เจ้าเด็กนี่…
อุบเรื่องเก่งจริงๆ
“เหอะ! เห็นข้าตลกนักหรือ ดูแล้วเจ้าก็ไม่ได้เห็นข้าเป็นอาจารย์เลย ก็ถูกนะ เป็นอาจารย์แต่ข้าไม่เคยสอนอะไรเจ้าเลย” เซียนซีเสวียนแค่นเสียงกล่าว
หานเจวี๋ยยักไหล่เอ่ย “จู่ๆ ท่านก็เอ่ยถามเช่นนี้ ข้าตั้งตัวไม่ทัน อีกอย่างก่อนหน้านี้ข้าก็เคยถามท่านเกี่ยวกับสถานที่ที่เหมาะสำหรับการฝ่าด่านเคราะห์แล้วด้วย”
เซียนซีเสวียนส่ายหน้าอดยิ้มออกมาไม่ได้ ตอนนั้นนางจะคิดได้อย่างไรว่าหานเจวี๋ยทะลวงระดับเปลี่ยนวิญญาณได้เร็วเพียงนี้ เขาเพิ่งทะลวงระดับปราณก่อกำเนิดไปเมื่อไม่กี่ปีก่อนเอง?
นางพลันถามต่อ “เจ้ามีความต้องการสิ่งใดหรือไม่ เอ่ยมาได้เลย เจ้ามีคุณูปการต่อสำนักหยกพิสุทธิ์มากกว่าที่สำนักหยกพิสุทธิ์บ่มเพาะเจ้า ไม่ต้องเกรงใจ”
ความต้องการหรือ
หานเจวี๋ยนึกอยู่ครู่หนึ่ง
“มีโอสถฝึกฝนเปลี่ยนวิญญาณหรือไม่”
“ไม่มี…”
“เช่นนั้นก็ช่วยข้าเพิ่มความแข็งแกร่งของพลังวิญญาณภายในถ้ำเทวาของข้าเถิด”
“อืม ข้าจะคิดหาวิธี”
หานเจวี๋ยมีวิชายุทธ์ วิชาเวทสืบทอดของตัวเอง ไม่ต้องการการถ่ายทอดของสำนักหยกพิสุทธิ์
ที่เขาอยู่สำนักหยกพิสุทธิ์มาโดยตลอด ก็เพราะไม่มีสถานที่อื่นที่ดีๆ ให้ไป หากจะให้ระหกระเหเร่ร่อนอย่างลำบากยากแค้น ก็ไม่สู้ฝึกฝนอยู่ที่นี่อย่างสบายใจดีกว่า
หลังจากสนทนาสบายๆ ไม่กี่ประโยค หานเจวี๋ยก็ลุกเดินจากไป
เซียนซีเสวียนมองตามหลังเขา จู่ๆ ก็เอ่ยถามออกไปประโยคหนึ่ง “เจ้าจะอยู่ที่สำนักหยกพิสุทธิ์ไปอีกนานเท่าไร”
หานเจวี๋ยชะงักฝีเท้า หันมองไปทางนาง เอ่ยถามขึ้น “เหตุใดถึงถามเช่นนี้ หากข้าอยากจะหนี ก็คงหนีไปเสียนานแล้ว”
เซียนซีเสวียนส่ายหน้ากล่าว “ข้าไม่ได้กลัวว่าเจ้าจะหนี แต่เจ้าเติบโตเร็วเกินไป พอถึงเวลานั้นวัดเล็กๆ ไม่อาจบรรจุพระพุทธรูปองค์ใหญ่เช่นเจ้าได้ ในดินแดนบำเพ็ญพรตนี้สำนักที่เก่งกาจกว่าสำนักหยกพิสุทธิ์มีมากมายยิ่งนัก คนต้องเดินสู่ที่สูง วารีไหลลงสู่ที่ต่ำ โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญที่มุมานะฝึกฝนเช่นเจ้า ในปีนั้นปรมาจารย์ที่เปิดสำนักก็ได้ไปจากต้าเยี่ยน เพื่อไปยังดินแดนที่สูงกว่า”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นางก็ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้
หานเจวี๋ยยิ้มเอ่ย “อาจจะกระมัง หากมีวันใดที่ข้าอยากจากไปจริงๆ ข้าจะบอกอาจารย์ก่อนอย่างแน่นอน”
กล่าวจบเขาก็หมุนตัวเดินจากไป
ไปสู่ดินแดนที่กว้างใหญ่กว่าเพื่อแสวงหามหามรรคาหรือ
พูดบ้าๆ!
ข้ายอมเป็นหัวไก่ แต่ไม่ยอมเป็นหางหงส์!
