ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 496

บทที่ 496 พุทธสมาธิญาณ อายุสองหมื่นห้าพันปี

ฤดูใบไม้ผลิผ่านไป ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน

เวลาผ่านไปเจ็ดร้อยปี

เจ็ดร้อยปีในแดนเซียนมิได้มีความเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลา ตัวอย่างเช่นเขตเซียนร้อยคีรีที่ยังคงเป็นเช่นเดิม

เนื่องจากเผ่ามนุษย์ได้ครอบครองพื้นที่หุบเขาใกล้กับเขตเซียนร้อยคีรี ทำให้สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าที่มาชุมนุมกันลดน้อยลงเรื่อยๆ

หลังจากเผ่ามนุษย์สดับฟังธรรมแห่งตันหลง ก็มีผู้บำเพ็ญที่ทรงพลังปรากฏตัวขึ้นมากมาย อำนาจที่เพิ่มขึ้นทำให้เผ่ามนุษย์บังเกิดความทะเยอทะยาน พวกเขาเริ่มออกล่าสัตว์ร้ายและสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าที่ยังแปลงกายไม่ได้

ในมุมมองของเผ่ามนุษย์ สิ่งมีชีวิตที่ไม่มีรูปลักษณ์มนุษย์ก็ไม่แตกต่างไปจากสัตว์ร้าย

มนุษย์คือจิตวิญญาณแห่งสรรพสิ่ง รูปลักษณ์ของเผ่ามนุษย์ก็เป็นเรื่องที่น่าพิศวงเช่นกัน ตอนที่เผ่ามนุษย์ยังไม่ถือกำเนิดขึ้น หลังจากสรรพสิ่งแปลงกายได้ก็ล้วนมีรูปลักษณ์คล้ายคลึงไปในทางเดียวกัน เจ้าแม่หนี่ว์วาจึงปั้นแต่งเผ่ามนุษย์ขึ้นมาโดยอ้างอิงจากรูปลักษณ์ของสรรพสิ่งหลังจากแปลงกายแล้ว เมื่อได้รับการยอมรับจากมรรคาสวรรค์ เผ่ามนุษย์จึงกลายเป็นเผ่าพันธุ์มรรคาสวรรค์เผ่าแรก

เผ่าสวรรค์ในปัจจุบันก็ยังคงอยู่ในรูปลักษณ์มนุษย์เช่นกัน

การสังหารฆ่าฟันกันระหว่างเผ่ามนุษย์และสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าในบริเวณรอบข้าง ตกอยู่ในสายตาของสำนักซ่อนเร้น

หานตั้วเทียนและสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าจำนวนหนึ่งที่นับว่าเป็นศิษย์ในนามของสำนักซ่อนเร้นต่างรู้สึกเศร้าหมองยิ่งนัก

ฝึกบำเพ็ญให้ดี ไม่รบกวนซึ่งกันและกันไม่ได้หรือ

แต่เนื่องจากมีอาณาเขตเต๋าขวางกั้นอยู่ พวกเขาจึงทำได้เพียงกัดฟันทน

ทานเจวี๋ยไม่รับรู้เรื่องนี้เลย ปิดด่านบำเพ็ญอยู่ตลอด

เขายังอยู่ห่างจากระดับครึ่งอริยะขั้นสมบูรณ์อีกไกลนัก แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าตัวเองกำลังก้าวหน้าไปเรื่อยๆ

ในวันนี้ หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา สาปแช่งอริยะมิ่งจี พลางตรวจดูจดหมายไปด้วย

[ผานซินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากครึ่งอริยะ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[จี้เซียนเสินสหายของท่านพลัดหลงเข้าสู่ดินแดนลึกลับเผ่าหงส์เพลิงบรรพกาล]

[หวงจุนเทียนสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]

[ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่านตระหนักรู้พลังวิเศษ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[จักรพรรดินีผืนพิภพสหายของท่านได้รับการชี้แนะจากผู้ทรงพลังลึกลับ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[โม่จู๋สหายของท่านได้รับการชี้แนะจากอริยะ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

….

หืม?

