บทที่ 440 เมื่อความมืดมิดปกคลุมปวงสวรรค์ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะปรากฏตัว
เมื่อได้ยินคำสาบานของหานเจวี๋ย จักรพรรดิสวรรค์ก็ขมวดคิ้วแล้วกล่าว “ไม่จำเป็นต้องสาบานหรอก โชคชะตาฟ้าลิขิตเอาไว้แล้ว พูดมากปากจะพาจน”
หานเจวี๋ยกล่าวอย่างจริงจัง “ข้ารู้ ข้าพูดด้วยความสัตย์จริง”
‘อย่างไรเสียข้าก็ไม่อยากเป็นอริยะมรรคาสวรรค์อยู่แล้ว! ข้าอยากก้าวข้ามมรรคาสวรรค์และบรรลุเป็นอริยะที่เป็นอิสระไร้ซึ่งพันธนาการ!’
จักรพรรดิสวรรค์พลันรู้สึกสับสนขึ้นมาเล็กน้อย ‘หรือว่าเราจะคิดมากไปเองจริงๆ’
เขารู้จักนิสัยใจคอของหานเจวี๋ยดี เด็กผู้นี้มีการบำเพ็ญเป็นเป้าหมาย จะทำลายอนาคตของตนเองได้อย่างไร
หรือหานเจวี๋ยจะไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจริงๆ
สมมติฐานของจักรพรรดิสวรรค์ที่มีต่อหานเจวี๋ยสลายไปในพริบตา
หากเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่ได้เกี่ยวข้องกับหานเจวี๋ย เช่นนั้นก็แสดงว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจับตามองหานเจวี๋ยอยู่!
จักรพรรดิสวรรค์กล่าวเตือน “เช่นนั้นเจ้าก็จงระวังเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไว้ให้ดี ที่มาของคนผู้นี้ลึกลับ แม้ว่าจะมีแผนร้ายก็ยากที่จะคาดเดาได้”
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ข้าเข้าใจ ข้าเองก็เคยได้ยินเรื่องของเขามาบ้าง เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีอริยะ…บงการเขาอยู่”
จักรพรรดิสวรรค์ส่ายหน้า “อย่าคาดเดาไปเลย อย่าได้ไว้ใจอริยะหน้าไหน ตอนนี้เราตกเป็นหนามตำตาของเหล่าอริยะ หากเราไม่ใช่คนของเผ่ามังกรแท้และสืบเชื้อสายของบรรพชนเต๋า ป่านนี้อริยะคงจะจัดการกับเราไปนานแล้ว”
หานเจวี๋ยพยักหน้า
ทั้งสองสนทนากันต่อ จักรพรรดิสวรรค์พูดถึงประสบการณ์เมื่อไม่นานมานี้ของตนเอง เขาเล่าถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่โดยไม่ปิดบัง
หานเจวี๋ยรู้สึกเสียใจที่ได้ยินเช่นนั้น เมื่อครั้งจักรพรรดิสวรรค์ยังเป็นเจ้าผู้ปกครองวังสวรรค์ เคยเป็นจักรพรรดิอยู่เหนือทวยเทพ ส่งสูงเหนือผู้ใด มีสง่าราศีเหลือคณนา
เพียงชั่วมหาเคราะห์สั้นๆ จักรพรรดิสวรรค์ก็ตกต่ำลงจนถูกปฏิบัติไม่ต่างอะไรกับหนูข้างถนน
จักรพรรดิสวรรค์ยังนับว่าดี หากหันไปมองพวกจักรพรรดิปีศาจ บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ จู่ถู จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นวีรบุรุษที่ตกต่ำลงอย่างน่าเสียดายและน่าเวทนา
หานเจวี๋ยเข้าใจในคำว่ามหาเคราะห์ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
แค่คิดจะต่อสู้ ก็ต้องเข้าสู่เคราะห์แล้ว
เมื่อเข้าสู่เคราะห์ ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าจะโชคดีหรือโชคร้าย
หากเป็นโชคดี ก็ทะยานสู่ขึ้นสวรรค์ มีชีวิตยาวนานตราบเท่าโลกาสวรรค์
หากโชคร้าย ร่างกายและจิตวิญญาณมอดไหม้ มิอาจฟื้นคืนได้อีกเลย
