บทที่ 473 ถ่ายทอดมหามรรค ตบะของหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยได้ฟังคำพูดของหวงจุนเทียนแล้วพูดไม่ออกอยู่บ้าง
เขาเป็นคนมีความสามารถคนหนึ่งจริงๆ
นิกายเจี๋ยมิใช่สำนักนิกายเช่นโลกมนุษย์ จากศิษย์ทั่วไปของนิกายเจี๋ยสามารถไต่เต้าขึ้นเป็นรองเจ้านิกายได้ในระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่พันปี นับว่าไม่เคยมีมาก่อน หากพูดออกไปคงไม่มีใครเชื่อ
หานเจวี๋ยจมอยู่ในห้วงความคิดของตน
เขาพลันไม่คิดที่จะเรียกหวงจุนเทียนกลับมาแล้ว
เพราะหากอยู่ต่อไป อีกฝ่ายอาจจะเข้าควบคุมนิกายเจี๋ยได้โดยตรง
เพียงแค่คิดหานเจวี๋ยก็รู้สึกว่ายอดเยี่ยมยิ่งนักแล้ว
เงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง หานเจวี๋ยจึงเอ่ยเสียงขรึม “หากให้เจ้ากลับมาตอนนี้ ความพยายามที่ผ่านมามิใช่จะสูญเปล่าหรือ ถึงแม้หลายปีมานี้เจ้าจะลำบากยิ่งนัก แต่ตบะของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นมากจริงๆ ยืนหยัดต่อไปอีกสักระยะเถิด สักวันหนึ่ง ข้าจะไปรับเจ้ากลับมาด้วยตัวเอง”
หวงจุนเทียนได้ฟัง แววตาพลันหม่นหมองลง
แต่พอจินตนาการถึงฉากที่หานเจวี๋ยมารับเขาด้วยตัวเอง ในใจเขาก็เกิดความตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ความหมายในวาจานี้…
เมื่อถึงเวลานั้น หานเจวี๋ยจะไม่กริ่งเกรงนิกายเจี๋ยอีกต่อไป!
หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างมีความนัย “ในมหาเคราะห์ครานี้มีผู้ฝ่าเคราะห์จากโลกเมฆาแดงอยู่ไม่น้อย เรื่องนี้เจ้าน่าจะทราบกระมัง และหากข่าวสารของเจ้าฉับไว ก็น่าจะทราบว่าผู้ที่มีบ่วงกรรมกับข้าต่างรอดชีวิตทั้งสิ้น ซ้ำยังไปได้ดีอีกด้วย”
หวงจุนเทียนรู้สึกหวั่นไหว ก่อนหน้านี้เขาคลางแคลงในเรื่องนี้อยู่
เมื่อกล่าวเช่นนี้…
หวงจุนเทียนไม่กล้าคิดค้นลงรายละเอียดอีก
เขาฝืนระงับความตื่นเต้นเอาไว้ จากนั้นจึงเอ่ย “ท่านต้องการให้ข้าทำอะไรต่อหรือขอรับ”
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ทำอย่างไร ก็ทำไปตามนั้น ข้าไม่คิดจะมอบหมายภารกิจให้เจ้า หากเจ้ามีจิตใจทะเยอทะยานมากเกินไป จะดึงดูดปัญหาเข้ามาได้ง่ายๆ เจ้าอยู่ที่นิกายเจี๋ย ทำตัวเป็นศิษย์ที่ดีของนิกายเจี๋ย ตั้งใจฝึกบำเพ็ญก็พอ”
หวงจุนเทียนพยักหน้ารับ อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นอีก “ข้าต้องรออีกนานแค่ไหน”
หานเจวี๋ยคิดๆ ดู ก่อนตอบ “ไม่นานนักหรอก”
หวงจุนเทียนเบาใจลง
“เจ้าเพิ่งสดับธรรมมาหรือ” หานเจวี๋ยถาม
หวงจุนเทียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “สายตาของท่านช่างกว้างไกลโดยแท้ ปิดบังอะไรจากท่านมิได้เลย”
“นิกายเจี๋ยดีต่อเจ้ายิ่ง”
“พูดไปก็น่าละอาย อริยะแสดงธรรมต่อหน้าศิษย์ชั้นยอดทั้งหมดขอนิกายเจี๋ย บรรยายถึงมหามรรค แต่ข้ารับรู้ได้เพียงตนเองเท่านั้น ไม่อาจตระหนักถึงมหามรรคได้”
หวงจุนเทียนแสดงสีหน้าระทมขมขื่น
เขามิได้เพิ่งฟังอริยะแสดงธรรมเป็นครั้งแรก แต่สำหรับเขาแล้ว มหามรรคลึกซึ้งเกินไปจริงๆ
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นข้าจะถ่ายทอดมหามรรควิถีหนึ่งให้แก่เจ้า เป็นอย่างไร”
หวงจุนเทียนตะลึงงัน เขาจ้องมองหานเจวี๋ย
ภายใต้แสงเทพของหยินหยางพิทักษ์ตะวันจันทราที่สาดส่องลงมา หานเจวี๋ยประหนึ่งเทพเจ้า หวงจุนเทียนรู้สึกเหมือนได้เห็นอริยะ
อริยะก็เป็นผู้สูงส่งเลิศล้ำเช่นนี้…
หานเจวี๋ยสามารถถ่ายทอดมหามรรคได้ มิใช่หมายความว่า…
หวงจุนเทียนไม่กล้าคิดต่ออีก
เขารีบพยักหน้ารับ
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “อย่าได้แพร่งพรายว่าข้าถ่ายทอดมหามรรคนี้ให้แก่เจ้า จงพูดไปว่าตระหนักรู้ได้โดยบังเอิญ หากไม่เข้าตาจนจริงๆ อย่าได้ใช้ส่งเดช จงใช้มันเพื่อตระหนักรู้วิชายุทธ์”
“ไม่มีปัญหาขอรับ!”
หวงจุนเทียนรีบรับปาก
….
ยี่สิบปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หวงจุนเทียนลืมตาขึ้น ดวงตาฉายแววแห่งปัญญา
เขามองอารามเต๋าของตน มีความรู้สึกเสมือนหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง
“ช่างเป็นมหามรรคที่ลึกล้ำยิ่ง ให้ความรู้สึกลึกล้ำยิ่งกว่ามหามรรคจากอริยะเสียอีก แต่เหตุใดเขาถึงถ่ายทอดให้ข้าได้อย่างง่ายดาย หากแต่ธรรมที่มาจากอริยะ ข้ากลับฟังไม่เข้าใจเลย”
“หรือว่าผู้อาวุโสอย่างเขาจะเหนือล้ำกว่าอริยะไปแล้ว?”
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา ก็เติบใหญ่ลุกลามไปทั่วสมองของหวงจุนเทียนราวกับวัชพืช ไม่อาจจัดการได้
เวลานี้เอง เสียงศิษย์ของนิกายเจี๋ยคนหนึ่งแว่วมาจากด้านนอกอารามเต๋า
“อาจารย์ อริยะเรียกพบขอรับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...