บทที่ 498 ครึ่งอริยะขั้นสมบูรณ์ คำพูดของอริยะ
หานเจวี๋ยไม่ได้ทำนายต่อไปอีกว่าเหล่าอริยะมีความทะเยอทะยานเช่นไร ถึงอย่างไรก็ไม่กระทบมาถึงตัวเขา
สาปแช่งอริยะมิ่งจีจนเป็นบ้าก็พอแล้ว หากสาปแช่งอีก มรรคาสวรรค์อาจล่มสลายอีกครั้ง
ตอนนี้หานเจวี๋ยเพียงอยากเก็บตัวฝึกบำเพ็ญอยู่ในอาณาเขตเต๋า
สามปีต่อมา
“ข้า นักพรตเทียนชิง จะสร้างอาณาเขตเต๋าสำหรับแสดงธรรม ณ ทะเลฟ้าชาดสุดเขตแดนใต้ เพื่อแสดงธรรมแห่งวิถีเซียนให้แก่สรรพสิ่ง จะเริ่มแสดงธรรมให้อีกหนึ่งร้อยปีให้หลัง ทุกสรรพสิ่งสามารถมาสดับฟัง ทำความเข้าใจผู้ทรงพลังที่มีอายุยืนยาวเป็นอมตะ!”
เสียงหนึ่งดังก้องทั่วแดนเซียน หานเจวี๋ยนับนิ้วทำนาย อีกฝ่ายเป็นเพียงเซียนทองต้าหลัว
เซียนทองต้าหลัวก็กล้ามาแสดงธรรมแล้วหรือ
รนหาที่ตายจริงๆ!
ไม่กลัวจะล่วงเกินอริยะหรืออย่างไร
จากนั้นก็ฉุกคิดได้ว่า อีกฝ่ายอาจจะเป็นศิษย์ของอริยะ
หานเจวี๋ยส่ายหัวหลุดขำออกมา
ช่วงหนึ่งพันปีหลังจากนั้น มีผู้ทรงพลังถ่ายทอดเสียงไปทั่วแดนเซียนอยู่เนืองๆ ประกาศว่าจะแสดงธรรม มีแนวโน้มสูงว่าจะเกิดการแก่งแย่งชิงดีกันของสำนักต่างๆ
หนึ่งพันปีต่อมา ในที่สุดหานเจวี๋ยก็เฉียดใกล้ระดับอริยะขั้นสมบูรณ์
นับจากการทะลวงขั้นครั้งก่อน ก็ล่วงเลยมาเกือบเจ็ดพันปีแล้ว
หานเจวี๋ยตื่นเต้นลนลาน จึงสาปแช่งอริยะมิ่งจีไปก่อนระลอกหนึ่งเป็นการเฉลิมฉลอง
ห้าวันต่อมา เมื่อสาปแช่งเสร็จสิ้น หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญต่อ
ฮึดสู้เข้าไว้!
มุ่งสู่ขั้นสมบูรณ์!
ในเวลาเดียวกัน นอกเขตเซียนร้อยคีรีมีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยือน
สิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ ทว่าใบหน้ามิใช่หน้ามนุษย์ทั้งสามตนมาถึงเนินเขา หัวหน้ากลุ่มเป็นสิ่งมีชีวิตร่างมนุษย์หัวเหยี่ยว สวมชุดคลุมสีม่วง ขลิบริมสีแดง
สิ่งมีชีวิตหัวเหยี่ยวขมวดคิ้วเอ่ยขึ้นว่า “พลังจิตไม่อาจสอดแนมเข้าไปได้เลย สมกับเป็นเขตหวงห้ามอันดับหนึ่งของแดนเซียน”
สิ่งมีชีวิตหัวงูที่อยู่ข้างๆ ถาม “พี่ใหญ่ พวกเราบุกเข้าไปเลยหรือไม่”
สิ่งมีชีวิตหัวเหยี่ยวส่ายหน้า เอ่ยปราม “ก่อนจะยืนยันจนมั่นใจอย่าได้บุ่มบ่ามเคลื่อนไหว ไม่ง่ายเลยกว่าพวกเราสามเซียนยอดลำนำจะเดินทางมาถึง ไม่อาจประมาทได้ แดนเซียนซุกซ่อนผู้ทรงพลังไว้มากมาย หากเขตเซียนร้อยคีรีมีผู้ทรงพลังอยู่ พวกเราก็จำเป็นต้องทำตัวสุภาพเข้าไว้”
เมื่อสิ่งมีชีวิตอีกสองตนได้ฟังก็สบตากันแวบหนึ่ง พยักหน้ารับเงียบๆ
ด้วยเหตุนี้ สามเซียนยอดลำนำจึงเริ่มลงหลักปักฐานในละแวกใกล้เคียง สร้างที่พำนักของตนขึ้น
ใต้ต้นฝูซัง
ไก่คุกรัตติกาลร้องขึ้นมา “มีสิ่งมีชีวิตแปลงกายได้สามตนอาศัยอยู่นอกเขตเซียนร้อยคีรี เป็นจักรพรรดิเซียนทั้งสิ้น”
เจ้าใหญ่แค่นเสียง “ก็แค่จักรพรรดิเซียน มีอันใดน่าสนใจกัน”
เจ้ารองพยักหน้าเห็นด้วย
จักรพรรดิเซียนหรือ
สำนักซ่อนเร้นไม่ขาดแคลนจักรพรรดิเซียนเลย!
ผ่านมาเนิ่นนานขนาดนี้ พวกเขาและเผ่าเอกาล้วนเริ่มมุ่งหน้าสู่ระดับเทพกันแล้ว!
สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นเอ่ยด้วยความอยากรู้อยากเห็น “คงมิใช่ว่าพวกเขาคิดจะบุกเข้ามาในเขตเซียนร้อยคีรีของพวกเรากระมัง”
“เป็นไปไม่ได้กระมัง”
“จุ๊ๆ เจ้าคิดว่าผู้อื่นสมองสุนัขหรือไร”
“หมายความว่าอย่างไร เกรงใจกันบ้าง เขาคือลูกหมาของท่านไก่นะ!”
“พวกเจ้า…ไม่มีความเป็นคน!”
“จะพูดก็พูดไปสิ อย่าได้ข่มเหงสุนัขสวรรค์ ตอนนี้ผู้อื่นมีผู้พิทักษ์รองคอยให้ท้ายแล้ว ร้ายกาจนัก”
เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นใต้ต้นฝูซังเริ่มคุยเล่นกัน บ้างพูดบ้างหัวเราะ ล้วนไม่เห็นสามเซียนยอดลำนำอยู่ในสายตาเลย
อย่าว่าแต่จักรพรรดิเซียนเลย ต่อให้ครึ่งอริยะมาโจมตี เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นก็ไม่มีทางตื่นตระหนก
ห้าร้อยปีต่อมา
ในที่สุดหานเจวี๋ยก็มาถึงขั้นตอนการฝ่าทะลวง อารมณ์เขาเบิกบาน เริ่มปิดด่านทันที
ช่วงที่เขาปิดด่านอยู่ สามเซียนยอดลำนำนั่งไม่ติดที่แล้ว
พวกเขาเริ่มทดลองบุกเข้าไปในเขตเซียนร้อยคีรี แต่ถูกค่ายอาคมขวางกั้น
“บังอาจ!”
เสียงตะโกนกึกก้องแว่วออกมา สามเซียนยอดลำนำล่าถอยไปด้วยความตกใจ
มองเห็นบุรุษชุดขาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศภายในเขตเซียนร้อยคีรี ก้มหน้ามองสามเซียนยอดลำนำ
ยอดฝีมือ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...