ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 286

สรุปบท บทที่ 286 ยอดปราณกระบี่ ผู้ฝ่าเคราะห์ทำให้ปวงสวรรค์ตกตะลึง: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 286 ยอดปราณกระบี่ ผู้ฝ่าเคราะห์ทำให้ปวงสวรรค์ตกตะลึง – ตอนที่ต้องอ่านของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ตอนนี้ของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 286 ยอดปราณกระบี่ ผู้ฝ่าเคราะห์ทำให้ปวงสวรรค์ตกตะลึง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 286 ยอดปราณกระบี่ ผู้ฝ่าเคราะห์ทำให้ปวงสวรรค์ตกตะลึง

หานเจวี๋ยเริ่มทำความเข้าใจมรรคกระบี่ อาศัยมหากงล้อโชคชะตาปราณกระบี่และมรรคกระบี่เทียมฟ้าเป็นพื้นฐาน เตรียมสร้างพลังวิเศษที่มีพลังปะทุขั้นสุดยอดออกมา

เป้าหมายของเขาในตอนนี้คือสังหารจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุต

หากไม่สังหารเจ้านี่ หานเจวี๋ยก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ

ด้วยคุณสมบัติมรรคกระบี่และความเข้าใจในมรรคกระบี่ขั้นสูงสุด หานเจวี๋ยเข้าฌานอย่างรวดเร็ว จิตรับรู้เข้าสู่สภาวะลึกล้ำบางอย่าง

มหากงล้อโชคชะตาปราณกระบี่สามารถผ่าชะตาชีวิตและกรรมได้ มรรคกระบี่เทียมฟ้าก็ทำได้เช่นกัน อย่างแรกมีคุณสมบัติในการควบคุม อย่างหลังมีคุณสมบัติระเบิดปะทุ หากสามารถใช้ผสานกันจะควบคุมศัตรูเอาไว้ ทำให้ศัตรูไม่อาจเคลื่อนไหวได้ จากนั้นค่อยสังหารภายในเสี้ยววินาทีก็ทำสำเร็จแน่นอน

ผ่านไปราวครึ่งปี จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยมาที่แม่น้ำมรรคกระบี่

ครั้งนี้เขาเดินตามกระแสของเงาร่างไปโดยตรงเพื่อหยั่งถึงพลังวิเศษ

หลิวเป้ยมองเห็นเขาก็รีบโค้งคารวะ

หานเจวี๋ยไม่ได้สนใจ

เห็นเช่นนี้หลิวเป้ยก็เข้าใจว่าร่างต้นมาฝึกบำเพ็ญ ดังนั้นจึงไม่ได้รบกวนอีก

ตลอดทางที่เดินไปข้างหน้า หานเจวี๋ยข้ามระดับหมื่นบรรพกาล ไท่อี่ จักรพรรดิ และยังเดินหน้าต่อไปไม่หยุด

หานเจวี๋ยในตอนนี้ก้าวข้ามจำนวนก้าวของเมื่อก่อนไปแล้ว แต่ยังคงไม่รู้สึกกดดันแต่อย่างใด

ความมั่นใจของหานเจวี๋ยทะยานสูงขึ้นในฉับพลัน

‘ครั้งนี้จะต้องแข็งแกร่งจนสังหารเจ้านกเวรนั่นให้ได้!’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ และเริ่มเร่งความเร็วฝีเท้า

ร้อยก้าว

พันก้าว

รอบๆ กายหานเจวี๋ยไม่มีเงาร่างอื่นๆ อีก มีแต่เขาที่เดินไปข้างหน้าอย่างโดดเดี่ยว รอบด้านมืดมิดไปทั้งแถบ มีแค่บันไดยาวใต้ฝ่าเท้าที่ก่อตัวจากแสงกระบี่ทอดยาวไปจนถึงสุดทางเดิน

หานเจวี๋ยค่อยๆ รับรู้ได้ถึงแรงกดดัน

ทุกๆ ย่างก้าว บนร่างกายจะได้รับแรงกดดันเพิ่มทวี

ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด ปราณอนธการในร่างของเขาเริ่มปั่นป่วน ดวงดารานับร้อยล้านดวงในโลกอนธการระเบิดแสงจ้า โลกเขย่าพิภพที่อยู่ในนั้นก็ถูกประกายแสงปกคลุมจนมิดด้วย

