ลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณที่ถูกล้อมโจมตีจากสำนักหยกพิสุทธิ์และสำนักกระบี่วิหคชาดเริ่มเกิดความหวาดประหวั่น
โดยเฉพาะระดับผู้อาวุโส
ด้วยความสามารถของพวกหวงจุนเทียนควรจะกลับมาตั้งนานแล้ว เหตุใดถึงกินเวลาเนิ่นนานเพียงนี้
หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
พวกเขาเริ่มนึกถึงความกังวลใจของหวงจุนเทียน หวาดกลัวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
เช่นนั้นพวกเขาจึงออกคำสั่ง ให้ศิษย์ทั้งหมดที่อยู่ด้านนอกรีบกลับลัทธิโดยเร็ว พร้อมกับป้องกันการรุกล้ำของสำนักหยกพิสุทธิ์และสำนักวิหคชาด
การต่อกรกับทั้งสองสำนักก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย ใช้เพียงกองกำลังผู้บำเพ็ญในลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณต้านทานก็เพียงพอแล้ว
แต่ยามนี้พวกเขารู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว
กลัวการปรากฏตัวของศัตรูที่ลึกลับและทรงพลัง
การต่อสู้ดำเนินมาอย่างยาวนาน สำนักหยกพิสุทธิ์และสำนักกระบี่วิหคชาดได้รับการอ้อนวอนและข้อเสนอจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ โดยลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณจะยอมปล่อยเชลยของทั้งสองสำนักทั้งหมด ซึ่งรวมถึงหวงจี๋เฮ่า เพราะเหตุนี้สำนักหยกพิสุทธิ์และสำนักกระบี่วิหคชาดจึงยอมร่นถอย กลับสำนักของตนเอง
ต่อสู้ยาวนานหลายปีเช่นนี้ แน่นอนก็ต้องเหนื่อยอยู่แล้ว
……
นับตั้งแต่ที่หวงจุนเทียนแพ้พ่าย วันเวลาได้ล่วงเลยไปห้าปี
หานเจวี๋ยพึ่งพาโอสถ ทะลวงไปถึงระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นสามอย่างรวดเร็ว
โอสถของเขาก็ใช้หมดไปแล้ว
ไม่มีโอสถสำหรับการฝึกบำเพ็ญระดับเปลี่ยนวิญญาณ เขาพบว่าพลังวิญญาณในถ้ำเทวาฟ้าประทานสำหรับเขากลับค่อนข้างบางเบาอยู่บ้าง
หากฝึกบำเพ็ญต่อไปเช่นนี้ อยากจะทะลวงถึงระดับสุญตา ต้องใช้เวลากี่ปีกัน
แม้วิชายุทธิ์จะแข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ต้องอาศัยพลังวิญญาณฟ้าดินรอบกายด้วย
ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังกลัดกลุ้มอยู่นั้นเอง ทันใดนั้นหยางเทียนตงก็กลับมา
หลังจากเข้ามาในถ้ำเทวา เขากระโจนเข้ามาตรงหน้าหานเจวี๋ย เริ่มร้องไห้คร่ำครวญ
“ท่านอาจารย์! อดทนมาหลายปีเพียงนี้ ในที่สุดข้าก็ได้พบกับท่าน!”
“ท่านรู้หรือไม่ หลายปีมานี้ศิษย์ได้รับความทุกข์ทรมานเพียงใด!”
“ข้าเชื่อมาตลอดว่าท่านอาจารย์จะต้องมาช่วยข้ามา เจ้าสำนักก็บอกกับข้าหมดแล้ว หากไม่ใช่เพราะมีท่านปกป้องอยู่ที่สำนักหยกพิสุทธิ์ เขาก็ไม่กล้าวางใจไปช่วยพวกเราออกมา!”
หยางเทียนตงร้องไห้คร่ำครวญราวฟ้าถล่มดินทลาย ด้วยความโศกเศร้าดีใจระคนกัน
ไก่คุกรัตติกาลเอียงคอ กะพริบตาจ้องมองคนแปลกหน้าผู้นี้
หานเจวี๋ยฟังจนรู้สึกละอายใจ
เหตุผลหลักๆ ที่เขาไม่ไปช่วยหยางเทียนตงนั่นเป็นเพราะเขากลัว
หานเจวี๋ยเอ่ยปากกล่าวขึ้นว่า “ศิษย์เอ๋ย เจ้าทำได้ดีมาก ต่อจากนี้อาจารย์จะถ่ายทอดวิชาเวทให้เจ้า”
[ความประทับใจที่หยางเทียนตงมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 5 ดาว]
หยางเทียนตงซาบซึ้งจนน้ำตาไหลพราก ก้มลงคำนับไม่หยุด
หลังจากนั้นหานเจวี๋ยแนะนำไก่คุกรัตติกาลให้กับหยางเทียนตงได้รู้จัก
หยางเทียนตงเห็นไก่คุกรัตติกาลตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่เขาไม่ทันได้เอ่ยถาม
“เจ้าคือศิษย์ของนายท่านสินะ ต่อไปนี้เรียกข้าว่าพี่ไก่ก็พอ” ไก่คุกรัตติกาลเอ่ยปากขึ้น
พี่ไก่?
หานเจวี๋ยหมดวาจา
หยางเทียนเองก็ตะลึงงัน
ไก่คุกรัตติกาลแค่นเสียงกล่าว “แต่ข้าก็เป็นถึงหงส์ อีกไม่ช้าไม่นานข้าจะพานายท่านโบยบินไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้า!”
ไม่รู้ว่าเพราเหตุใด เพียงได้เห็นหยางเทียนตง มันก็รู้สึกถึงความประสงค์ร้ายอย่างไม่ทราบสาเหตุ
มันไม่ชอบกลิ่นอายพลังของหยางเทียนตงเลย
เป็นครั้งแรกที่หยางเทียนตงเห็นไก่ที่ตัวใหญ่เช่นนี้ จึงรู้สึกร้อนรนอยู่บ้าง แต่เกรงว่าหากกล่าวผิดไปจะล่วงเกินหานเจวี๋ยเข้า
“เอาเถิด เจ้าไปฝึกบำเพ็ญด้านข้าง อีกไม่กี่วันข้าจะถ่ายทอดวิชาเวทให้เจ้า” หานเจวี๋ยกล่าวกับหยางเทียนตง
ได้ยินแล้ว หยางเทียนตงก็รู้สึกประหลาดใจ พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ก่อนรีบร้อนเดินไปนั่งขัดสมาธิลงฝึกบำเพ็ญที่ด้านข้าง
หานเจวี๋ยเองก็เริ่มฝึกบำเพ็ญต่อ
ดูเหมือนว่า พวกหลี่ชิงจื่อก็กลับมาแล้ว
เป็นอย่างที่คิดไว้
เที่ยงตรงของวันต่อมา หลี่ชิงจื่อก็เข้ามาเยี่ยมเยือน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...