ดวงตาของหานเจวี๋ยเป็นประกายขึ้นมา
ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินมาว่าสมบัติวิญญาณแข็งแกร่งกว่าอาวุธเวทมาก
‘ทุกครั้งจะต้องมีตัวเลือกที่ไม่ทำตัวโดดเด่น ดูท่าคงเกี่ยวกับเส้นทางการพัฒนาที่เราเลือกไว้ในตอนแรก’
หานเจวี๋ยคิดในใจเงียบๆ
ตอนที่เริ่มต้นเกมวิถีแห่งชีวิต เขาเลือกข้อฝึกฝนอย่างสงบ ทั้งยังเปิดความสามารถซ่อนระดับตบะด้วย
‘ดีมาก
ข้าชอบแบบนี้แหละ!
แสร้งเป็นหมูเพื่อหลอกเสือกิน!
ไม่ใช่สิ!
อยู่ไปวันๆ จนกว่าใต้หล้าจะไร้คู่ต่อกรต่างหาก!’
หานเจวี๋ยคิดอย่างชื่นมื่น
เขาจะเป็นพระกวาดพื้น[1]ของสำนักหยกพิสุทธิ์
หานเจวี๋ยไม่อาจเลือกตัวเลือกที่สองเลยทันที ต้องรอการทดสอบของสำนักฝ่ายในสิ้นสุดลงก่อนค่อยพิจารณาชี้ขาด
เขาปลุกจิตใจให้ฮึกเหิม และเพิ่มความเร็วบินไปทางยอดเขาฟ้าสังหาร
……
ณ ยอดเขาฟ้าสังหาร
ศิษย์หลายสิบคนล้อมอยู่รอบลานประลองเวท โม่ฟู่โฉวและโม่จู๋ก็มาแล้ว
ทั้งสองมองไปบนลานประลองด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
หานเจวี๋ยกับคู่ต่อสู้กำลังประมือกัน เขาป้องกันและหลบหลีกเกือบตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่าตกเป็นเบี้ยล่าง
คู่ต่อสู้เป็นศิษย์จากยอดเขาฟ้าสังหาร ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งฮึกเหิม
‘รอบแรกก็เจอกับศิษย์ที่อ่อนแอเช่นนี้ วิเศษไปเลย!’
ศิษย์ยอดเขาฟ้าสังหารคิดในใจ เขาใช้พลังวิญญาณในร่างอย่างคล่องแคล่ว ขณะที่ประลองยังคงรักษาความสง่างามเอาไว้ได้
หานเจวี๋ยเจ็บปวดใจจนยากจะพูดออกมา
มาเจอกับสภาพเช่นนี้ ช่างเหนื่อยเสียจริงๆ
เขาใช้วิชาย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้นหลบหลีกอยู่ตลอด แต่ยังต้องพยายามแสดงให้คนอื่นเห็นด้วยว่าท่าร่างของเขาไม่คล่องแคล่วอะไร
เขากัดฟัน ยืนหยัดต่อไป
เมื่อเวลาการต่อสู้ของทั้งสองนานขึ้นเรื่อยๆ ศิษย์ที่ชมการประลองอยู่ต่างเบื่อหน่ายจนทยอยจากไป
ทว่าโม่ฟู่โฉวกับโม่จู๋ยังชมการประลองต่อ
“เขาไม่น่าจะอ่อนแอขนาดนี้นี่” โม่จู๋ถามอย่างอดไม่ได้
โม่ฟู่โฉวตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง “เขาตั้งใจทำ”
ขณะนั้นเอง
หานเจวี๋ยพลันแสดงวิชาดรรชนีกระบี่เทพ เขาใช้นิ้วเป็นกระบี่ ส่งปราณกระบี่ออกไปแทงทะลุไหล่ฝ่ายตรงข้าม ฝ่าเท้าก็เหยียบย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้นตามไปติดๆ ก่อนจะถีบคู่ต่อสู้ตกลงไปจากลานประลองเวท
การประลองเวทสิ้นสุดลง!
ผู้ดำเนินการประลองเวททั้งสามคนมองดูอย่างตกตะลึง
พวกเขาสติหลุดลอยไปแล้ว ไม่นึกว่าจู่ๆ การประลองนี้จะสิ้นสุดลง
หานเจวี๋ยประสานมือคารวะ “ออมมือแล้ว!”