ขณะนี้ ทัศนวิสัยของสรรพชีวิตนับไม่ถ้วนในโลกเขย่าพิภพทั้งใบถูกปกคลุมด้วยม่านแสงอันแข็งแกร่ง ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายไม่อาจมองเห็นสิ่งใด ทั่วหล้าเกิดความโกลาหล

พุทธะอาภรณ์ขาวตกใจ แต่เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของหานเจวี๋ยจึงวางใจลง

แม้ไม่รู้แน่ชัดว่าหานเจวี๋ยทำอะไรอยู่ แต่หานเจวี๋ยจะไม่ทำร้ายโลกเขย่าพิภพแน่นอน

หลังเดินหน้าไปอีกราวหลายร้อยก้าว ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ต้านแรงกดดันไม่ไหว

แรงกดดันมหาศาลทำให้เขารู้สึกราวกับโลกหมุน ทัศนวิสัยพร่ามัว ท่ามกลางความเลือนราง เขามองเห็นแผ่นหลังคนผู้หนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้า มือถือกระบี่ยาว ยืนขวางอยู่ตรงจุดสิ้นสุดของแม่น้ำมรรคกระบี่ประดุจผู้เฝ้าประตู

หานเจวี๋ยไม่ทันได้คิดอะไรมากก็ถูกแม่น้ำมรรคกระบี่ขับไล่ออกมา

ขณะตกอยู่ในภวังค์ จิตรับรู้ของเขากลับสู่กายเนื้อ ความทรงจำมหาศาลทะลักเข้าสู่สมองของเขา เกือบจะเท่าพลังโจมตีของความทรงจำตอนที่รู้แจ้งมหามรรควัฏจักรอนธการในตอนนั้น

ขณะเดียวกัน

แดนเซียนและท้องฟ้าของปวงสวรรค์หมื่นโลกาเต็มไปด้วยแสงสีม่วง โลกเขย่าพิภพก็เป็นเช่นนี้ เมื่อสรรพสัตว์สามารถมองเห็นสรรพสิ่งได้ สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาก็คือแสงสีม่วงบนฟ้า

สิ่งมีชีวิตทั้งหลายแตกตื่นฮือฮา!

……

แดนเซียน เหนือท้องนภา

เจ้าแห่งวังเทพเดินอยู่บนตำหนักเมฆาอย่างช้าๆ โดยมีลูกศิษย์วังเทพหลายสิบคนเดินตามหลัง

ยามที่ท้องนภาเกิดประกายแสงสีม่วงในฉับพลัน เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้

“นี่คือกลิ่นอายของระดับเทพ ไม่ถูกต้อง มีคนกำลังบรรลุพลังวิเศษระดับเทพ!”

เจ้าแห่งวังเทพกล่าวพึมพำด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

เขารับรู้ได้ว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มาจากวังเทพ และก็ไม่ได้มาจากแดนเซียนด้วย

แต่เป็น…ยมโลก!

หรือว่ายมโลกก็เข้าร่วมเคราะห์ด้วย?

ลูกศิษย์วังเทพคนหนึ่งอดถามไม่ได้ว่า “เจ้าวัง ปรากฏการณ์ในครั้งนี้คือลางบอกเหตุอันใด”

เจ้าแห่งวังเทพกล่าว “อาจจะเป็นผู้ฝ่าเคราะห์”

ผู้ฝ่าเคราะห์?

