บทที่ 474 งานเลี้ยงวังสวรรค์ ผู้ดูแลสำนักซ่อนเร้น
พอฟังหม่าเชาพูดจบ หานเจวี๋ยขมวดคิ้วเล็กน้อย
นี่มิใช่เรื่องดีเลย!
‘อริยะของโลกพันอนันต์สามารถบุกเข้ามาในอาณาเขตเต๋าผ่านทางวังวนมิติได้หรือไม่‘ หานเจวี๋ยถามอยู่ในใจ
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสี่พันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
อืดอาดเสียจริง!
[ขณะนี้ยังทำไม่ได้ อาณาเขตเต๋าตั้งอยู่ในขอบเขตมรรคาสวรรค์ อริยะต้องก้าวข้ามการควบคุมของมรรคาสวรรค์ ถึงจะสามารถเข้าสู่อาณาเขตเต๋าได้]
หานเจวี๋ยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป สุดท้ายต้องแย่แน่
จะต้องจัดการอันตรายแฝงเร้นแต่เนิ่นๆ
หานเจวี๋ยพลันนึกถึงซูฉี ความสามารถชำระล้างสมบูรณ์ทำให้ซูฉีควบคุมโชคร้ายอย่างเบ็ดเสร็จได้ เช่นนั้นจะสามารถทำให้ต้นฝูซังควบคุมวังวนมิติได้หรือไม่
เขาใช้ความสามารถชำระล้างสมบูรณ์กับต้นฝูซังทันที
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งพันปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
หานเจวี๋ยคร้านจะถามต่อให้มากความ ถ้าถามก็ต้องเสียอายุขัยอีกหลายล้านปี มิสู้ดำเนินการไปตรงๆ เลยดีกว่า
ต้นฝูซังเริ่มขยับไหว ราวกับมนุษย์ที่คันคะเยอไปทั้งตัว ดีดดิ้นไม่หยุด
หานเจวี๋ยเปิดปากกล่าว “อย่ากังวล ข้าช่วยเจ้าอยู่”
เมื่อต้นฝูซังได้ยิน จึงถามด้วยความสงสัย “ช่วยข้าด้วยเรื่องใด”
“ช่วยให้เจ้าควบคุมวังวนมิติได้ ที่นี่อันตรายเกินไป หากควบคุมไม่ได้จริงๆ เช่นนั้นคงได้แต่…”
วาจาส่วนหลังหานเจวี๋ยไม่ได้เอ่ยต่อ ทว่าต้นฝูซังฟังแล้วตกใจแทบตาย
หม่าเชา เตี่ยนเหวย และจ้าวอวิ๋นต่างเงียบงัน
องครักษ์สามารถสื่อสารได้ แต่เจตจำนงของพวกเขามีเพียงหนึ่งเดียว คือเชื่อฟังคำสั่งของหานเจวี๋ย ไม่มีทางใคร่ครวญถึงเรื่องอื่น
หานเจวี๋ยอยู่บนต้นฝูซัง รอคอยให้การชำระล้างสมบูรณ์เสร็จสิ้น
ผ่านไประยะหนึ่ง
การชำระล้างขั้นสมบูรณ์เสร็จสิ้นลง
วังวนมิติก็หดตัวลงด้วยเช่นกัน
ต้นฝูซังเอ่ยด้วยความปรีดา “ข้าสามารถควบคุมวังวนมิติได้ เช่นเดียวกับกิ่งก้านของข้า ข้าสามารถควบคุมการเปิดปิดของวังวนได้”
หานเจวี๋ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก ความเข้าใจที่มีต่อความสามารถชำระล้างสมบูรณ์ลึกล้ำไปอีกขั้นแล้ว
มิใช่เพียงขจัดข้อเสีย ยังเพิ่มพูนประสิทธิภาพด้วย!
หานเจวี๋ยเอ่ยไปว่า “ต่อไปหากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามเปิดวังวนมิติ”
ต้นฝูซังรับคำ “ได้!”
เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน หานเจวี๋ยยังคงให้เตี่ยนเหวยเฝ้าอยู่ที่นี่ ส่วนองครักษ์ที่เหลือให้เฝ้าดูแลตามทิศต่างๆ ของเขตเซียนร้อยคีรี
หานเจวี๋ยกลับไปที่อารามเต๋า ฝึกบำเพ็ญต่อ
ผ่านมานานหลายปี เขายังคงอยู่ห่างไกลจากระดับครึ่งอริยะระยะกลาง โชคดีที่ความก้าวหน้ายังคงเห็นได้ชัดเจน
นับตั้งแต่ได้รับมหามรรคต้นกำเนิด โจวฝาน ลี่เหยา เต้าจื้อจุน จ้าวเซวียนหยวน และเจียงอี้ทั้งห้าคนต่างเริ่มปิดด่าน ทุกคนล้วนสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของพวกเขากล้าแกร่งขึ้น ศิษย์ที่เหลือต่างอยากรู้ว่าหานเจวี๋ยมอบกลเม็ดเคล็ดลับอันใดให้แก่พวกเขา
หานเจวี๋ยมีเป้าหมายจะให้สำนักซ่อนเร้นทั้งสำนักฝึกฝนมหามรรคต้นกำเนิด
ยิ่งฝึกฝนมหามรรคอย่างลึกซึ้ง ศิษย์ของสำนักซ่อนเร้นก็จะยิ่งไม่สามารถทรยศเขาได้
หากเขาดับสูญ จะเกิดหายนะต่อผู้ฝึกฝนมหามรรคต้นกำเนิดทั้งหมด
แน่นอน ยิ่งเขาแข็งแกร่งขึ้นเท่าไร ผู้ฝึกฝนมหามรรคต้นกำเนิดล้วนจะได้รับผลดีไปด้วย
หานเจวี๋ยต้องการสร้างมรรควิถีแห่งตน
….
ระยะเวลาห้าร้อยปีผ่านไปในชั่วพริบตา
สัตว์ร้ายรอบเขตเซียนร้อยคีรีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มิใช่เป็นเพราะถูกดึงดูดเข้ามา แต่เป็นเพราะสัตว์ร้ายในโลกเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกที
ภายในเขตเซียนร้อยคีรีก็มีสิงสาราสัตว์ถือกำเนิดขึ้นไม่น้อย แต่เนื่องจากตัดขาดจากมรรคาสวรรค์ จึงไม่ได้รับผลกระทบจากดวงชะตามรรคาสวรรค์ ไม่ได้กลายร่างเป็นสัตว์ร้าย แต่กลายเป็นสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าเช่นเดียวกับหานตั้วเทียน
คุณสมบัติของสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าเหล่านี้ห่างชั้นกับหานตั้วเทียนอยู่มากนัก ไม่มีสัญญาณว่าจะกลายเป็นผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิดเลย หานเจวี๋ยจึงมิได้แยแสพวกมัน
กลับเป็นหานตั้วเทียนที่นึกสนใจพวกมันยิ่งนัก พวกมันยังไม่มิทันแปลงกายได้ก็เรียกขานพวกมันว่าพี่น้องแล้ว นับทุกตัวเป็นน้องชายของตน
สำหรับเรื่องนี้ หานเจวี๋ยไม่ได้ใส่ใจเลย
หานตั้วเทียนมีลำดับอาวุโสต่ำที่สุดในสำนักซ่อนเร้น หากสามารถผูกสัมพันธ์กับสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าเหล่านั้นได้ ก็นับว่าไม่เลวเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...