ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 20

บทที่ 20 กำราบผู้อาวุโสสูงสุด!
สมบัติวิญญาณ?

ดวงตาของหานเจวี๋ยเป็นประกายขึ้นมา

ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินมาว่าสมบัติวิญญาณแข็งแกร่งกว่าอาวุธเวทมาก

‘ทุกครั้งจะต้องมีตัวเลือกที่ไม่ทำตัวโดดเด่น ดูท่าคงเกี่ยวกับเส้นทางการพัฒนาที่เราเลือกไว้ในตอนแรก’

หานเจวี๋ยคิดในใจเงียบๆ

ตอนที่เริ่มต้นเกมวิถีแห่งชีวิต เขาเลือกข้อฝึกฝนอย่างสงบ ทั้งยังเปิดความสามารถซ่อนระดับตบะด้วย

‘ดีมาก

ข้าชอบแบบนี้แหละ!

แสร้งเป็นหมูเพื่อหลอกเสือกิน!

ไม่ใช่สิ!

อยู่ไปวันๆ จนกว่าใต้หล้าจะไร้คู่ต่อกรต่างหาก!’

หานเจวี๋ยคิดอย่างชื่นมื่น

เขาจะเป็นพระกวาดพื้น[1]ของสำนักหยกพิสุทธิ์

หานเจวี๋ยไม่อาจเลือกตัวเลือกที่สองเลยทันที ต้องรอการทดสอบของสำนักฝ่ายในสิ้นสุดลงก่อนค่อยพิจารณาชี้ขาด

เขาปลุกจิตใจให้ฮึกเหิม และเพิ่มความเร็วบินไปทางยอดเขาฟ้าสังหาร

……

ณ ยอดเขาฟ้าสังหาร

ศิษย์หลายสิบคนล้อมอยู่รอบลานประลองเวท โม่ฟู่โฉวและโม่จู๋ก็มาแล้ว

ทั้งสองมองไปบนลานประลองด้วยสีหน้าแปลกประหลาด

หานเจวี๋ยกับคู่ต่อสู้กำลังประมือกัน เขาป้องกันและหลบหลีกเกือบตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่าตกเป็นเบี้ยล่าง

คู่ต่อสู้เป็นศิษย์จากยอดเขาฟ้าสังหาร ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งฮึกเหิม

‘รอบแรกก็เจอกับศิษย์ที่อ่อนแอเช่นนี้ วิเศษไปเลย!’

ศิษย์ยอดเขาฟ้าสังหารคิดในใจ เขาใช้พลังวิญญาณในร่างอย่างคล่องแคล่ว ขณะที่ประลองยังคงรักษาความสง่างามเอาไว้ได้

หานเจวี๋ยเจ็บปวดใจจนยากจะพูดออกมา

มาเจอกับสภาพเช่นนี้ ช่างเหนื่อยเสียจริงๆ

เขาใช้วิชาย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้นหลบหลีกอยู่ตลอด แต่ยังต้องพยายามแสดงให้คนอื่นเห็นด้วยว่าท่าร่างของเขาไม่คล่องแคล่วอะไร

เขากัดฟัน ยืนหยัดต่อไป

เมื่อเวลาการต่อสู้ของทั้งสองนานขึ้นเรื่อยๆ ศิษย์ที่ชมการประลองอยู่ต่างเบื่อหน่ายจนทยอยจากไป

ทว่าโม่ฟู่โฉวกับโม่จู๋ยังชมการประลองต่อ

“เขาไม่น่าจะอ่อนแอขนาดนี้นี่” โม่จู๋ถามอย่างอดไม่ได้

โม่ฟู่โฉวตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง “เขาตั้งใจทำ”

ขณะนั้นเอง

หานเจวี๋ยพลันแสดงวิชาดรรชนีกระบี่เทพ เขาใช้นิ้วเป็นกระบี่ ส่งปราณกระบี่ออกไปแทงทะลุไหล่ฝ่ายตรงข้าม ฝ่าเท้าก็เหยียบย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้นตามไปติดๆ ก่อนจะถีบคู่ต่อสู้ตกลงไปจากลานประลองเวท

การประลองเวทสิ้นสุดลง!

