บทที่ 435 อริยะมรรคาสวรรค์
‘โอ้? แดนต้องห้ามอันธการสามารถปิดกั้นได้แม้แต่อริยะ!’
หานเจวี๋ยไม่ได้ตอบรับคำขอเข้าฝันจากหลี่มู่อีในทันที
ระดับความเกลียดชังระดับสองดาวยังคงอยู่ หากหลี่มู่อีมอบหมายภารกิจให้และเขาปฏิเสธ ระดับความเกลียดชังจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
แทนที่จะทำเช่นนั้น ไม่สู้เมินไปเลยยังดีเสียกว่า
หากเขาเป็นอริยะแทน เขาก็คงจะสงสัยตัวเอง ไม่มีทางสงสัยฝ่ายตรงข้าม
จะมีใครต้านทานพลังวิเศษของอริยะได้อีกหรือ
แต่หานเจวี๋ยไม่ใช่อริยะ!
หลังจากคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว หานเจวี๋ยจึงค่อยรู้สึกวางใจลง
[หลี่มู่อีต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
[หลี่มู่อีต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
[หลี่มู่อีต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
…
แม้ว่าหานเจวี๋ยจะหลับตา แต่ก็ยังเห็นการแจ้งเตือนระบบอยู่ดี น่ารำคาญเป็นอย่างยิ่ง
‘นี่ใช่อริยะเสียที่ไหน ชักจะก่อกวนกันเกินไปแล้ว! ก่อนหน้านี้หนี่ว์วากับตี้จวินยังไม่เคยตามตื๊อเขาถึงเพียงนี้เลย’
หานเจวี๋ยทำได้เพียงอดทน
กว่าหลี่มู่อีจะถอดใจก็กินเวลาไปถึงครึ่งปีเต็มๆ
หานเจวี๋ยแอบแช่งชักหักกระดูกอีกฝ่ายในใจ
เป็นอริยะที่ไม่เหมือนอริยะเลยแม้แต่น้อย ผู้ก่อตั้งนิกายเหรินสั่งสอนมาอย่างไรกันแน่
‘ข้าอยากรู้ว่าที่หลี่มู่อีตามหาข้า มีเรื่องอันใด’ หานเจวี๋ยถามในใจ
[จำเป็นต้องหักอายุขัยพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการ!
ทำความเข้าใจสักหน่อย จะได้ป้องกันได้ถูก
จิตนึกติดของหานเจวี๋ยเข้าสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการ
เขามาโผล่ที่พระราชวังของอริยะ อาณาเขตเต๋าของอริยะมีลักษณะพิเศษอยู่อย่างหนึ่งคือมีขนาดใหญ่ ภายในห้องโถงไร้ขอบเขต ไร้สิ้นสุด ราวกับเป็นโลกอีกใบหนึ่ง
คนสามคนมารวมตัวอยู่ที่เดียวกัน หนึ่งในนั้นคือหลี่มู่อี
อีกสองคนที่เหลือก็มีกลิ่นอายเช่นเซียนและล้ำลึกพอๆ กัน
หานเจวี๋ยรู้สึกว่าพวกเขาหน้าตาคล้ายกัน ทั้งหมดสวมชุดคลุมเต๋า ผมยาวสยาย ลักษณะท่าทางสูงส่ง เฉกเช่นผู้ที่ละทางโลกแล้ว
นอกจากหลี่มู่อียังมีเจ้านิกายฉ่าน เทพสูงสุดหนานจี๋อยู่ด้วย
หานเจวี๋ยจำได้ว่าเขาคือผู้อุปถัมภ์ของต้าจิ่วเทียน
เทพสูงสุดหนานจี๋เอ่ยปาก “ฝูซีเทียนเข้าสู่เคราะห์ด้วยตนเอง นี่ถือเป็นสัญญาณที่รุนแรงมาก ข้ากำลังสงสัยว่าฝูซี หนี่ว์วา และสำนักพุทธแดนประจิมจะร่วมมือกัน ยามนี้ข้าถูกสามเทพสะกดเอาไว้ เพียงแต่ยังไม่แน่ใจว่าเป็นฝีมือของผู้ใด”
