ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 55

บทที่ 55 ระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นห้า การฟื้นคืนชีพได้ไม่จำกัด
เมื่อได้ฟังคำพูดของหานเจวี๋ย ซูฉีชะงักไปครู่หนึ่ง

เพียงไม่นาน ความกลัวและความสิ้นหวังพลันถาโถมในใจของเขา

เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ท่านเป็นใครกันแน่ ที่นี่คือสำนักหยกพิสุทธิ์นะ!”

เท่าที่เขารู้จัก สำนักหยกพิสุทธิ์เป็นสำนักที่มีชื่อเสียงดีงาม ไม่มีทางที่จะทำเรื่องเช่นนี้

[ซูฉีเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 2 ดาว]

หานเจวี๋ยเอ่ยขึ้นอย่างเรียบนิ่ง “ข้าเคยให้โอกาสเจ้าแล้ว เจ้าไม่เห็นค่า ตอนนี้เจ้าเลือกไม่ได้แล้ว หลังจากนี้ก็อยู่แต่ในนี้”

ซูฉีรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

เขาหวนคิดอยู่ครู่หนึ่ง

ไม่ถูกสิ!

หากว่าหานเจวี๋ยเป็นคนไม่ดี เช่นนั้นคงจะสังหารเขาไปแล้ว

เขาเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา และก็ไม่ใช่ศิษย์ของสำนักหยกพิสุทธิ์ จับเขาไว้จะมีประโยชน์อันใด

ช้าก่อน!

หรือว่านี่คือผู้สูงส่งของสำนักหยกพิสุทธิ์ และคนผู้นี้กำลังทดสอบเขาอยู่?

เมื่อซูฉีคิดเช่นนี้ ในใจพลันรู้สึกมั่นใจ

เขาเดินไปที่มุมห้องทันที เลียนแบบท่าทางหานเจวี๋ย เริ่มนั่งสมาธิ

[ซูฉีเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 3 ดาว]

หานเจวี๋ยตกตะลึง

จากระดับความอาฆาตแค้น 2 ดาวก กลายเป็นระดับความประทับใจ 3 ดาว…

นี่มันเกิดอะไรขึ้น

หรือเจ้าเด็กนี่…ไม่ปกติ?

หานเจวี๋ยไม่ได้สนใจเขาอีก สงบจิตใจฝึกบำเพ็ญ

เพื่อเลี่ยงไม่ให้ซูฉีกินทิ้งเรี่ยราด ทำถ้ำเทวาของเขาเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว เขาใช้วิธีการดูดซับปราณอย่างง่ายที่สุดถ่ายทอดให้กับซูฉี

ถ่ายทอดให้เพียงขั้นที่หนึ่ง เพื่อเลี่ยงไม่ให้เจ้าหมอนี่ฝึกบำเพ็ญจนมีชื่อเสียงขึ้นมาจริงๆ

ตราบใดที่ตบะของเขาตามหานเจวี๋ยไม่ทันถือเป็นใช้ได้

การถ่ายทอดของเขาครั้งนี้ ทำให้ระดับความประทับใจของซูฉีเพิ่มขึ้นถึง 5 ดาว!

งานเฉลิมฉลองใหญ่หนึ่งพันปีก็ได้ดำเนินไปอย่างครึกครื้น

แม้ว่าจะอยู่ภายในถ้ำเทวา หานเจวี๋ยและซูฉีก็ยังสามารถได้ยินวาจาของหลี่ชิงจื่อที่พูดต่อหน้าคนทั้งสำนัก บอกเล่าประวัติของสำนักหยกพิสุทธิ์ ซูฉีได้ฟังก็รู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่าน

เขายังอยู่ในสำนักหยกพิสุทธิ์จริงๆ ด้วย!