จักรพรรดิสวรรค์มองไปยังหานเจวี๋ย และกล่าวด้วยแววตาลุกโชน “หานเจวี๋ย อะไรที่เราทำเพื่อเจ้าได้เราก็ทำไปหมดแล้ว เราไม่ขอให้เจ้าตอบแทนเรา เพียงแต่ขอให้เจ้าตอบแทนความเมตตาต่อวังสวรรค์ หากมหาเคราะห์ครั้งต่อไปเกิดขึ้นและวังสวรรค์ต้องเผชิญกับภยันตราย เราหวังว่าเจ้าจะสามารถช่วยกอบกู้วังสวรรค์ได้”
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “ถ้าหากวังสวรรค์ไม่อาจรอดพ้นจากมหาเคราะห์ครั้งนี้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิสวรรค์ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ไม่มีทาง เราทำข้อตกลงกับอริยชนไว้แล้ว ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ อย่างน้อยวังสวรรค์ก็ยังรอดพ้นจากมหาเคราะห์ครั้งนี้”
หานเจวี๋ยตอบกลับ “พ่ะย่ะค่ะ ข้าขอให้คำมั่นสัญญาต่อท่าน หากทำได้ข้าจะให้การช่วยเหลืออย่างแน่นอน”
ก่อนมหาเคราะห์ครั้งต่อไปจะมาเยือน บางทีหานเจวี๋ยอาจจะพิสูจน์มรรคสำเร็จ และน่าจะปกป้องวังสวรรค์ได้ไม่ยาก
แน่นอนว่าหากไม่อาจปกป้องไว้ได้ เขาก็ไร้ซึ่งหนทางเช่นกัน
“อาณาเขตเต๋าของข้าสามารถสกัดกั้นสิ่งอัปมงคลได้ ท่านอยากมาหรือไม่” หานเจวี๋ยถาม
จักรพรรดิสวรรค์ส่ายหน้าและกล่าว “เราไม่รบกวนเจ้าแล้ว เราต้องสู้ เราไม่อาจหยุดได้ ขอบใจสำหรับความปรารถนาดีของเจ้า ไม่เสียแรงที่เราดีต่อเจ้าถึงเพียงนั้น”
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “แล้วเหล่าโอรสของท่าน…”
“ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเขาหรอก ทุกคนล้วนมีชะตากรรมของตัวเอง เราได้เลือกที่พึ่งพาให้แก่พวกเขาแล้ว ต่อให้วังสวรรค์ล่มสลาย พวกเขาก็จะปลอดภัย”
“เข้าใจแล้ว”
ทั้งสองพูดคุยกันต่ออีกครู่หนึ่ง
หลังจากแดนความฝันก็สิ้นสุดลง จิตนึกคิดของหานเจวี๋ยก็กลับสู่ความเป็นจริง
เขาไม่ได้คำนวณอนาคตของจักรพรรดิสวรรค์ ตอนนี้อริยะควบคุมชีวิตของปุถุชนทั่วทั้งใต้หล้า หานเจวี๋ยคงจะสาปแช่งอริยะไม่ได้กระมัง?
ไม่ต้องกล่าวถึงว่าจะระคายผิวอีกฝ่ายหรือไม่ บางทีอาจจะเป็นการดึงดูดความสนใจของอริยะก็เป็นได้
อริยะอาจจะทุ่มกำลังควานหาคนที่สาปแช่งตนเองไปทั่วทั้งปวงสวรรค์
จู่ๆ หานเจวี๋ยก็นึกถึงลูกน้องที่ตนดูแคลนอย่างเซวี่ยหมิงเหอและจิ่งเทียนกง
ได้เวลาตามหาพวกเขาแล้ว
หานเจวี๋ยตัดสินใจที่จะดึงทั้งสองเข้าไปในแดนความฝันพร้อมกันเพื่อให้พวกเขาได้พบกัน แต่ก่อนจะถึงตอนนั้นเขาต้องคำนวณดูเสียก่อน เพื่อเลี่ยงผู้ทรงพลังที่อยู่รอบกายพวกเขา
อายุขัยจำนวนหนึ่งพันล้านปีถูกผลาญไป เมื่อแน่ใจว่ารอบกายของทั้งคู่ปราศจากผู้ทรงพลัง หานเจวี๋ยก็รู้สึกโล่งใจ
ความฝันอันธการจงสำแดง!
หานเจวี๋ยดึงทั้งสองเข้าไปในถ้ำมืดสลัว ฉากนี้เหมาะสำหรับบรรยากาศโดยรวมของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการอย่างยิ่ง
ทันทีที่เซวี่ยหมิงเหอและจิ่งเทียนกงเห็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ พวกเขาก็คุกเข่าลงคารวะทันที
พวกเขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...