คำสาปแช่งลึกลับปรากฏขึ้นอีกแล้ว!

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว ดูเหมือนสาวกของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะยังมีอยู่ไม่น้อยเลย

เมื่อไล่อ่านลงไปเรื่อยๆ หานเจวี๋ยก็สังเกตเห็นโม่จู๋

โม่จู๋ยังอยู่ในการปกครองของหลี่มู่อี ตอนแรกหลี่มู่อีต้องการสานสัมพันธ์กับเขา จึงรับโม่จู๋เข้าสู่สำนัก ยามนี้เขาเกิดความบาดหมางกับหลี่มู่อี มายามนี้โม่จู๋ได้รับการชี้แนะจากอริยะอีกครั้ง เขาชักจะได้กลิ่นแผนการร้ายเสียแล้ว

แต่เขาก็ไม่ใส่ใจเลย คิดจะใช้โม่จู๋มาข่มขู่เขาอย่างนั้นหรือ

ไม่มีทาง!

จิตใจหานเจวี๋ยหนักแน่นดั่งหินผา ไม่มีทางได้รับผลกระทบง่ายๆ

จดหมายที่อยู่ถัดลงไปไม่มีค่าพอให้หานเจวี๋ยสนใจอีก แดนเซียนในยามนี้ยังคงสงบสุขดี ไร้คลื่นมรสุมชั่วคราว

ห้าวันต่อมา หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญต่อ

เวลาผ่านไปอีกยี่สิบปี

ถัดไปจากเขตเซียนร้อยคีรี ภิกษุรูปหนึ่งมาเยือนเมืองของเผ่ามนุษย์

ภิกษุรูปนี้ดูเหมือนจะอยู่ในช่วงอายุสี่สิบต้นๆ ห่มผ้ากาสาวพัสตร์ มือถือไม้ขักขระ[1] เมื่อเปรียบเทียบกับเผ่ามนุษย์ที่นุ่งห่มหนังสัตว์แล้วดูสะดุดตาเป็นพิเศษ

เมื่อเขาเข้าไปในเมืองก็ดึงดูดสายตาอยากรู้อยากเห็นจากปุถุชนเผ่ามนุษย์ พากันชี้ไม้ชี้มือมา

“อมิตาภพุทธ”

ภิกษุรำพึง เริ่มธุดงค์ไปทั่วเมือง

หลายวันต่อมา ตำนานต่างๆ ของสำนักพุทธแพร่กระจายไปทั่วเมือง ชาวมนุษย์ฟังแล้วได้แต่ร้องอุทานด้วยความอัศจรรย์ใจ

จุดที่ต่างกันคือตันหลงแสดงธรรมออกมาตรงๆ ทว่าภิกษุรูปนี้มิได้เทศนาธรรมออกมาโดยตรง แต่หยิบยกวัฒนธรรมตำนานต่างๆ ของสำนักพุทธมาเผยแพร่ ทำให้ชาวมนุษย์ได้ทราบว่าปุถุชนบรรลุธรรมตระหนักมรรคอย่างไร เนื้อหาในตำนานทำให้มีความรู้สึกร่วม เต็มไปด้วยความตื่นเต้นเร้าใจ

อีกด้านหนึ่ง

ฉู่ซื่อเหรินขอเข้าพบหานเจวี๋ย

“อาจารย์ปู่ สำนักพุทธส่งพุทธสมาธิญาณไปที่เผ่ามนุษย์ พุทธสมาธิญาณชำนาญการล่อลวงจิตใจคน หากเผ่ามนุษย์อยู่ใต้การควบคุมของเขา พื้นที่ข้างเคียงสำนักซ่อนเร้นจะถูกสำนักพุทธยื่นเท้าเข้ามา เช่นนี้มิใช่เรื่องดีเลยขอรับ” ฉู่ซื่อเหรินเอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง

ในอดีตเขาคือบรรพชนพุทธภควัตแห่งสำนักพุทธ เขารู้จักภิกษุสงฆ์ในสำนักพุทธเป็นอย่างดี ถึงขั้นที่คุ้นเคยกับวิธีการของสำนักพุทธด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