ผู้ดำเนินการประลองเวททั้งสามคนมองดูอย่างตกตะลึง

พวกเขาสติหลุดลอยไปแล้ว ไม่นึกว่าจู่ๆ การประลองนี้จะสิ้นสุดลง

หานเจวี๋ยประสานมือคารวะ “ออมมือแล้ว!”

เขาเดินลงไปหาผู้ดำเนินการประลองสามคนเพื่อบันทึกชัยชนะ

ส่วนศิษย์ยอดเขาฟ้าสังหารผู้นั้นก็จากไปอย่างหน้าม่อยคอตก

โม่ฟู่โฉวและน้องสาวรีบเข้ามารับหน้า

“สหายหาน เหตุใดท่านถึงไม่เอาชนะทันทีเลย” โม่ฟู่โฉวถาม

ในสายตาของเขา หานเจวี๋ยเป็นศิษย์ที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมที่สุดในสำนักหยกพิสุทธิ์แล้ว ไม่มีใครอื่นอีก!

ช่วยไม่ได้ที่หานเจวี๋ยเก็บเนื้อเก็บตัวเกินไป ไม่มีใครเชื่อในพรสวรรค์ของเขา

หานเจวี๋ยส่ายหน้าและยิ้มบอกว่า “ข้าแค่หาจุดอ่อนของเขาพบเท่านั้น”

เขามองโม่จู๋แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “แม่นางโม่ ช่วงนี้สบายดีหรือไม่”

เขาไม่พูดถึงก็ยังดีอยู่ แต่พอพูดถึงโม่จู๋ก็เกิดโทสะขึ้นมา

“หากรู้ก่อนข้าคงเชื่อท่านตั้งแต่แรก ข้าไปถ้ำเทวาของหลี่เฉียนหลงมาแล้ว สุดท้ายต้องเจอผู้บำเพ็ญสายมารกับศิษย์ร่วมสำนักร่วมมือกันจะจัดการข้า ต่อมาเลยจำเป็นต้องกระโดดหน้าผา โชคดีที่มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งยื่นมือเข้าช่วยไว้”

โม่จู๋ด่าว่าด้วยความโมโห

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ผู้อาวุโสท่านนั้นคือใครหรือ”

“ข้าเองก็ไม่รู้แน่ชัด หลังจากช่วยข้าแล้วเขาก็จากไปเลย คงจะเป็นยอดฝีมือสักคนในสำนักหยกพิสุทธิ์”

“อ้อ”

บทสนทนาสิ้นสุดลงตรงนี้

หานเจวี๋ยกล่าวลาสองพี่น้องแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว

โม่จู๋มองตามหลังเขาพลางพูดอย่างกลัดกลุ้ม “พี่ใหญ่ เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าเขาชอบหลบเลี่ยงข้า ไม่อยากคุยกับข้าให้มากกว่านี้”

โม่ฟู่โฉวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ในใจเจ้าก็รู้ดี สหายหานมุมานะฝึกฝน ไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างหญิงชายมารบกวนจังหวะการฝึกฝนของเขา”

“บากบั่นฝึกฝนตลอด ชีวิตยังจะมีความหมายอยู่หรือ”

“สิ่งที่แต่ละคนแสวงหาไม่เหมือนกัน สิ่งที่เขาแสวงหาคืออายุขัยยืนยาว คือมหามรรคา”

“ข้าว่าท่านทั้งสองเป็นคนประเภทเดียวกันเลย”

“ข้าเทียบเขาไม่ได้หรอก”

……

เมื่อกลับถึงถ้ำเทวา หานเจวี๋ยฝึกฝนตราประทับเก้ามังกรขจัดมารต่อ

การประลองเวทก่อนหน้านี้เขาเพียงอาศัยย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้นหลบเลี่ยง ดังนั้นจึงสูญเสียพลังกายไปไม่มาก

อีกหลายวันต่อมา หานเจวี๋ยก็ล้วนทำเช่นนี้

ทุกๆ ครั้งเขาจะถ่วงเวลาจนผู้ชมโดยรอบหายไปหมด ถึงค่อยลงมือโจมตีฝ่ายตรงข้ามจนพ่าย และเหล่าคนที่พ่ายแพ้ก็อับอายเกินกว่าจะพูดถึงเรื่องนี้ หานเจวี๋ยจึงเอาชนะและเข้ารอบต่อไปได้ตลอด แต่ชื่อเสียงยังคงไม่ประจักษ์

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