เขาเดินลงไปหาผู้ดำเนินการประลองสามคนเพื่อบันทึกชัยชนะ
ส่วนศิษย์ยอดเขาฟ้าสังหารผู้นั้นก็จากไปอย่างหน้าม่อยคอตก
โม่ฟู่โฉวและน้องสาวรีบเข้ามารับหน้า
“สหายหาน เหตุใดท่านถึงไม่เอาชนะทันทีเลย” โม่ฟู่โฉวถาม
ในสายตาของเขา หานเจวี๋ยเป็นศิษย์ที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมที่สุดในสำนักหยกพิสุทธิ์แล้ว ไม่มีใครอื่นอีก!
ช่วยไม่ได้ที่หานเจวี๋ยเก็บเนื้อเก็บตัวเกินไป ไม่มีใครเชื่อในพรสวรรค์ของเขา
หานเจวี๋ยส่ายหน้าและยิ้มบอกว่า “ข้าแค่หาจุดอ่อนของเขาพบเท่านั้น”
เขามองโม่จู๋แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “แม่นางโม่ ช่วงนี้สบายดีหรือไม่”
เขาไม่พูดถึงก็ยังดีอยู่ แต่พอพูดถึงโม่จู๋ก็เกิดโทสะขึ้นมา
“หากรู้ก่อนข้าคงเชื่อท่านตั้งแต่แรก ข้าไปถ้ำเทวาของหลี่เฉียนหลงมาแล้ว สุดท้ายต้องเจอผู้บำเพ็ญสายมารกับศิษย์ร่วมสำนักร่วมมือกันจะจัดการข้า ต่อมาเลยจำเป็นต้องกระโดดหน้าผา โชคดีที่มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งยื่นมือเข้าช่วยไว้”
โม่จู๋ด่าว่าด้วยความโมโห
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ผู้อาวุโสท่านนั้นคือใครหรือ”
“ข้าเองก็ไม่รู้แน่ชัด หลังจากช่วยข้าแล้วเขาก็จากไปเลย คงจะเป็นยอดฝีมือสักคนในสำนักหยกพิสุทธิ์”
“อ้อ”
บทสนทนาสิ้นสุดลงตรงนี้
หานเจวี๋ยกล่าวลาสองพี่น้องแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
โม่จู๋มองตามหลังเขาพลางพูดอย่างกลัดกลุ้ม “พี่ใหญ่ เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าเขาชอบหลบเลี่ยงข้า ไม่อยากคุยกับข้าให้มากกว่านี้”
โม่ฟู่โฉวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ในใจเจ้าก็รู้ดี สหายหานมุมานะฝึกฝน ไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างหญิงชายมารบกวนจังหวะการฝึกฝนของเขา”
“บากบั่นฝึกฝนตลอด ชีวิตยังจะมีความหมายอยู่หรือ”
“สิ่งที่แต่ละคนแสวงหาไม่เหมือนกัน สิ่งที่เขาแสวงหาคืออายุขัยยืนยาว คือมหามรรคา”
“ข้าว่าท่านทั้งสองเป็นคนประเภทเดียวกันเลย”
“ข้าเทียบเขาไม่ได้หรอก”
……
เมื่อกลับถึงถ้ำเทวา หานเจวี๋ยฝึกฝนตราประทับเก้ามังกรขจัดมารต่อ
การประลองเวทก่อนหน้านี้เขาเพียงอาศัยย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้นหลบเลี่ยง ดังนั้นจึงสูญเสียพลังกายไปไม่มาก
อีกหลายวันต่อมา หานเจวี๋ยก็ล้วนทำเช่นนี้
ทุกๆ ครั้งเขาจะถ่วงเวลาจนผู้ชมโดยรอบหายไปหมด ถึงค่อยลงมือโจมตีฝ่ายตรงข้ามจนพ่าย และเหล่าคนที่พ่ายแพ้ก็อับอายเกินกว่าจะพูดถึงเรื่องนี้ หานเจวี๋ยจึงเอาชนะและเข้ารอบต่อไปได้ตลอด แต่ชื่อเสียงยังคงไม่ประจักษ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...