หลี่มู่อีถามพลางขมวดคิ้ว “พวกเขาล้วนเป็นอริยะทั้งสิ้น เหตุใดเจ้าถึงไม่ทราบตัวตนของพวกเขา”
เทพสูงสุดหนานจี๋กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ร่างของพวกเขาโอบล้อมด้วยปราณฟ้าบุพกาล สามารถอำพรางโชคชะตาได้”
อริยะที่อีกท่านหนึ่งที่นิ่งเงียบไม่ปริปากมาตลอด เอ่ยขึ้นเนิบๆ “เตรียมตัวรับศึกเถิด สามสำนักเต๋าเองก็ควรต้องร่วมมือกัน เห็นได้ชัดว่ามหาเคราะห์ครั้งนี้มีคนคอยผลักดันอยู่เบื้องหลัง หวังจะทำลายล้างสามนิกายสำนักเต๋า หรืออาจถึงขั้นล้มล้างดวงชะตาของบรรพชนเต๋า”
เทพสูงสุดหนานจี๋แค่นเสียงกล่าว “นิกายฉ่าน นิกายเจี๋ย นิกายเหรินล้วนแต่ก่อตั้งโดยศิษย์สายตรงของบรรพชนเต๋า อริยะพวกนี้ช่างวางแผนเก่งจริงๆ บรรพชนเต๋าหายตัวไปเพียงไม่กี่มหาเคราะห์เท่านั้น ก็คิดที่จะโค่นล้มระบบเต๋าของท่านเสียแล้วหรือ? ไร้สาระสิ้นดี!”
เจ้านิกายทั้งสามสำนักเริ่มหารือกันเกี่ยวกับวิธีตอบโต้
หานเจวี๋ยฟังอยู่ข้างๆ ได้ยินชื่อที่ไม่คุ้นเคยมากมาย เขาเองก็ฟังไม่ค่อยเข้าใจนัก อย่างไรเสียนี่ก็เป็นการคำนวณเอาทั้งสิ้น
หลี่มู่อีพูดถึงตัวแปรอย่างหานเจวี๋ย
“อริยะท่านอื่นยังต้องการสร้างสัมพันธ์กับคนผู้นี้ พวกเราต้องรีบลงมือให้ไว ศิษย์พี่หลี่ ศิษย์ของท่านมีผลกรรมมากที่สุด ท่านติดต่อหาเขาเถิด” เจ้านิกายเจี๋ยกล่าว
หลี่มู่อีพยักหน้า แต่สีหน้ากลับดูไม่ดีเลยแม้แต่น้อย
เทพสูงสุดหนานจี๋ถามขึ้นด้วยความสงสัย “ตัวแปรผู้นี้ซ่อนตัวอยู่ที่แดนต้องห้ามอันธการใช่หรือไม่”
เจ้านิกายเจี๋ยกล่าว “น่าจะเป็นเช่นนั้น คิดจะติดต่อเขานั้นไม่ง่ายเลย”
ภาพเบื้องหน้าพลันสลายไป
จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยถูกดึงกลับมาสู่ความเป็นจริง ใบหน้าของเขาฉายแววเศร้าหมอง
‘ทุกคนล้วนแต่อยากดึงเขาไปเป็นพวกทั้งหมดเลยอย่างนั้นหรือ นี่ไม่ใช่เรื่องดีเอาเสียเลย!’
ไม่ว่าหานเจวี๋ยจะเลือกฝ่ายใดก็ตาม เขาจะต้องทำให้อริยะมรรคาสวรรค์ฝ่ายตรงข้ามขุ่นเคืองอย่างแน่นอน
ต้องโทษบรรพชนเต๋านั่นแหละ! ที่บอกว่าเขาเป็นตัวแปรอะไรนั่น!
‘ข้าคือเซียนทองต้าหลัวธรรมดา ข้าสามารถย้อนกลับมหาเคราะห์เอกภพได้เสียที่ไหน’ หานเจวี๋ยยิ้มให้กับตนเอง
‘อย่างมากที่สุดข้าก็แค่สาปแช่งศัตรูอยู่เบื้องหลังเท่านั้น’
หลังจากที่ได้รู้ถึงที่มาที่ไปแล้ว หานเจวี๋ยก็เลิกคิดมากแล้วฝึกบำเพ็ญต่อไป
…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...