อย่างไรเสีย เขาก็มีคุณสมบัติขั้นสูงล้ำ ฝึกฝนอย่างวางใจก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เหตุใดต้องออกไประเหเร่ร่อนในโลกกว้างด้วย
……
กลับถึงถ้ำเทวาฟ้าประทาน หานเจวี๋ยก็เริ่มนั่งสมาธิ
ทันใดนั้นไก่คุกรัตติกาลก็เอ่ยปากพูดขึ้น “นายท่าน ก่อนหน้านั้นข้าได้ยินเสียงไก่ร้องมากจากตีนเขา พอได้ยินเสียงของพวกมัน ข้าก็รู้สึกใจวูบไหวอย่างบอกไม่ถูก อยากจะพุ่งออกไป นี่เป็นเพราะเหตุใดกัน หรือจะเป็นวิชาปีศาจที่ท่านพูดถึง?”
หานเจวี๋ยเลิกคิ้วตอบ “ใช่ เจ้าต้องควบคุมอารมณ์หุนหันพลันแล่นนี้ หากเจ้าตามมันไปก็จะตกอยู่ในสถานที่ที่ไม่อาจช่วยเหลือได้ตลอดกาล ยากที่จะกลายเป็นหงส์ได้ นี่คือสิ่งที่สวรรค์กำลังทดสอบเจ้า”
หรือฤดูผสมพันธุ์ของเจ้านี่จะมาถึงแล้ว
ได้ยินเสียงไก่ตัวเมียร้องก็เริ่มต้านทานไม่ไหวเสียแล้ว?
ไก่คุกรัตติกาลได้ยินเช่นนั้น ก็พลันรู้สึกตึงเครียดจนขนไก่ตั้งชันราวกับไก่ตัวผู้ที่กำลังจะสู้ศึก
“ขอบคุณนายท่านที่กล่าวเตือน ข้าเกือบหลงทางแล้ว หนทางแห่งการฝึกฝนช่างเต็มไปด้วยอันตรายจริงๆ!” ไก่คุกรัตติกาลเอ่ยทอดถอนใจ
หานเจวี๋ยแอบขำในใจ
ข้ายังเป็นเด็กอยู่เลย เจ้าเองก็อย่าคิดที่จะใช้ชีวิตเร็วเกินไป!
เจ้าก็เป็นลูก…ไก่แล้วกัน!
ไม่นาน หานเจวี๋ยกับไก่คุกรัตติกาลก็เข้าสู่การฝึกฝน
ยามว่างหานเจวี๋ยจะปลูกฝังความคิดของตัวเองให้กับไก่คุกรัตติกาล
ทุกสรรพสิ่งล้วนด้อยค่า มีเพียงการบำเพ็ญเท่านั้นที่สูงส่ง
ผู้บำเพ็ญล้วนเป็นคนเหนือคน!
ไก่บำเพ็ญ ก็เป็นไก่ที่เหนือกว่าไก่ทั้งปวง!
……
เพียงพริบตา เวลาก็ผ่านพ้นไปสองปี
หานเจวี๋ยยังไม่ทะลวงระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นสอง แต่อาศัยการรับประทานโอสถ จนตอนนี้เริ่มเข้าใกล้ขั้นสองแล้ว
เขาไม่หยุดพัก แต่ยังคงฝึกฝนต่อ ช่วงชิงเวลาทะลวงในเร็ววัน
วันนี้
ลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณก็มาในที่สุด
ผู้ที่มาคือเจ้าลัทธิหวงจุนเทียนและผู้อาวุโสท่านหนึ่ง
ผู้อาวุโสท่านนี้มีฉายาทางเต๋าว่านักพรตเต๋าซั่นขุย มีตบะระดับเปลี่ยนวิญญาณเช่นกัน
หวงจุนเทียนหยุดลงบนยอดเขา มองไปทางยอดเขาทั้งสิบแปดของสำนักหยกพิสุทธิ์ที่อยู่ไกลๆ อย่างระแวดระวัง
นักพรตเต๋าซั่นขุยคลุมด้วยเสื้อกันฝนที่ทำมาจากหญ้าหนวดมังกร ดวงตาทั้งคู่ที่อยู่ใต้ปีกหมวกเยือกเย็นอย่างหาที่เปรียบมิได้ แฝงไปด้วยจิตสังหาร
“เจ้าสำนัก ลงมือเถอะ!”
นักพรตเต๋าซั่นขุยเอ่ยปากกล่าว น้ำเสียงเต็มไปด้วยการเหยียดหยาม
นี่น่ะหรือสำนักหยกพิสุทธิ์
อ่อนแอยิ่งนัก!
กลิ่นอายระดับเปลี่ยนวิญญาณสักคนยังไม่มีเลย!
ผู้แข็งแกร่งระดับปราณก่อกำเนิดก็เหลือไม่ถึงสิบคน เดิมทีก็ไม่เพียงพอให้พวกเขาสังหาร!
หวงจุนเทียนกล่าวอย่างลังเล “อ่อนแอเกินไป จะเป็นหลุมพรางหรือไม่ หากเป็นข้า คงไม่กล้าไปโจมตีลัทธิศักดิ์สิทธิ์”
นักพรตเต๋าซั่นขุยจนวาจา กล่าวว่า “กลัวอะไร พวกเขาก็แค่ทุ่มกำลังต่อสู้ให้ถึงที่สุด ไม่เช่นนั้นช้าเร็วก็ถูกพวกเรากลืนกินอยู่ดี!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...