ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 497

บทที่ 497 ไก่อ่อนจิกกันเอง จุดยืนของธรรมะและอธรรม

เป็นฝีมือของหานเจวี๋ย!

เขาโยกย้ายประชากรเผ่ามนุษย์ทั้งหมดออกไปจากบริเวณโดยรอบ ไปให้ไกลจากเขตเซียนร้อยคีรี

โจวฝานเห็นภาพนี้ก็อดตะลึงงันไม่ได้ จากนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะโล่งอก

เมื่อครู่พอได้ยินว่าเผ่ามนุษย์จะล่มสลาย เขาเกิดความเห็นใจขึ้นมาตามสัญชาตญาณ ผลสุดท้ายพอเผ่ามนุษย์ถูกโยนออกไป เขาพลันกระจ่างแจ้งขึ้นมา

เผ่ามนุษย์ไหนเลยจะล่มสลายง่ายดายถึงเพียงนั้น!

แค่ในสำนักซ่อนเร้นก็มีศิษย์ที่มาจากเผ่ามนุษย์อยู่มากมายแล้ว!

ขณะเดียวกัน เขาก็ตกตะลึงกับตบะของหานเจวี๋ย

พลังจิตของเขาครอบคลุมไปไม่ถึงเผ่ามนุษย์แล้ว ทว่าหานเจวี๋ยพัดเผ่ามนุษย์ออกไปได้ในคราวเดียว ความสามารถระดับนี้ยากจะจินตนาการได้

ภายในอารามเต๋า

หานเจวี๋ยมีสีหน้าหงุดหงิด

“รู้จักแต่โวยวาย ไม่รู้จักพอ!”

หานเจวี๋ยพึมพำกับตัวเอง ไม่ว่าเผ่ามนุษย์จะมีอันตรายจริงๆ หรือเป็นการจัดฉากของพุทธสมาธิญาณ หานเจวี๋ยก็คร้านสืบสาวราวเรื่องไล่ไปให้พ้นเสียเลย!

หลายปีมานี้ เผ่ามนุษย์สร้างบ้านแปงเมืองอย่างบ้าคลั่ง ใกล้จะปิดล้อมเขตเซียนร้อยคีรีไว้หมดแล้ว นี่มิใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน

น่าเสียดาย พวกเขาประเมินตัวสูงไป

เมื่อเผชิญหน้ากับพลังอันแกร่งกล้า แผนร้ายใดๆ ล้วนกลายเป็นเรื่องน่าขบขัน!

หานเจวี๋ยส่งกระแสจิตลงไปใต้ดิน ไข่กิเลนนับพันใบฟักตัวออกมาเก้าในสิบส่วนแล้ว ไม่เลวเลย

ในยุคนี้ ยิ่งสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าได้รับการหล่อเลี้ยงไว้นานเท่าไร คุณสมบัติเชิงกายภาพก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น

แน่นอนว่าเป็นเพียงคุณสมบัติเชิงกายภาพเท่านั้น

สำหรับหานเจวี๋ยที่บรรลุถึงระดับนี้ คุณสมบัติเชิงกายภาพไม่สำคัญอีกต่อไป เขาให้ความสำคัญกับทักษะความเข้าใจมากกว่า

คุณสมบัติทางกายภาพของลี่เหยาก็ไม่นับว่าเลิศล้ำ แต่ทักษะความเข้าใจแกร่งกล้ายิ่ง ด้วยเหตุนี้นางถึงสามารถไล่ตามศิษย์ชั้นแนวหน้าของสำนักซ่อนเร้นทัน

ในเวลานี้

จู่ๆ หลี่เต้าคงมาขอเข้าพบหานเจวี๋ย หานเจวี๋ยจึงให้เขาเข้ามา

หานเจวี๋ยถามด้วยรอยยิ้ม “เจ้ามาด้วยธุระใด”

หลังจากหลี่เต้าคงและหลี่เสวียนเอ้าเข้าสู่สำนักซ่อนเร้น ก็อยู่อย่างสงบมาโดยตลอด ดีกว่าที่หานเจวี๋ยคาดการณ์ไว้

โดยเฉพาะหลี่เสวียนเอ้า เขาเป็นฝ่ายเริ่มผูกมิตรกับศิษย์คนอื่นๆ ก่อนด้วย

หลายปีนี้ที่อยู่ร่วมกันมา หานเจวี๋ยยอมรับพวกเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว

หลี่เต้าคงเอ่ยถาม “ขอบังอาจถามเจ้าสำนัก พวกข้าทั้งสองมีฐานะใดในสำนักซ่อนเร้น”

หานเจวี๋ยใคร่ครวญแล้วตอบไปว่า “นับจากวันนี้ไป พวกเจ้าคือผู้พิทักษ์สำนักซ่อนเร้น ตำแหน่งนี้มีศักดิ์เสมอศิษย์รุ่นที่สอง เจ้าคือผู้พิทักษ์หลัก หลี่เสวียนเอ้าคือผู้พิทักษ์รอง เป็นอย่างไร”

หลี่เต้าคงยิ้มออกมา เอ่ยขอบคุณ “ขอบพระคุณเจ้าสำนัก!”