หานเจวี๋ยจะต้องเป็นผู้สูงส่งของสำนักหยกพิสุทธิ์เป็นแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจหาญเพียงนี้

ซูฉีตัดสินใจตั้งใจแล้ว เขาจะฝึกบำเพ็ญตามหานเจวี๋ยให้ดี

งานเฉลิมฉลองใหญ่หนึ่งพันปีผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากแต่ละสำนักแยกย้ายจากไป สำนักหยกพิสุทธิ์กลับไม่ได้เงียบสงบลง ทว่ากลับครึกครื้นขึ้นมากกว่าเดิม

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งและหลี่ชิงจื่อพัฒนาเปลี่ยนแปลงสำนักฝ่ายใน กฎระเบียบที่สร้างขึ้นก็มากขึ้นทุกทีๆ

นอกจากนี้ นักพรตเต๋าจิ่วติ่งยังเพิ่มแหล่งทรัพยากรคุณภาพเข้าไปในคลังเก็บสมบัติไม่น้อย มีวิชายุทธ์ วิชาเวท ของวิเศษต่างๆ เห็นได้ว่านักพรตเต๋าจิ่วติ่งกลับมาที่นี่ก็ได้มีการเตรียมพร้อมจริงๆ

เพียงพริบตา

เวลาสามปีผ่านไป

หานเจวี๋ยทะลวงระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นสี่สำเร็จ

ด้วยความช่วยเหลือของนักพรตเต๋าจิ่วติ่งและหลี่ชิงจื่อ พลังวิญญาณในภูเขาที่หานเจวี๋ยอาศัยอยู่เพิ่มสูงขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มากกว่าห้าเท่า

ตอนนี้หานเจวี๋ยพึงพอใจมาก และไม่คิดอยากวิ่งวุ่นไปไหนอีก อีกทั้งไม่อยากตามนักพรตเต๋าจิ่วติ่งไปต่างแดน

ในช่วงระยะเวลานี้ สำนักหยกพิสุทธิ์ได้เปิดสมัครศิษย์ใหม่ จำนวนศิษย์ฝ่ายนอกเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ของศิษย์ฝ่ายในยังเพิ่มขึ้นไม่เกินจำนวน

สำนักหยกพิสุทธิ์รับศิษย์ เพียงคัดเลือกจากมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะเกิดจารชนของสำนักต่างๆ ดังเช่นเมื่อก่อน

ในระยะหลายสิบปีมานี้นักพรตเต๋าจิ่วติ่งก็ไม่ได้ออกจากสำนัก แต่ในปีนี้เขาจะพาศิษย์แกนหลักไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์มาเยี่ยมเยือนหานเจวี๋ย และบอกกล่าวเรื่องนี้ให้เขาได้รู้

“ลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณสิ้นแล้ว ยามนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับสุนัข ใครๆ ก็ตะโกนโห่ร้องและทุบตี!” ฉางเยวี่ยเอ๋อร์กล่าวอย่างตื่นเต้น

สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นที่อยู่ข้างๆ ได้ฟัง ก็แทบจะควันออกหู

มันกล่าวขึ้นอย่างอดไม่ไหวว่า “สุนัขแล้วเป็นอย่างไร”

เพื่อเลี่ยงไม่ให้ฉางเยวี่ยเอ๋อร์พบกับซูฉี และถูกความโชคร้ายติดตัว หานเจวี๋ยจึงออกมาพบนางโดยเฉพาะ ทั้งสองสนทนากันในป่า

ยามปกติแล้วสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นและไก่คุกรัตติกาลก็ชอบมาอยู่ที่นี่

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์หัวเราะกล่าวว่า “ที่ข้าหมายถึงคือสุนัขเลี้ยงทั่วๆ ไป แต่เจ้าไม่เหมือนกัน เจ้าอย่าได้ออกรับสิ”

สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นได้คิดก็รู้สึกว่ามีเหตุผล

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์กล่าวต่อ “ภายใต้การนำของท่านอาจารย์ปู่ ลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณแตกพ่ายอย่างสมบูรณ์ อาจารย์ปู่ขนย้ายทรัพย์สินทั้งหมดของลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณมาหมดแล้ว หลังจากนี้ก็ตกเป็นทรัพย์สมบัติของสำนักหยกพิสุทธิ์ของพวกเรา”

