินะ!’
หานเจวี๋ยก่นด่าในใจ
วันที่สี่
[คุณสมบัติรากวิญญาณ: รากวิญญาณไม่ปรากฏชัด ฝึกฝนระดับสร้างฐานสำเร็จได้ยาก]
อืม สมกับเป็นมนุษย์ที่บำเพ็ญเซียน
หานเจวี๋ยส่ายหน้า
เขายังต้องการสุ่มเช่นนี้ต่อไป จะไม่ยอมเป็นมนุษย์ผู้บำเพ็ญเซียนเด็ดขาด
เช่นนี้เอง หานเจวี๋ยจึงฝึกฝนร่างกายและสุ่มลูกเต๋าทุกวัน
ส่วนใหญ่มักจะได้คุณสมบัติรากวิญญาณที่ไม่ปรากฏชัด
เขาไม่ถอดใจ เชื่อว่าจะต้องมีสักวันที่สุ่มได้คุณสมบัติรากวิญญาณระดับพลิกฟ้า
บำเพ็ญเซียนช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร
ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีศัตรูเสียหน่อย
…
สองปีต่อมา
ผู้เฒ่าเถี่ยกลับมาแล้ว ผู้บำเพ็ญทั้งสองจึงคารวะขอตัวกลับไป
เหล่าข้ารับใช้ต่างมารวมตัวกันคุกเข่าคารวะผู้เฒ่าเถี่ย
ผู้เฒ่าเถี่ยสวมชุดคลุมยาวสีดำ แขวนน้ำเต้าไว้ข้างเอวฝั่งละใบ เส้นผมสีดำแซมขาว ใบหน้าเคร่งเครียด ทำให้มีภาพจำว่าเป็นคนอารมณ์ร้าย
“ไม่เลวทีเดียว ไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่นิด”
ผู้เฒ่าเถี่ยมองไปรอบๆ ก่อนยกยิ้มกล่าวอย่างพึงพอใจ
พวกข้ารับใช้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทั้งหมดเผยรอยยิ้มบนใบหน้า
ผู้เฒ่าเถี่ยมองไปทางหานเจวี๋ยรวมถึงคนรุ่นเยาว์คนอื่นข้างๆ เขา
“พวกเจ้าทั้งสี่คนตามข้ามา”
ผู้เฒ่าเถี่ยชี้เรียก จากนั้นเดินไปยังหอของตัวเอง
หานเจวี๋ยเป็นหนึ่งในบรรดาสี่คนนี้
พวกเขารีบเดินตามผู้เฒ่าเถี่ยไป
‘หรือว่าจะจัดแจงให้พวกเรารับผิดชอบพื้นที่ในสวนสมุนไพร’ หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ ในใจ
ทันใดนั้นหานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าแขนขวาใต้แขนเสื้อของผู้เฒ่าเถี่ยมีเลือดหยดลงมา
หานเจวี๋ยอกสั่นขวัญแขวนทันที
หรือว่าผู้เฒ่าเถี่ยจะได้รับบาดเจ็บ จึงจะจับพวกเขาไปหลอมทำหุ่นเชิดหรือไม่ก็ทำเป็นโอสถ
ในชาติก่อนหานเจวี๋ยเคยอ่านพวกนิยายบำเพ็ญเซียนมาไม่น้อย ประโยคหนึ่งที่เขาจำได้ชัดเจนที่สุดคือ ‘คนอื่นตายช่างปะไร ตัวข้าต้องรอดชีวิต’
สำหรับผู้บำเพ็ญแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตของตัวเอง
หานเจวี๋ยยิ่งคิดยิ่งตื่นตระหนก แต่เขาก็ไม่กล้าหนีอีกเช่นกัน ทำได้เพียงพยายามสงบอารมณ์ไว้
หลังจากเข้าไปในห้อง ข้ารับใช้รุ่นเยาว์คนหนึ่งก็ปิดประตู
ผู้เฒ่าเถี่ยนั่งลงบนตำแหน่งประธาน พินิจพิเคราะห์พวกหานเจวี๋ยทั้งสี่คน
“พวกเจ้าทั้งหลายยื่นมือออกมา” ผู้เฒ่าเถี่ยออกคำสั่ง
หานเจวี๋ยและคนอื่นๆ พากันยื่นมือขวาออกมา
ผู้เฒ่าเถี่ยลูบคลำมือของแต่ละคน
หานเจวี๋ยแทบจะขนลุกซู่ขึ้นมาแล้ว
“มีเพียงเจ้าที่มีรากวิญญาณ คนอื่นกลับออกไปเถอะ”
ผู้เฒ่าเถี่ยกล่าวกับเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง
หานเจวี๋ยถอนหายใจโล่งอก
เช้าวันนี้เขาสุ่มคุณสมบัติรากวิญญาณ เมื่อวานยังได้รับคุณสมบัติรากวิญญาณสี่สายมา แต่วันนี้กลับสุ่มไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว
ไม่นึกว่าความโชคร้ายจะกลับกลายเป็นความโชคดีไปเสียได้
หานเจวี๋ยมองหนุ่มร่างสูงด้วยความเห็นใจ
จางเกอ[1] เด็กหนุ่มหัวโจกไฟแรงผู้โปรดปรานนกพิราบ
เด็กหนุ่มที่เหลืออีกสองคนมองจางเกอด้วยความอิจฉา
จางเกอทั้งคาดหวังและกระวนกระวายไปพร้อมๆ กัน
ผู้เฒ่าเถี่ยไม่อนุญาตให้ข้ารับใช้ฝึกบำเพ็ญ แต่นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาตรวจสอบรากวิญญาณของข้ารับใช้
หลังออกมาจากหอแล้ว หานเจวี๋ยไม่สนใจจะพูดคุยกับเด็กหนุ่มอีกสองคน แต่กลับไปทำงานของตนเองต่อ
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จางเกอก็ไม่ได้กลับมาทำงานอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...