เขาไม่อาจเอื้อมมีตำแหน่งเสมอกับหานเจวี๋ย ตอนนี้ความคิดของเขาเปลี่ยนไปแล้ว ในใจเขา หานเจวี๋ยสูงส่งยิ่งกว่าอริยะมรรคาสวรรค์เสียอีก!

หลี่เต้าคงมิได้รั้งอยู่ต่อ ขอตัวจากไป

หานเจวี๋ยคิดไปคิดมา จึงเรียกเจียงอี้เข้ามา

“นับจากวันนี้ไป เจ้าคือผู้พิทักษ์ลำดับที่สามแห่งสำนักซ่อนเร้น มีศักดิ์เทียบเท่าศิษย์รุ่นที่สอง”

เจียงอี้ฟังแล้วมีสีหน้าปลาบปลื้ม เผยความปรีดาออกมา

เขาเอ่ยถาม “ได้เป็นผู้พิทักษ์คนเดียวหรือ”

“เจ้าคือผู้พิทักษ์ลำดับที่สาม ถัดลงมาจากหลี่เต้าคงและหลี่เสวียนเอ้า”

“ห๊า”

รอยยิ้มบนใบหน้าเจียงอี้เจื่อนลงทันที แต่ฉุกคิดได้ว่า หากจัดให้เขามีลำดับสูงกว่าหลี่เต้าคง พูดไปก็ดูไม่น่าฟังนัก เขามิใช่คู่ต่อสู้ของหลี่เต้าคงเลย

เมื่อเป็นเช่นนี้ เจียงอี้จึงกลายเป็นผู้พิทักษ์ลำดับที่สาม

เขานำเรื่องนี้ไปป่าวประกาศ ท่าทางภาคภูมิใจอย่างยิ่ง

ผู้พิทักษ์ลำดับที่สามฟังอย่างไรก็ดูร้ายกาจกว่าศิษย์รุ่นที่สี่!

สำหรับเรื่องนี้ เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นต่างรู้สึกอิจฉาตาร้อน ตำแหน่งผู้พิทักษ์ฟังดูร้ายกาจกว่าตำแหน่งศิษย์เสียอีก

หลังจากหลี่เต้าคง หลี่เสวียนเอ้าและเจียงอี้กลายเป็นผู้พิทักษ์ ทั้งสำนักซ่อนเร้นตั้งแต่ระดับสูงไปจนถึงระดับต่ำล้วนให้ความรู้สึกเหนียวแน่นกลมเกลียวยิ่งขึ้น

แต่ก่อนสำนักซ่อนเร้นหละหลวมเกินไป หลายปีมานี้ หานเจวี๋ยค่อยๆ มอบฐานะที่ชัดเจนให้ผู้ที่ยังคงคลุมเครืออยู่ ราวกับกำลังส่งสัญญาณบางอย่าง

สำนักซ่อนเร้นต้องเอาจริงแล้ว!

หากไร้กฏเกณฑ์ก็ไม่อาจเป็นปึกแผ่นได้!

หลังจากเผ่ามนุษย์ถูกย้ายออกไป เขตเซียนร้อยคีรีกลับสู่ความสงบ หลังจากได้เห็นอิทธิฤทธิ์ของหานเจวี๋ย เหล่าศิษย์ต่างตั้งใจฝึกฝนยิ่งขึ้น พวกเขาอยากทรงพลังถึงขั้นที่สามารถเคลื่อนย้ายดวงดาว สั่นคลอนขุนเขาเขย่านทีเช่นนั้นได้

ชั่วพริบตาเดียว เวลาผ่านไปอีกหนึ่งพันปี

ตบะของหานเจวี๋ยเพิ่มพูนขึ้นอีกไม่น้อยเลย เข้าใกล้ระดับครึ่งอริยะขั้นสมบูรณ์ไปเรื่อยๆ

สิ่งที่เขาหมายตามิใช่ครึ่งอริยะขั้นสมบูรณ์ แต่เป็นระดับอริยะ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