หานเจวี๋ยได้ยินก็รู้สึกพอใจมาก

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งใช้ได้เลยนี่ ก่อนจากไปช่วยสำนักหยกพิสุทธิ์รวมแดนบำเพ็ญพรตเป็นหนึ่ง เช่นนี้ภายภาคหน้าสำนักหยกพิสุทธิ์ก็ไม่ต้องพบเจออันตรายที่จะทำให้สำนักล่มสลายลงอีก

ความประทับใจของหานเจวี๋ยที่มีต่อนักพรตเต๋าจิ่วติ่งกลับกลายเป็นดีขึ้นมาก

“ช่วงนี้ท่านฝึกบำเพ็ญเป็นอย่างไรบ้าง เตรียมจะทะลวงระดับรวมแก่นปราณเมื่อใดหรือ” หานเจวี๋ยเอ่ยถาม

เวลาสิบปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยทะลวงไปถึงระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นห้า ส่วนตบะของซูฉีกลับมาถึงระดับสร้างฐานแล้ว

พรสวรรค์ของเขานั้นร้ายกาจอย่างแท้จริง เขาสามารถทะลวงมันอย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องอาศัยโอสถสร้างฐาน

ซูฉีเพลิดเพลินไปกับการฝึกบำเพ็ญ เวลาล่วงเลยผ่านไปสิบกว่าปี เขาไม่เคยเอ่ยเลยว่าอยากออกไปจากที่นี่ อีกทั้งยังนับถือหานเจวี๋ยมาก

วันนี้

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งพาศิษย์แกนหลักกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ ได้รับเสียงเรียกร้องให้กำลังใจจากสำนักหยกพิสุทธิ์เป็นอย่างมาก

หานเจวี๋ยเองก็ถูกรบกวนเช่นกัน เขาลืมตาขึ้น เตรียมที่จะพักสักครู่

เขากดเปิดค่าความสัมพันธ์เพื่ออ่านจดหมายแจ้งเตือน

[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านถูกผู้บำเพ็ญสายมารโจมตี]

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านถูกปีศาจโจมตี ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านถูกสำนักพุทธโจมตี ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านถูกสังหาร ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง]

[โจวฝานสหายของท่านหลงทางเข้าไปในแดนต้องห้ามบรรพกาล ดวงชะตาแปรเปลี่ยน]

หานเจวี๋ยตกตะลึง

เซียนฉิงจวินถูกสังหาร?

ดูเหมือนว่าร่างมนุษย์ของนางจะสามารถฟื้นคืนชีพได้ไม่จำกัด

หานเจวี๋ยกลับไม่ได้กังวใจ ถึงอย่างไรนางก็เป็นถึงจอมมาร

เขาสังเกตเห็นว่าดวงชะตาของโจวฝานกลับมีการเปลี่ยนแปลงไป

แต่ว่าเปลี่ยนเป็นเช่นไรนั้น เขามองไม่เห็น

“ฮ่าๆๆ สหายน้อยหาน ข้ามาเยี่ยมเจ้าแล้ว”

เสียงหัวเราะของนักพรตเต๋าจิ่วติ่งดังลอยเข้ามา จากนั้นเขาก็กลายเป็นลมสายหนึ่งพุ่งเข้าไปในถ้ำเทวา

ซูฉีอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้น

หานเจวี๋ยลอบเอ่ยในใจว่าแย่แล้ว

ดาวตัวซวยอยู่ข้างกาย จะนำพาความโชคร้ายมาสู่นักพรตเต๋าจิ่วติ่งหรือไม่

ถึงแม้จะเป็นดาวตัวซวย แต่ก็คงไม่แพร่กระจายรวดเร็วขนาดนั้นหรอกกระมัง

…………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