บรรดาศิษย์ตกใจมาก มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตเริ่มขึ้นแล้ว แต่ผู้ฝ่าเคราะห์ยังไม่ปรากฏตัวเสียที กระทั่งมีคนจำนวนไม่น้อยคิดแล้วว่าจักรพรรดิปีศาจคือผู้ฝ่าเคราะห์

เจ้าแห่งวังเทพมีสีหน้าเงียบขรึม ขณะนี้วังปีศาจมีอานุภาพที่ไม่อาจต้านทานได้ แต่กลับไม่มีผู้ฝ่าเคราะห์ นี่หมายความว่าอย่างไร

เขาไม่กล้าคิดให้ละเอียดกว่านี้

……

วังปีศาจ ภายในตำหนักของจักรพรรดิปีศาจ

จักรพรรดิปีศาจที่กำลังนั่งขัดสมาธิฝึกบำเพ็ญอยู่พลันลืมตาขึ้นมา ก่อนจะขมวดคิ้วมองผืนฟ้าเมฆสีม่วงนอกตำหนัก

เขาคำนวณได้ว่ามีคนกำลังบรรลุพลังวิเศษ อีกทั้งมาจากยมโลกเสียด้วย แต่รายละเอียดว่าเป็นใครเขาไม่อาจคำนวณได้

หานเจวี๋ยทำเสียงขึ้นจมูก จากนั้นจึงใช้แบบจำลองการทดสอบเข้าต่อสู้กับจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุต

สิบนาทีต่อมา

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง

แม้ว่าพลังวิเศษจะแข็งแกร่ง แต่ยังไม่อาจสังหารจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตได้ภายในเสี้ยววินาที สาเหตุมาจากขอบเขตพลังที่ห่างกันมากเกินไป

แต่เมื่อหานเจวี๋ยแสดงยอดปราณกระบี่อย่างต่อเนื่อง ก็ยังคงสามารถสังหารจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตได้

แต่ปัญหาคือ…

เวลาสิบนาทีมันนานเกินไป!

หานเจวี๋ยเผยสีหน้าเจ็บปวดใจ

‘ไม่ได้! ล้มเหลวเกินไป!’

หานเจวี๋ยตัดสินใจทำความเข้าใจพลังวิเศษต่อ ทำให้พลังวิเศษมรรคกระบี่ของเขาทั้งหมดยกระดับไปถึงขีดสูงสุดที่บรรลุได้ในขณะนี้

อีกสี่ปีต่อมา ปวงสวรรค์หมื่นโลกาเกิดปรากฏการณ์แสงสีม่วงปกคลุมเต็มฟ้าติดต่อกัน

สรรพสัตว์ล้วนตระหนักได้ว่าผู้ฝ่าเคราะห์จะมาแล้ว!

อีกทั้งผู้ฝ่าเคราะห์ผู้นี้ยังแข็งแกร่งเกินจะเปรียบ สามารถสร้างสรรค์พลังวิเศษระดับเทพได้อย่างง่ายดาย จะต้องเป็นการดำรงอยู่ที่ไร้เทียมทานในระดับเทพแน่นอน

วังปีศาจตกใจมาก การรุกโจมตีไม่ฮึกเหิมดุดันเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

วังเทพและสำนักพุทธก็ไม่กล้าโจมตีวังปีศาจอีก ฝ่ายวังสวรรค์กลับโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง เพราะอย่างไรเสียวังปีศาจก็กัดพวกเขาจนเจียนตายที่สุด

ในชั่วเวลานั้น สายตาของปวงสวรรค์หมื่นโลกาตกอยู่ที่ยมโลก

ผู้ฝ่าเคราะห์อยู่ในยมโลกนี่เอง!

……

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้นด้วยสีหน้าเจ็บปวดอย่างหาที่เปรียบมิได้

เขาบรรลุถึงขีดสูงสุดแล้ว แต่การสังหารจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตยังต้องใช้เวลาหลายนาที อย่างนี้จะทำเช่นไรดี

เวลาหลายนาทีอาจเกิดเรื่องต่างๆ ได้มากมาย ไม่แน่ว่าบรรดาเฒ่าประหลาดของเผ่าอีกาทองอาจจะมาสนับสนุนก็เป็นได้

‘ช่างเถอะๆ ฝึกบำเพ็ญก่อน สาปแช่งเขาเป็นครั้งคราว สาปจนพลังมรรคของเขาลดลงต่อไป’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ ในใจ เขาไม่มีทางเลี่ยงเลย

……………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